ถ้าใครที่ติดตามตลาดคริปโตฯ มาโดยตลอดและคอยติดตาม Narratives ใหม่ๆที่เกิดขึ้นรื่อยๆ ก็จะเห็นว่าหนึ่งใน Narrative ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาได้ไม่นานและเป็นกระแสค่อนข้างมากก็คือ Telegram trading bot ที่ได้เข้ามาเพิ่มความสะดวกสบายในการเทรดบนหรือการใช้งานบน Decentralized Finance (DeFi) นอกจากนี้ผู้ใช้งานยังสามารถใช้งานหลากหลายฟังก์ชั่นได้โดยที่ลดความซับซ้อนลงเมื่อเทียบกับการใช้งานผ่าน Front-end ของ DApps โดยตรง รวมถึงยังสามารถส่งคำสั่งผ่านโทรศัพท์มือถือได้ด้วย
ถึงแม้ว่า Telegram trading bot จะไม่ได้เป็นนวัตกรรมใหม่ถึงขนาดจะเข้ามาพลิกโฉมวงการและยังถือเป็น Sector ที่ยังใหม่มาก โดยเรายังมีมุมมองต่อ Sector นี้ว่าเป็นกลุ่มที่เสี่ยงสูงมากอยู่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพอจะเห็นศักยภาพที่จะพัฒนาต่อไปได้อีกมากและยังมีประโยชน์ชัดเจนในการเสริมประสบการณ์ในการเทรดให้ง่ายขึ้นอย่างมากและอาจเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันวงการคริปโตฯไปสู่ Mass adoption ก็ได้ในอนาคต จึงเรียกได้ว่าเป็นอีกกลุ่มที่น่าจับตาต่อไปและน่าศึกษากันไว้ก่อน
ดังนั้น ในบทความนี้เราจะไปทำความรู้จักกับ Telegram trading bot กันว่าคืออะไร ทำงานอย่างไร เข้ามาแก้ปัญหาอะไร รวมไปถึงความเสี่ยงที่ควรระมัดระวัง และภาพรวมสภาวะตลาดในกลุ่มนี้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
Telegram Trading Bot คืออะไรและมีประโยชน์อย่างไร
Telegram trading bot ทำหน้าที่เป็นระบบอัติโนมัติบน Telegram ที่ช่วยในการซื้อขายเหรียญที่เราต้องการบน Decentralized Exchanges โดย Telegram trading bot จะเชื่อมต่อกับ DEXs ต่างๆ อย่างเช่น UniSwap และจะดำเนินการทำธุรกรรมตามเงื่อนไขและพารามิเตอร์ต่างๆที่ผู้ใช้กำหนดไว้ล่วงหน้า ซึ่งอธิบายให้เห็นภาพง่ายๆคือ Bot เหล่านี้จะทำหน้าที่แทน UX/UI ของ Crypto Wallet และ DEX จึงทำให้คนทั่วไปที่ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในการท่องโลก DeFi สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
แต่ละโปรเจกต์จะมี Interface ที่แตกต่างกันออกไปเล็กน้อยขึ้นกับว่าโปรเจกต์นั้นๆมีฟังก์ชั่นอะไรบ้าง ซึ่งโดยฟังก์ชั่นพื้นฐานที่ทุกโปรเจกต์มีเหมือนกันคือผู้ใช้งานสามารถส่งคำสั่งการเทรดผ่านช่องแชทบน Telegram ได้เลย โดยผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าต่างๆ เช่น การตั้งจุด Stop-loss/Take profit, ตั้ง Copy trade สำหรับ Wallet ที่เราต้องการ เป็นต้น ส่วนฟังก์ชั่นพิเศษอื่นๆก็จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละโปรเจกต์ได้ โดยสรุปฟังก์ชั่นของ Telegram bot มีดังต่อไปนี้
- Buy and Sell: ซื้อและขายเหรียญผ่าน Telegram โดยผู้ใช้งานสามารถป้อน Contract address ลงในช่องแชท
- Take profit และ Stop loss: ตั้งคำสั่ง stop-loss และ take-profit เพื่อให้ Bot ดำเนินการซื้อขายอัตโนมัติตามราคาที่ตั้งค่าไว้
