Search
Close this search box.

สรุป CoinTalk ประจำวันที่ 01/07/2022

Share :
cointalk banner 2

Table of Contents

Macroeconomics

  • Zombie Firms เป็นชื่อเรียกประเภทบริษัทที่กู้เงินที่ใหม่มาโปะหนี้เก่า พบว่าหลังจากปี 2019 เป็นต้นมา จำนวน Zombie Firms ได้มีจำนวนสูงขึ้นจากนโยบายการลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ทำให้บริษัทเหล่านี้กู้เงินจนสร้างหนี้จำนวนมาก
  • แต่ในปี 2022 จำนวน Zombie Firms ลดลงจากปี 2021 เนื่องจากการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ทำให้บริษัทเหล่านี้มีแรงจูงใจในการกู้เงินลดลง และยอมปิดกิจการไปในที่สุด
  • ยอดขายหุ้นกู้ของบริษัท (High-yield bond) ลดลง เพราะบริษัทส่วนใหญ่เริ่มกลายเป็น Zombie Firms เนื่องจากเริ่มขาดสภาพคล่อง ทำให้หุ้นกู้ของบริษัทเหล่านั้นถูกลดระดับลงจาก High-yield bond กลายเป็น Junk Bond ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น คนจึงเริ่มกลัวว่าหุ้นกู้บริษัทที่ต้องการจะซื้อจะกลายเป็น Junk Bond ตามไปด้วยหรือไม่ จึงส่งผลไปทั้งตลาด และทำให้มียอดขายลดลง
  • ตลาดหุ้น S&P 500 ของสหรัฐ ฯ ปรับตัวลงกว่า 20% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2022 ถือเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดตั้งแต่ปี 1970
  • เช่นเดียวกับตลาด S&P 1500 เงินทุนเริ่มไหลออกจากตลาดหุ้น เป็นผลมาจากนโยบายการขึ้นดอกเบี้ยของ FED สภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน เงินเฟ้อ ทำให้มูลค่าตลาดตกลงจากจุดยอดราว 45 ล้านล้าน USD เหลือเพียง 35 ล้านล้าน USD
  • แต่เมื่อเจาะลึกหุ้น S&P 500 จำแนกตาม Sector พบว่า หุ้นที่อยู่ใน Sector พลังงาน ขึ้นสวนทางกับตลาด และหุ้นใน Sector อื่น ๆ เนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจากสภาวะสงคราม รัสเซีย-ยูเครน
ที่มา: Tradingview
  • จากภาพ เป็นกราฟของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ฯ 2 ปี โดยนักลงทุนเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลมากขึ้น เพราะคิดว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง และให้ผลตอบแทนที่ดีในเวลาเดียวกัน อีกทั้งเศรษฐกิจของสหรัฐ ฯ ในภาพรวมยังถือว่าดีกว่าประเทศอื่น ๆ จึงทำให้มีแรงซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก
ที่มา: Tradingview
  • เงินบาทไทยกำลังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ฯ และเดินทางมาถึงแนวต้านสำคัญที่ระดับราว 36.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ฯ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่สหรัฐ ฯ ขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ไทยยังไม่ได้ขึ้นตาม ทำให้สหรัฐ ฯ มีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าไทย ทั้งที่สหรัฐ ฯ มีความเสี่ยงต่ำกว่า เพราะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว เมื่อเทียบกับไทยที่ยังเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา ทำให้เงินทุนไหลออกจากไทยไปลงทุนที่สหรัฐ ฯ มากกว่า
  • ซึ่งการที่เงินบาทอ่อนค่าเป็นผลดีต่อผู้ส่งออกก็จริง แต่ก็มีผลเสียมากกว่า เพราะผู้นำเข้าต้องใช้เงินบาทมากขึ้นในการนำเข้า ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น และส่งผลให้ราคาสินค้าต่าง ๆ ในประเทศเพิ่มสูงขึ้นได้ ซึ่งสถานการณ์ที่สามารถทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น เช่น
    • การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จะทำให้เงินทุนไหลเข้ามาในประเทศมากขึ้น
    • การกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว หากมีนักท่องเที่ยวมากขึ้น นั่นหมายถึงความต้องการใช้เงินบาทจะสูงขึ้น ทำให้เงินบาทกลับมาแข็งค่าได้
ที่มา: Tradingview
  • แต่ตลาดหุ้นไทยยังค่อนข้างทรงตัว เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นสหรัฐ ฯ จากภาพซ้ายแสดงถึงตลาดหุ้น SET ของไทยที่ปรับตัวลงจากต้นปี 2022 ประมาณ 11% ในขณะที่ภาพขวาแสดงถึงตลาดหุ้น NASDAQ ของสหรัฐ ฯ ที่ปรับตัวลงจากต้นปี 2022 มาแล้วกว่า 34% อาจเป็นเพราะหุ้นกลุ่ม Tech มักจะปรับตัวลงก่อนการเกิดภาวะถดถอย (Recession) และหุ้นกลุ่ม Tech ในสหรัฐ ฯ มีจำนวนมากกว่าในไทย จึงทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐ ฯ ปรับตัวลงมากกว่าในขณะนี้ แต่เมื่อเกิดภาวะถดถอยขึ้นจริง ๆ หุ้นกลุ่ม Tech มีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้น เพราะปรับตัวลงมาก่อนหน้าแล้ว อีกทั้งในภาวะ Recession หุ้นกลุ่ม Real Sector เช่น พลังงาน อสังหา ฯ จะได้รับผลกระทบมากทำให้เงินไหลกลับมายังหุ้นกลุ่ม Tech อีกครั้ง
  • ในความเห็นของ Cryptomind คิดว่าหากเกิดภาวะ Recession ตลาดคริปโต ฯ อาจกลับมาดีขึ้น เพราะเงินลงทุนที่ไหลออกจากภาค Real Sector ก็จะไหลไปทางใดทางหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในทางที่เงินทุนจะไหลไป ก็คือคริปโต ฯ นั่นเอง
ที่มา: Tradingview
  • Bitcoin กลับมาทดสอบระดับ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ ฯ ซึ่งเป็นแนวต้านเก่า และจุดสูงสุดของราคา Bitcoin ในช่วงปี 2018 ซึ่งแนวต้านเก่าที่กลายเป็นแนวรับใหม่นี้อาจจะรับไม่อยู่ เพราะมีการ Break ไปแล้วหลายครั้ง หากราคาหลุดแนวรับ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ ฯ อาจจะต้องรอที่แนวรับถัดไปคือบริเวณ 14,000 ดอลลาร์สหรัฐ ฯ ซึ่งอาจต้องเกิด Crash อีกรอบหนึ่ง ราคาถึงจะลงไปได้ ประกอบกับด้วยสภาวะตลาดที่เป็นขาลงมานาน แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจจะออกมาดีแต่ตลาดคริปโต ฯ อาจจะยังไม่กลับตัวเป็นขาขึ้น เพราะตลาดตีความว่า แม้ตัวเลขเศรษฐกิจดีแต่ FED อาจจะออกนโยบายขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ตลาดคริปโต ฯ ยังลงต่อได้ เป็นต้น
ที่มา: Futurezone.de
  • Bitcoin Halving ในรอบนี้ เริ่มมี Cycle ที่ไม่เหมือนรอบก่อน ๆ ที่ราคา Bitcoin จะขึ้นอย่างรุนแรงหลังจากเกิดการ Halving หรือการลด Reward ในการขุดลงครึ่งหนึ่ง เนื่องด้วย Bitcoin Halving ในช่วงหลังจะเริ่มมีผลน้อยลงไปเรื่อย ๆ เพราะจำนวน Reward ที่ถูกลดลงไปก็น้อยลงทุกรอบ ซึ่งในปี 2032 Reward จะถูกลดจาก 1.5625 ในปี 2028 เหลือ 0.78125 ซึ่งเป็นการลดลงในหลักทศนิยมเท่านั้น อีกทั้ง Bitcoin เป็นที่ยอมรับมากขึ้น ภาพตลาดเริ่มมีความสัมพันธ์กับตลาดทุนอื่น ๆ เช่นตลาดหุ้นสหรัฐ ฯ จึงทำให้มีปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่อราคา Bitcoin มากขึ้นมากกว่าแค่การ Halving

