Eclipse โปรเจกต์ SVM Layer 2 ตัวแรกที่สร้างบน Ethereum 

Share :
โปรเจกต์ SVM Layer 2 ตัวแรกที่สร้างบน Ethereum

Table of Contents

เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2023 เป็นที่ฮือฮาสำหรับสาวก Ethereum เป็นอย่างมาก เนื่องจากมีโปรเจกต์ L2 ตัวใหม่ที่จะมาสร้างอยู่บน Ethereum โดยเป็นการรวมกันระหว่าง Ethereum, Celestia และ SVM (Solana Virtual Machine)

โปรเจกต์นี้ได้รับการสนใจเป็นอย่างมากจากฝั่ง Ethereum, Celestia หรือแม้กระทั่งฝั่ง Solana เอง โดย COO ของ Celestia ได้กล่าวว่านี้เป็นการรวมผสมผสานของบล็อกเชนที่ลงตัวมากที่สุด

วันนี้ทาง Cryptomind Research จะพาผู้อ่านทุกท่านไปทำความรู้จักโปนเจกต์ Eclipse ว่าดีอย่างไร แต่อย่างไรก็ตามผู้เขียนแนะนำให้อ่านบทความเกี่ยวกับ Modular Blockchain เพื่อความเข้าใจที่มากขึ้นที่นี้  

Eclipse คืออะไร

Eclipse เป็น Layer 2 บน Ethereum ที่ใช้ Solana Virtual Machine (SVM) เป็น Execution layer ซึ่งแตกต่างจาก Layer 2 ทั่วๆไปที่ใช้ Ethereum Virtual Machine (EVM) และใช้ Celestia เป็น Data availability layer และ Ethereum เป็น Settlement layer ทำให้จะถูกเรียกว่า “Optimium” หรือ “Optimistic chain” เนื่องจากจะเก็บ Data ไว้ Off-chain (Celestia) 

ความแตกต่างระหว่าง EVM และ SVM

ขอบคุณภาพจาก https://mirror.xyz/eclipsemainnet.eth/me7bXLWJDS177V6nl8j1uzF1mxpX6nbGOLNeyBAwXgs 

  • EVM : คือ Ethereum Virtual Machine โดยเป็นเหมือนกับสิ่งที่คอยประมวลผลคำสั่งต่างๆ (Smart contract) บนเครือข่าย  Ethereum ซึ่งภาษาเขียนโปรแกรมหลักๆที่ Ethereum ใช้คือ Solidity, Vyper ซึ่งจะประมวลผลแบบ single-threaded (เปรียบเหมือน CPU 1 Core )
  • SVM : คือ Solana Virtual Machine โดยเป็นเหมือนกับสิ่งที่คอยประมวลผลคำสั่งต่างๆ (Smart contract) บนเครือข่าย  Solana ซึ่งภาษาเขียนโปรแกรมหลักๆที่ Solana ใช้จะเป็น Rust, C และ  C++ ซึ่งจะประมวลผลแบบ multi-threaded (เปรียบเหมือน CPU ที่มีหลาย Core)

ด้วยความที่ SVM เป็นแบบ multi-threaded ช่วยให้ SVM มี Local fee market หมายความว่าการทำงานแต่ละฟังก์ชั่นจะแยกกันเช่น ค่าแก๊สของการ Mint NFT จะไม่กระทบการทำธุรกรรมประเภทอื่น ซึ่งต่างจาก EVM ที่หากมีการ Mint NFT จำนวนมากจะกระทบของการทำธุรกรรมประเภทอื่น (Global fee market)

โครงสร้าง Eclipse เป็นอย่างไร

ขอบคุณภาพจาก https://mirror.xyz/eclipsemainnet.eth/me7bXLWJDS177V6nl8j1uzF1mxpX6nbGOLNeyBAwXgs 

อย่างที่ได้มีการเกริ่นไปเมื่อข้างต้น ว่าโปรเจกต์นี้เป็นการผสมผสานกับระหว่าง Ethereum, Celestia และ Solana virtual machine เพื่อสร้าง Rollups โดยโครงสร้างของ Eclipse จะเป็นดังนี้

Settlement Layer  

เนื่องด้วย Ethereum เป็น Chain ที่มี liquidity หรือ สภาพคล่องมากเป็นอันดับ 1 จึงเลือกใช้ Ethereum เป็น Settlement layer ซึ่งจะทำให้มี Canonical Bridge อยู่บน Ethereum และผู้ใช้งานสามารถ Bridge เหรียญเข้าไปใช้งานบน Chain ได้ และ ยังใช้ ETH เป็นค่า Gas อีกด้วย

Execution Layer 

เนื่องด้วย EVM มีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพ Eclipseใช้ SVM ของทาง Solana เนื่องจากเป็น Virtual machine ซึ่งเป็นการประมวลผลแบบ multi-threaded ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า โดยบน Solana มีการพัฒนา Neon EVM ที่เป็นตัวช่วยให้สามารถ Deploy apps ต่างๆที่เป็น EVM บน Solana ได้ 

ซึ่งจุดนี้ทำให้ Eclipse เป็น Chain ที่ EVM Compatibility โดยใช้ Solang compiler แปลง Solidity smart contract ไปเป็น SVM bytecode

Data Availability 

ใช้ Celestia เป็น Data availability layer เนื่องจาก Celestia มีประสิทธิภาพในการ Scale ได้มากกว่า Ethereum ถึงแม้ว่าจะหลังจากการอัปเกรด EIP-4844 ก็ตาม ทางทีมก็คิดว่า Ethereum ยังไม่สามารถ Scale ในส่วนของ Data layer ได้มากพอที่จะรองรับธุรกรรมจำนวนมากจาก Eclipse ได้ จึงเลือกใช้ Celestia ที่ใช้ Data availability sampling ที่ช่วยให้สามารถทำให้ Data layer สามารถ Scale ได้อย่างมาก