- Anti-rug, Anti-MEV: บางโปรเจกต์มีฟีเจอร์ Anti-rug และ Anti-MEV เช่น ในกรณีที่มีการตรวจพบว่าจะมีการ Rugpul หรือ Honey pot scam ทาง Bot จะเร่งธุรกรรมการขายก่อนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น เป็นต้น
- Sniping: ตั้งค่าเพื่อซื้อเหรียญอัติโนมัติหลังจากที่ Launch หรือ List บน DEX เพื่อซื้อเหรียญภายหลังจากการเปิดตัวในทันที
- Copy trading: Copy การซื้อขายเหรียญตาม Wallet ที่เรากำหนด
- Airdrop farming: ทำธุรกรรมซ้ำอัตโนมัติตามที่เรากำหนด เพื่อเพิ่มโอกาสในการรับ Airdrop
- Others: นอกจากนี้ Bot เรายังสามารถตั้งค่าฟีเจอร์อื่นๆ เช่น ฟังก์ชั่น Analytics เพื่อวิเคราะห์แนวโน้ม หรือจะตั้งค่าเพื่อ Track wallet ที่เราต้องการได้
Telegram trading bot ทำงานอย่างไร
ขั้นตอนแรกผู้ใช้งานจะต้องทำการ Setup ก่อน โดยก่อนอื่นต้องไปที่ Website ของโปรเจกต์ที่เราเลือกจะใช้งาน หลังจากนั้นให้กดลิ้งค์เพื่อทำการเปิด Trading bot ในแชทของ Telegram และทำการป้อนคำสั่งตามคำแนะนำที่แสดงใน Instruction panel ซึ่งแต่ละโปรเจกต์จะมีเมนูคำสั่งที่แตกต่างกันออกไป โดยภาพตัวอย่างด้านล่างคือภาพจาก Unibot และ Robinhood bot
ขั้นตอนใช้งานโดยทั่วไปมีดังนี้
- เมื่อเข้ามาในห้องแชทบน Telegram ให้กด Start เพื่อเริ่มการใช้งาน
- ก่อนเริ่มต้นใช้งานผู้ใช้งานสามารถเลือกที่จะสร้าง Wallet address ขึ้นมาใหม่สำหรับการใช้งานผ่าน Telegram โดยเฉพาะหรือว่าจะนำเข้าที่อยู่กระเป๋าเงินโดยใช้ Private key ก็ได้*
- ถ้าเลือกที่จะสร้าง Wallet ใหม่ ผู้ใช้งานสามารถโอนเงินเข้าไปในกระเป๋าสำหรับใช้งานได้ (ส่วนมากใช้เป็นเหรียญ ETH)
- ผู้ใช้งานสามารถดำเนินการทำธุรกรรมประเภทต่าง ๆ ได้ โดยกดเลือกผ่านทางเมนูที่แสดง เช่น Buy token, Sell token, Buy limit, Copy trade เป็นต้น ซึ่ง Bot จะดำเนินการทำธุรกรรมให้เราโดยจะทำการตั้งค่าแก๊ส และเร่งการซื้อขายเหรียญให้เราโดยอัตโนมัติ
- ตัวอย่างเช่น ถ้าเลือก Buy token ผู้ใช้งานจะต้องป้อน Contract address ของเหรียญที่ต้องการตามคำสั่งของ Bot และหลังจากที่ Bot ทำการซื้อเหรียญให้เราแล้ว เหรียญจะเข้ามาใน Wallet ของเรา
*อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยเราแนะนำให้สร้าง Wallet ใหม่แทนการป้อน Private key จะดีกว่า
ความเสี่ยงของ Telegram Trading Bot
ถึงแม้ว่า Telegram trading bot จะมีประโยชน์หลายอย่างในการเพิ่มความสะดวกสบายในการเทรด อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานยังควรระมัดระวังเพราะยังมีความเสี่ยงอยู่บ้างเนื่องจากเป็น Sector ที่ยังใหม่ ซึ่งความเสี่ยงที่เป็นไปได้อันเกิดจากการใช้งาน Telegram trading bot มีตัวอย่างดังนี้
- ความปลอดภัยของ Asset ที่ฝากไว้กับ Bot: ไม่ว่าผู้ใช้งานจะเลือกสร้าง Wallet ขึ้นมาใหม่หรือจะเชื่อมต่อกับ Wallet ที่มีอยู่เดิมก็ตาม Bot จะสามารถเข้าถึง Private key ของเราได้ทั้งสองกรณีเพราะว่า Bot จะต้องทำการ Sign และ Approve ธุรกรรมแทนเรา จึงอาจเป็นความเสี่ยงได้ โดยผู้ใช้งานจะต้องฝาก Trust ไว้กับ Bot ว่าจะไม่ขโมยเงินเรานั่นเอง
