ในช่วงปีนี้ Binance เองก็โดนมรสุมหลายอย่าง เช่น FUD ในส่วนของ Reserve มีปัญหาบ้าง โดน SEC ฟ้องและล่าสุดคือ FUD ผู้บริหารพากันลาออกถึง 3 คน และการไล่ออกพนักงาน โดยข่าวจาก Wall Street Journal ได้รายงานว่า Binance ได้ทำการไล่พนักงานออกกว่า 1,000 คน เพื่อลดต้นทุนและนำเงินไปสู้คดีกับ SEC ซึ่งเรื่องราวจะเป็นยังไงตามไปดูกัน
การปลดพนักงานและการลาออกของผู้บริหาร
ข่าวการปลดพนักงานเกิดขึ้นเมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว 14 กรกฎาคม 2565 โดย Wall Street Journal ได้ข่าวจากแหล่งข่าววงในได้อ้างว่ามีการปลดพนักงานถึง 1,000 คน ส่วน CNBC ได้อ้างว่าน่าจะมีการปลดถึง 1,500-3,000 คน จากจำนวนพนักงานปัจจุบันคาดการณ์ว่ามีอยู่ 8,000 คน คาดว่าจะถูกปลดกว่า 1 ใน 3 ของพนักงานทั้งหมดเลยทีเดียว แต่จากข้อมูลบน Statista นั้น ปี 2021 มีพนักงานทั้งหมดอยู่ที่ 6,440 คน
ซึ่งตำแหน่งที่คาดว่าโดนผลกระทบเยอะที่สุดในการเลิกจ้างคือ Customer Service ที่มีอยู่ทั่วโลก โดยปัจจุบันนั้นยังไม่ทราบจำนวนและการประกาศไล่ออกที่แน่นอนจากต้นทาง แต่ตัวแทนของทาง Binance ได้บอกว่าการไล่ออกเป็นเรื่องปกติ เพื่อคัดคนที่มีความสามารถเหมาะสม
และนอกจากนี้ ยังมีข่าวจาก Fortune เกี่ยวกับการลาออกของผู้บริหารระดับสูงหลายคน เช่น 1.Patrick Hillmann ประธานฝ่ายกลยุทธ์(Chief Strategy Officer)
2.Han Ng หัวหน้าฝ่ายกฎหมาย(General counsel)
3.Steven Christie รองประธานอาวุโสกำกับดูแล(SVP for Compliance)
4.Steve Milton รองประธานฝ่ายการตลาด
5.Matthew Price ผู้อำนวยการฝ่ายสอบสวน
ซึ่งจากอนาคตที่ไม่แน่นอนของอุตสาหกรรมในสหรัฐและเรื่องของการต่อสู้ทางกฎหมายกับ SEC ที่มีต้นทุนในการสู้อาจนำมาสู่การปลดพนักงานออกก็เป็นได้
ทฎษภีสมคบคิดต่างๆ (Conspiracy theory) FUD
ซึ่งจากข่าวทำให้คนสันนิษฐานกันว่า Binance อาจเกิดปัญหาภายนอกอยู่จนนำมาสู่ปัญหาภายในได้ ซึ่งเรายังไม่แน่ใจว่าปัญหานั้นเกิดจากผลประกอบการที่แย่ลงตามอุตสาหกรรมที่ซึมลง ณ ช่วงนี้ หรือการเจอปัญหาจากการถูกเล่นงานของ SEC จนทำให้ต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายซึ่งก็มีต้นทุนที่สูง
หรืออีกสิ่งที่ทุกคนกลัวคือ Binance จะล่มเหมือน FTX รึปล่าว อ้างอิงจาก Twitter ของ @JoldenCrypto
ที่ได้แสดงความกังวลว่าจะซ้ำรอย FTX ก่อนล้มละลายไหม เพราะตามเหตุการณ์ของ FTX ได้มีผู้บริหารระดับสูง Sam Trabucco (Co-CEO Alameda Research) ที่อยู่กับบริษัทมาตั้งแตก่อตั้งกลับลาออกและ 3 เดือนให้หลังจึงเกิดเหตุการณ์ FTX Crisis ขึ้น
สุดท้ายล้วนทฎษฎีเหล่านี้ล้วนเกิดจากความกังวลและความกลัวของผู้คนต่อตลาด เพราะหาก Binance ล้ม นั้นเท่ากับหายนะของทั้งอุตสาหกรรมคริปโตและตลาดอาจจะซึมไปอีกยาว
การตอบโต้ข่าวจาก Changpeng Zhao (CEO Binance)
จากข่าวดังกล่าวทำให้ Changpeng Zhao (CEO Binance) ได้ออกมาโพสต์ผ่าน Twitter ส่วนตัวเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว
“การเลิกจ้างพนักงานนั้นเป็นเรื่องประจำที่เกิดขึ้นในบริษัทและทุกบริษัทต่างๆอยู่แล้ว เพื่อที่จะเหลือพื้นที่เพื่อดึงคนที่เก่งๆเข้ามาร่วมทีมแทน ซึ่งตัวเลขการเลิกจ้างที่สื่ออ้างนั้นไม่ถูกต้อง เพราะปัจจุบัน Binance ก็ยังคงรับสมัครพนักงานอยู่ตลอด “ CEO Binance กล่าว
อุปสรรคต่อการถูกกำกับ
ปัจจุบัน Binance ก็มีอุปสรรคใหญ่นั่นก็คือการถูกกำกับจาก SEC ที่ได้ยื่นฟ้อง Binance US ทำให้ทาง Binance ก็ต้องหาทางรับมือและสู้คดีต่อไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของ Binance Global ได้เช่นกัน