Proving 

Eclipse จะใช้ RISC Zero (เป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับ zk proof) โดยจะใช้ประสิทธิภาพของ zk proof ในการสร้าง fraud proof (เหมือนกับเป็น Hybrid)

หลังจากที่ได้มีการบันทึก Data ลงที่ Celestia จะมีการใช้ Quantum Gravity Bridge เพื่อส่งข้อมูล Data attestation ไปยัง Contract บน Ethereum เพื่อเป็นการยืนยันว่า Data นั้น available บน Celestia 

Security assumption 

ขอบคุณภาพจาก https://twitter.com/CelestiaOrg/status/1493297612794982400/photo/1 

ด้วยโครสร้างที่กล่าวไปทั้งหมดข้างต้นทั้งให้ Eclispe จะเป็น Optimistic chain หรือชื่อใหม่ว่า Optimium โดยจะ Settlement บน Ethereum แต่เก็บ Data off-chain กรณีนี้ใช้ Celestia ทำให้มีความปลอดภัยกว่า Data layer อื่นๆ ซึ่งจะปลอดภัยกว่า “Trust me bro third party data layer”  

แต่อย่างไรก็ตามจะไม่ได้รับ Security จาก Ethereum อย่างเต็มที่เหมือนกับ Optimistic rollups อย่าง Arbitrum หรือ Optimism

Investor

ข้อมูลจาก Coindesk โปรเจกต์ได้ทำการระดมทุนได้กว่า $ 15M โดยแบ่งเป็น 2 รอบดังนี้

  • pre-seed round : จำนวน $ 6M นำโดย Polychain Capita ร่วมกับ Tribe Capital, Tabiya, Galileo, Polygon Ventures, The House Fund และ Accel
  • seed round : จำนวน $ 9M นำโดย Tribe Capital และ Tabiya ร่วมกับ Infinity Ventures Crypto, Soma Capital, Struck Crypto และ CoinList

และข้อมูลจาก Linkein ยังพบว่ามีนักลงทุนอื่นๆอีกด้วยเช่น Robot Ventures, DBA, Anatoly Yakovenko (CEO Solana), Sreeram Kannan (CEO Eigenlayer), Mustafa Al-Bassam (CEO Celestia) อีกด้วย

วิเคราะห์มุมมองจากทีม Cryptomind research

ด้วยความที่โปรเจกต์นี้เป็นการผสมผสานระหว่าง 3 โปรเจกต์นั้นก็คือ Ethereum, Celestia, Solana แต่หากมองแบบผิวเผินแล้วโปรเจกต์ที่น่าจะเสียผลประโยชน์มากที่สุดน่าจะเป็น Solana เนื่องจากการที่สามารถสร้าง rollups แบบที่ใช้ SVM ได้ เหรียญ SOL แทบจะไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรเลย ซึ่งหากเรามองในมุมมองของ value capture แล้ว Solana เสียผลประโยชน์เต็มๆเลยทีเดียว

แต่หากเรามองถึง Tech stack นั้นเรียกได้ว่า SVM จะได้รับประโยชน์เป็นอย่างมากเช่นกัน โดยหาก SVM เป็นที่ยอมรับในหมู่ Developer ด้วยการเป็น open-source การที่มีคนมาใช้ SVM เยอะๆจะช่วยเรื่องการพัฒนาเครื่องมือต่างๆได้รวดเร็วมากขึ้น

ส่วน Ethereum กับ Celestia จะได้เรื่อง value capture เนื่องจาก Eclipse ใช้ Ethereum เป็น Settlement layer (ใช้ ETH เป็นค่า gas) และ Celestia เป็น Data layer ซึ่งกรณีนี้หากมีการบันทึกข้อมูลจะต้องจ่ายค่า gas เป็นเหรียญ TIA อยู่แล้ว

ซึ่งมุมมองจากทีม Cryptomind research มองว่าโปรเจกต์ที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดจะเป็น Celestia, Ethereum, Solana ตามลำดับ เนื่องจากจะเป็นการทดสอบประสิทธิภาพ Data layer ของ Celestia ว่ามีประสิทธิภาพมากขนาดไหน และหากประสิทธิภาพดี อาจจะดึงดูด Develop ให้หันมาใช้ Celestia เป็น Data layer ก็เป็นได้

สรุป

Eclipse เป็นโปรเจกต์ SVM rollups ที่ผสมผสานความสุดยอดของแต่ละ chain เข้าด้วยกัน ซึ่งก็คือ Ethereum, Celestia, Solana (SVM) โดยแน่นอนว่าทุก Chain ก็จะได้ประโยชน์ในมุมที่แตกต่างกันออกไป และนี้ยังเป็นพัฒนาตามวิสัยทัศน์ของ rollups centric roadmap และก็ถือเป็นอีกหนึ่งการทดลองเทคโนโลยีใหม่อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบันก็ยังไม่รู้ว่าการที่ทำ chain แบบนี้ออกมาผลตอบรับจะดีหรือไม่ เนื่องจากยังไม่เคยมี L2 บน Ethereum ที่ใช้ SVM มาก่อน

Author

Tags : Layer2 | Rollups | SVM
Share :
Related
สรุป CoinTalk (1/12/2023):
Memeland โปรเจกต์ NFT สุด Meme จากทีม 9GAG
Blast จะเป็น Scam ตัวต่อไปหรือไม่ ? | Roundup Podcast EP.10
CoinTalk (24/11/2023): ปัจจัยต่างๆยังบวก ไม่มีอะไรมาหยุดพี่ได้