DeFi

  • ในช่วงที่ผ่านมาที่ตลาด Cryptocurrency ปรับฐาน ถ้าดูตัวเลข Debt Utilization rate หรืออัตราที่กู้เงิน (Gearing up leverage position) นั้นเป็น All-time low แสดงว่าคนเริ่มทำการปิดหนี้
ขอบคุณภาพจาก Messari
  • ถ้าเราดูที่ Liquidation Price ของ 3 โปรโตคอล ประกอบด้วย Maker, Aave และ Compound จะเห็นว่าช่วงราคาของ Ethereum ที่จะเกิดการ On-chain Liquidate ส่วนหนึ่งจะอยู่ที่ราคา $850 อีกส่วนหนึ่งจะอยู่ที่ราคา $650 ซึ่งที่ราคา $650 นั้น สินทรัพย์ส่วนใหญ่ (Collateral Asset) ที่จะถูก Liquidate คือ BTC (รองลงมาเป็น ETH) ดังนั้นราคาของ ETH ในช่วง $600-$700 จะเป็นช่วงราคาที่ควรเฝ้าระวัง เพราะเป็นช่วงที่จะมี BTC ถูก Liquidate มากที่สุด
ขอบคุณภาพจาก Ycharts.com
  • สำหรับประเด็นของ Grayscale Bitcoin Trust (GBTC) ในตอนนี้ราคาต่ำกว่าในส่วนของ Asset Backed ประมาณ 30% นอกจาก GBTC ยังมี Grayscale Ethereum Trust ที่ AUM ประมาณ 3.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 1 ล้าน Ethereum โดยตอนนี้ราคา Discount อยู่ที่ประมาณ 30% ซึ่งอาจเป็นโอกาสในการสะสม แต่ถ้าจะซื้อควรเป็น GBTC ดีกว่าเพราะโอกาสที่ SEC จะอนุมัติ GBTC ก่อนมีสูงกว่า
  • USN เป็น Algorithmic Stablecoin ที่มีโมเดลคล้ายกับ Luna โดยมีเหรียญ USDT และ Near เป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน แต่สำหรับ USN V2.0 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั้น ได้ประกาศว่าจะแบ่ง USN เป็นสองเฟส โดยเฟสแรกจะใช้ USDT 100% ในการ Back ส่วนในเฟสที่สองจะเป็นกรณีที่ Market Condition เริ่มดีขึ้นก็จึงนำ Near เริ่มกลับมา Back

Author

Share :
Related
เข้าสู่ยุคใหม่ของ Bitcoin ? พาส่อง Bitcoin Ecosystem ปี 2024 
Cryptomind Monthly Outlook (April 2024)
Technical Analysis $PENDLE, $BNB โดย Cryptomind Advisory (22 Apr 24)
CoinTalk (19/4/24):