- ความเสี่ยงจาก Smart contract: เนื่องจากว่า Telegram trading bot จะต้องมีการ Interact กับ Smart contract ดังนั้นจึงมีโอกาสที่ Bot จะไปเจอเข้ากับ Smart contract ที่ไม่ได้ผ่านการ Audit หรือ Smart contract ที่มีช่องโหว่ได้
- ความเสี่ยงด้านราคา: ในกรณีที่เราใช้ประโยชน์ Bot ในการช่วยซื้อขายแบบรวดเร็ว มีความเป็นไปได้ว่าเราอาจจะไม่ได้ Rate ราคาที่ดีที่สุด เพราะมีข้อจำกัดทางด้านเวลาทำให้ Bot อาจไม่ได้ค้นหาแหล่ง Liquidity ได้ครบถ้วนเหมือนกับเวลาที่เทรดผ่าน DEX Aggregator
- ความเสี่ยงจากตัวโปรเจกต์: ความที่เป็น Sector ใหม่ที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงจากช่องโหว่ที่มาจากการเขียน Code ของโปรเจกต์เอง ทำให้เกิดความเสียหายได้ รวมไปถึงความเสี่ยงจากการ Rugpull ยกตัวอย่างเช่น โปรเจกต์ Banana Gun ที่เพิ่งเปิดตัวเหรียญ $BANANA ไปเมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา แต่ว่า Contract ของเหรียญมีช่องโหว่ แสดงให้เห็นถึงความไม่เชี่ยวชาญของนักพัฒนาซึ่่งอาจส่งผลในส่วนอื่นของการใช้งานฟังก์ชั่นอื่นๆได้เช่นกัน
จากตัวอย่างความเสี่ยงที่กล่าวมาข้างต้น การใช้งาน Telegram trading bot อาจยังไม่เหมาะสมสำหรับทุกคนในตอนนี้ อย่างไรก็ตามผู้ใช้อาจลดความเสี่ยงได้โดย (1) ซื้อขายในปริมาณน้อย; (2) เก็บเงินใน Wallet ให้น้อยที่สุด เท่าที่จำเป็น; (3) การสร้าง Wallet ใหม่แทนการใช้ Wallet หลักในการซื้อขายผ่าน Bot เป็นต้น และ (4) คัดเลือกโปรเจกต์ใช้งานที่เปิดตัวและได้รับการพิสูจน์มาสักพัก หลีกเลี่ยงโปรเจกต์เปิดใหม่
ตลาดของ Telegram Trading Bot
ในช่วงเริ่มต้นที่ Telegram trading bot เกิดขึ้นมานั้นปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภาพลักษณ์ดูเป็นเหมือนเหรียญที่เกิดขึ้นมาตามกระแสเก็งกำไรเพียงชั่วคราว แต่ว่าก็มีหลายฝ่ายออกมาสนับสนุนในอีกแง่มุมหนึ่งว่า Telegram trading bot อาจเป็นอีก Sector ที่มีพื้นฐานดีและศักยภาพที่ในการทำให้เกิด Mass adoption มาสู้โลกคริปโตฯได้ เพราะว่าเพิ่มความสะดวกและลดขั้นตอนในการใช้งาน DeFi ได้ ดังนั้นในพาร์ทนี้เราจะไปดู Metrics ถาพรวมการใช้งานต่างๆของ Sector นี้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
โปรเจกต์ Telegram trading bot ตัวแรกคือ Maestro ที่ได้เริ่มต้นเปิดตัวมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2022 อย่างไรก็ตาม โปรเจกต์ที่เป็นการจุดกระแสของ Sector นี้คือ Unibot ที่เพิ่งเปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 2023 ที่ผ่านมา (ทางทีมงานเคยพูดถึงใน Cointalk อ่านได้ที่นี่) ซึ่งถ้านับตั้งแต่ในช่วงเปิดตัวไปที่จุดราคาสูงสุด (All-time high) ก็เป็นการปรับตัวขึ้นไปมากกว่า 6000% ในเวลาไม่ถึง 3 เดือนเลยทีเดียว และยังถือเป็นตัวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดโดยกินส่วนแบ่ง Market share สูงถึง 72.5% เมื่อเทียบกับทั้งหมด โดยหลังจากการมาของ Unibot ก็ได้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดมาของโปรเจกต์ Telegram trading bot ในลักษณะคล้ายกันตามมามากมาย