วิเคราะห์สถานการณ์ FUD
แน่นอนว่าจากข่าวดังกล่าว ทางเราจึงต้องสืบหาข้อมูลต่างๆเพราะคาดเดาผลกระทบว่ารุนแรงไหมโดยมีปัจจัยหลักๆอยู่ 3 อย่างที่เราไว้ประเมินสถานการณ์
ผู้บริหารที่ลาออก
เริ่มที่ผู้บริหารคนแรกที่ลาออก 1.คุณ Patrick Hillmann จากประวัติการทำงานกับ Binance นั้นได้ดำรงตำแหน่ง CCO 1.2 ปี และ CSO 10 เดือนรวมเป็นเกือบ 2 ปีที่อยู่กับ Binance
2.คุณ Han Ng ดำรงตำแหน่ง (General Counsel) จากข้อมูล Linkedin ยังไม่แน่ชัดว่าคนเดียวกันไหมข้อมูลบอกว่าเป็น Customer Service Trainer อยู่ 1 ปี 4 เดือนใน Binance
3.คุณ Steven Christie (SVP for Compliance) ดำรงตรงแหน่ง Compliance ใน Binance กว่า 1 ปี 3 เดือน และยังไม่มีการอัพเดทบน Linkedin ว่าลาออกแล้ว
4.คุณ Steve Milton (Global VP Marketing) มีอายุการทำงานที่ Binance กว่า 4 ปี 5 เดือน ซึ่งยาวนานมาก
5.คุณ Matthew Price (Global Head of Intelligence and Investigations) มีอายุการทำงานใน Binance 1.11ปี หรือเกือบ 2 ปีนั่นเอง
การรับรู้ตลาดต่อข่าว FUD
หากดูการตอบสนองต่อข่าวของผู้คนโดยใช้อัตราจำนวนการ Search (ในรอบ 1 ปี) เพื่อเทียบระหว่าง FTX (เส้นสีฟ้า) และ Binance (เส้นสีแดง) หากผู้คนรับรู้ต่อข่าวจริงมักจะมียอดการ Search ที่สูงอย่างมีนัยยะดั่งเส้นกราฟช่วง Nov 20,2022 ที่มีการ Search FTX สูง
เนื่องจากมีเหตุการณ์ FTX ล้มละลายพอดี คนแห่ถอนเงินออกจาก Centralized Exchange ทั้งหลายเพื่อเก็บเหรียญแบบ Self-Custody แต่ถ้าดูจากช่วงล่าสุดยังไม่มีการ Search Binance ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ
แต่เมื่อย่อยลงมาดูกราฟช่วง (ในรอบ 7 วัน) จะเห็นว่ามีกราฟเพิ่มขึ้นในช่วงวันที่ 14 Jul จากนั้นค่อยลงมาอยู่ที่เดิม
On-chain Analysis
และเมื่อดูจากข้อมูล On-chain บน Defilhama ในส่วนของ CEX Transparency เพื่อดู Inflow/Outflow ก็จะเห็นว่า Inflow ของ Binance ยังเป็นบวกทั้งใน 24h, 7d และ 1m ซึ่งต่างจาก Exchange อื่นที่มี inflow ติดลบในช่วง 1m ที่ผ่านมานี้
Conclusion
จากข่าวดังกล่าวก็ถือว่ายังเป็นข่าวเสียที่คาดว่าจะส่งผลเสียใหญ่พอสมควรหากเป็นเรื่องจริง โดย Binance นั้นมีอายุบริษัทถึง 6 ปี และ 1 ในผู้บริหารอาวุโสอย่างคุณ Steve Milton ที่อยู่มาตั้งแต่
ยุคบุกเบิกลาออกก็ค่อนข้างมี Exposure ต่อบริษัทพอสมควร
ส่วนผู้บริหารคนอื่นๆก็จะมีระยะเวลาในการทำงานเฉลี่ย 1 ปีครึ่ง เลยมองว่ายังไม่มี Exposure มากนักต่อบริษัท แต่อาจสื่อถึงปัญหาภายในที่เกิดขึ้นได้ เพราะ Changpeng zhao ยังเคยทวีตว่าให้ระวังแพลตฟอร์มที่ให้ผลตอบแทนสูง หรือแพลทฟอร์มที่ไล่คนออก
ซึ่งถ้าดูจากผู้คนในตลาดก็ยังไม่ได้เกิดการ Panic อะไรมากต่อข่าวนี้ทั้งอัตราการ Search และข้อมูล On-chain โดยส่วนตัวก็ยังแนะนำว่าให้ถอนเหรียญออกมาเก็บไว้เอง (Self-custody) จะดีที่สุดในช่วงที่คนในตลาดยังไม่ Panic มาก นั่นเท่ากับว่าเรายังพอมีเวลาเตรียมตัวตั้งรับกับสถานการณ์นี้ได้ หากอนาคตมีเหตุการณ์ Blackswan เกิดขึ้น
เพราะถ้ามองใน Worst case คือ Binance ล่มอาจทำให้ผู้ใช้งานไม่สามารถถอนเหรียญได้และตลาดจะเกิด Sell Pressure อย่างมหาศาลเพราะฉะนั้นเลยอยากแนะนำให้ทุกคนเตรียมตัวไว้เนิ่นๆ กันไว้ดีกว่าแก้ แต่เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ได้เพราะยังเป็นเพียงแค่การสันนิษฐานจากสัญญานบางอย่างเพียงเท่านั้น