จำนวนผู้ใช้งาน Telegram trading bot ทำ All-time high ในช่วงเดือนสิงหาคมโดยมี Daily active user (DAU) มากกว่า 8,000 คนต่อวัน โดยโปรเจกต์ Maestro มีจำนวนผู้ใช้งานสูงสุดโดยมี DAU ประมาณ 2,000-3,000 คน ในขณะที่ Unibot ตามมาเป็นอันดับสามที่ DAU ราว 1,000 – 2,000 คนต่อวัน ซึ่งสำหรับ Unibot นั้นมี DAU เติบโตเร็วมาก โดยเพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่าจากประมาณ 400 คนในเดือนกรกฎาคม มาถึงจำนวนสูงสุดที่ 2,100 คนในเดือนสิงหาคม ส่วนอันดับสองคือโปรเจกต์ใหม่ที่ชื่อว่า Banana Gun ที่เพิ่งจะมาเป็นกระแสในช่วงไม่นานมานี้ ซึ่งการใช้งานเพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็วคาดว่ามาจากการเก็งว่าอนาคตโปรเจกต์อาจจะแจก Airdrop ให้กับผู้ใช้งาน
นอกจากนี้ โดยรวมแล้วปริมาณการซื้อขายรายวันผ่าน Telegram trading bot มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยขึ้นมาถึงระดับสูงสุดมากกว่า 16 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2023 และจากข้อมูลในปัจจุบัน มูลค่าการซื้อขายสะสมรวมผ่าน Telegram trading bot มีมากกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว อย่างไรก็ตามขนาดตลาดของ Telegram trading bot มีมูลค่าอยู่ที่ 176 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น (ข้อมูลวันที่ 4 กันยายน 2023) ซึ่งยังคงมีโอกาสในการเติบโตสูง ส่วนหนึ่งเพราะว่าตลาดยังมีขนาดเล็ก ซึ่งในปัจจุบัน นอกจากนี้ มีการรายงานว่า Telegram มีผู้ใช้รายเดือนกว่า 800 ล้านคน ซึ่งแสดงถึงโอกาสในการขยายตลาดของคริปโตฯได้อีกด้วย
ถึงแม้ว่ากลุ่มนี้จะเริ่มลดความร้อนแรงลงบ้างในเดือนกันยายน อย่างไรก็ตามโดยภาพรวมเรายังเห็นได้ว่าตัวเลขการใช้งานต่างๆยังมีแนวโน้มเติบโตขึ้น ไม่ว่าจะเป็น DAU, Trading volume และจำนวนโปรเจกต์ใหม่ที่เปิดตัวออกมาเรื่อยๆ แสดงถึงการเติบโตที่ค่อนข้างดี ซึ่ง Metrics ที่เติบโตต่างๆเหล่านี้ส่วนหนึ่งเราคาดว่าเกิดมาจากความร้อนแรงของ Narrative ที่สร้างความสนใจทำให้ดึงดูดการใช้และการเก็งกำไรเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง
ซึ่งถึงแม้ว่ายังเร็วไปที่จะบอกได้ว่าอนาคตของ Telegram trading bot จะเป็นอย่างไรเพราะถือเป็น Sector เกิดใหม่ที่ต้องผ่านการทดสอบอีกมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราคงต้องรอให้พ้นช่วงเก็งกำไรไปก่อนเพื่อรอดู Demand การใช้งานที่แท้จริง
รายได้ (Revenue) ของ Telegram trading bot
อีกหนึ่ง Metrics ที่น่าสนใจและคนพูดถึงกันค่อนข้างมากคือหลายๆโปรเจกต์สามารถเก็บค่าธรรมเนียมหรือ Revenue ได้จำนวนมาก โดยมีบางช่วงเวลาในเดือนกรกฎาคม 2023 ที่ผ่านมาที่โปรเจกต์ Unibot สามารถเก็บค่าธรรมเนียมการเทรดมากในระดับพอๆกับ UniSwap เลยทีเดียว
ซึ่งโดยทั่วไปโปรเจกต์ Telegram trading bot จะเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ใช้สำหรับธุรกรรมที่ดำเนินการผ่าน Bot นอกจากนี้ยังมีบางโปรเจกต์ที่รูปแบบค่าธรรมเนียมที่มีการเรียกเก็บ “Tax” สำหรับการซื้อหรือขายเหรียญของโปรเจกต์ด้วย โดยจากข้อมูลของ Binance Research ปริมาณ Revenue ของทุกโปรเจกต์รวมกันมีมูลค่าสูงถึง 28.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูลวันที่ 28 กรกฎาคม 2023)
อย่างไรก็ตาม Revenue ที่เก็บได้บางส่วนจะมาจาก Sales tax ด้วย ตัวอย่างเช่น Unibot มี Cumulative fee รวมทั้งหมดอยู่ที่ 7968.85 ETH โดยประมาณ 6434.62 ETH มีที่มาจาก Sales tax จากการซื้อขายเหรียญ $UNIBOT ซึ่งนับเป็น 80% เลยทีเดียว ในทางกลับกัน Trading fee จริงๆนั้นคิดเป็นเพียง 20% เท่านั้น
ในปัจจุบัน Maestro ยังนำเป็นอันดับหนึ่งในแง่ของ Cumulative fee เป็นเพราะว่าโปรเจกต์เปิดตัวมาก่อนคนแรก นอกจากนี้ ยังถือเป็นโปรเจกต์ที่มีจำนวนผู้ใช้รายวันสูงสุดค่อนข้างต่อเนื่อง โดยสำหรับ Maestro นั้นยังมาจากการเทรดจริงแบบ 100% (ไม่มี Sales tax) โดยจะหักค่าธรรมเนียมจำนวน 1% ของมูลค่าการเทรดผ่าน Bot
ศักยภาพในอนาคตของ Telegram bot
จากกระแสที่ร้อนแรงของกลุ่ม Telegram trading bot ที่นอกจากจะทำให้เกิดโปรเจกต์ในลักษณะคล้ายกันออกมาจำนวนมากแล้ว เรายังเห็นว่าได้มีหลายๆโปรเจกต์ที่พยายามต่อยอดการใช้งานของและศักยภาพของ Bot ไปอีกขั้นในรูปแบบต่างๆกัน ยกตัวอย่างเช่น
เพิ่ม Privacy layer เข้ากับ Telegram trading bot
หนึ่งในปัญหาหลักของการใช้งาน Telegram trading bot คือเรื่องของ Safety เนื่องจากว่าส่วนมากแล้วผู้ใช้งานจะต้องฝาก Private key ไว้กับ Bot ซึ่งจะเห็นได้ว่าขัดกับหลักการการดูแลความปลอดภัยขั้นพื้นฐานของการเก็บรักษาเหรียญคริปโตฯ ตามคำกล่าวที่ว่า “Not your keys, not your coins” ดังนั้นจึงเริ่มมมีบางโปรเจกต์ออกมาแก้ปัญหาในส่วนนี้
ยกตัวอย่างเช่น โปรเจกต์ Empyreal ที่วางตัวเป็น Telegram bot infrasutructure โดยพัฒนาสิ่งที่เรีกยว่า Empyreal SDK ได้ทำการ Integrate เข้ากับ Privacy layer ที่ชื่อว่า “Oasis Sapphire” ของ Oasis protocol ซึ่งนอกจากจะช่วยทำให้ผู้ใช้งานเก็บรักษา Private key ด้วยตัวเองแล้ว ยังช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวของการทำธุรกรรมได้ด้วย
โดยในอนาคต นอกจากการ Integrate เข้ากับ Privacy layer แล้ว ในอนาคตอาจมีโปรเจกต์ที่ Integrate กับ Account abstraction (ERC-4337) ก็ได้เช่นกัน ซึ่งจะแก้ปัญหาเรื่อง Privacy และ Security ในแบบเดียวกันได้ ซึ่ง Account abstraction มีข้อดีเพิ่มเติมคือทำให้การใช้งานนั้นง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป
เทรดตามข่าว ผ่าน Telegram bot
เป็นหนึ่งในประเภทโปรเจกต์ที่ต่อยอดมาจากการเทรดเพียงอย่างเดียว โดยเพิ่มฟีเจอร์การแจ้งเตือนข่าวสารให้กับผู้ใช้งานผ่านทาง Telegram และสามารถตัดสินใจเทรด Long/short ตามข่าวสารที่ออกมาได้แบบทันที ยกตัวอย่างเช่นโปรเจกต์ Newsly bot ซึ่งหลังบ้านของโปรเจกต์ จะเชื่อมต่อกับ CEX ( ในตอนนี้มีแค่ Bybit แต่คาดว่าจะมีการเพิ่มในภายหลัง) และสามารถดำเนินการเทรดตามคำสั่งผ่าน Telegram
GambleFi บน Telegram bot
นอกจากการเทรดเหรียญแล้ว เรายังสามารถนำประโยชน์จากการใช้งานที่สะดวกผ่าน Interface ของ Telegram ไปใช้กับ Application อื่นๆได้อีก อย่างเช่นการพนันในรูปแบบต่างๆ
ยกตัวอย่างเช่น โปรเจกต์ Hausbot ที่เปิดให้ผู้ใช้งานสามารถแทงพนันผ่าน Telegram ที่ใช้งานง่ายและทำให้กระบวนการการพนันง่ายขึ้น โดยอีกหนึ่ง Highlight ของโปรเจกต์คือการ Integrate กับ Account abstraction ซึ่งทำให้มีจุดเด่นแบบที่กล่าวไปข้างต้นคือ การเพิ่ม Security, Privacy และความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งาน โดย Self-custody ที่ทำให้เราเข้าถึง Private key ของเราผ่าน Telegram account ได้ นอกจากนี้การใช้ Account abstraction ยังทำให้สามารถเลือกใช้เหรียญสกุลอื่นๆเป็น Gas fee ได้ อย่าง Hausbot ก็จะมีการเปิดให้ใช้ USDT จ่ายเป็นค่า Gas fee แทน Ethereum ได้
Integrate เข้ากับ AI และ Machine learning
มีบางโปรเจกต์ที่ได้ต่อยอดประโยชน์ของการใช้ Bot โดยการ Integrate เข้ากับ AI/Machine learning เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆจากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็น Crypto API ต่างๆ เช่น Coingecko, Etherscan, Monarch, กระแจากการพูดถึงบน Social media และ Analytics tool อื่นๆ เพื่อหา Early trend และ Narratives สำหรับให้นักลงทุนใช้ในการประกอบการตัดสินใจลงทุนได้ ตัวอย่างโปรเจกต์ เช่น Aimbot และ Reven fund เป็นต้น
สรุป Telegram trading bot
Telegram trading bot ถือเป็นอีกหนึ่ง Sector ที่มีประโยชน์และสร้างความสะดวกสบายได้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อการเทรดบนหรือการใช้งานบน Decentralized Finance (DeFi) นอกจากการเทรดแบบทั่วไปแล้ว ยังสามารถใช้งานหลากหลายฟังก์ชั่นได้ เช่น การ Copy trade, การป้องกันการถูก Front-run เป็นต้น
อีกความน่าสนใจของ Sector นี้คือการที่สามารถสร้างรายได้ (Revenue) ให้กับผู้ถือเหรียญได้จริง ถึงแม้ว่าในปัจจุบันรายได้ส่วนใหญ่ของบางโปรเจกต์ชื่อดังที่พุ่งขึ้นมาจะมีที่มาจาก Sales tax แต่ถ้าในอนาคต โปรเจกต์มีการพัฒนามากขึ้นและผู้ใช้งานมากขึ้นจริง ก็มีโอกาสที่จะทำให้เกิดรายได้ที่มาจากการใช้งานจริงเพิ่มขึ้นได้
นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าเพิ่งเป็นกระแสมาได้ไม่นาน ก็ได้มีหลายโปรเจกต์ได้เล็งเห็นโอกาสและพัฒนาการใช้งาน Telegram trading bot ต่อยอดไปยัง Application อื่นๆ เช่น GambleFi, News trading รวมไปถึงการ Integrate เข้ากับ Privacy layer และ Account abstraction เพื่อเพิ่ม Security, Privacy และความง่ายในการใช้งานเพิ่มเข้าไปอีกขั้น ทำให้เรามองว่าเป็น Sector ที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม การใช้งาน Telegram trading bot ยังมีความเสี่ยงอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงเรื่องการเก็บรักษา Private key หรือความเสี่ยงจาก Smart contract รวมไปถึงความเสี่ยงจากโปรเจกต์เอง เพราะส่วนมากแล้วโปรเจกต์ใน Sector นี้ถือเป็นโปรเจกต์ใหม่ที่ยังมีความเสี่่ยงค่อนข้างสูง