Search
Close this search box.

อัปเดทสถานการณ์ Liquid Staking

Reading time 8 Mins
  • Parit Boonluean

    A guy who loves crypto like Bitcoin and Ethereum. He's not the best writer, but his love for DeFi makes up for it. He's an easygoing guy who makes learning about crypto fun and easy.

Share :
Liquid Staking

Table of Contents

Liquid Staking

หลังจาก Shanghai Upgrade ในช่วงสงกรานต์ได้ผ่านพ้นไป เราได้เห็นการถอน ETH จำนวนมากในช่วง 5 วันแรกซึ่งตรงกับบทความ วิเคราะห์แรงเทขาย ETH หลัง Shanghai Upgrade ที่เราได้วิเคราะห์ไป ในตอนนี้กลุ่มเหรียญ Liquid Staking ที่ได้รับอานิสงส์และมีพัฒนาการที่น่าสนใจที่สุดคงหนีไม่พ้นแพลตฟอร์ม Liquid Staking อย่าง Lido ที่กำลังเปิดตัว Lido V2, Rocket Pool ที่ทำ Atlas Upgrade ลดจำนวน ETH ที่ใช้วางค้ำประกันลง, Frax Finance ที่มี Yield ที่สูงที่สุดและเริ่ม Collaboration กับ Curve, สุดท้าย Stader ที่อยู่ในช่วง Testnet ก่อนเปิดตัวจริงปลายเดือนนี้

บทความนี้จะมาอัปเดทสถานการณ์ของแต่ละแพลตฟอร์ม Liquid Staking ว่ามีความน่าสนใจอย่างไร พร้อมกับ Technical Analysis เพื่อที่นักลงทุนจะได้จับจังหวะในการลงทุนได้ถูกต้องมากยิ่งขึ้น

สถานการณ์ Ethereum ในปัจจุบัน

Liquid Staking

หลังจากในช่วงแรกที่มีแรงปลด ETH จากกลุ่ม Partial Withdrawal ซึ่งเป็นระบบที่จะถอน ETH ส่วนเกินจาก 32 ETH ออกมาในระบบ และมี Kraken ที่ ก.ล.ต. สหรัฐมีคำสั่งให้ปิด Staking Serivce จึงต้องคืน ETH แก่ชาวสหรัฐ และ Celsius ที่ประกาศล้มละลาย ทำให้อาจต้องบังคับขายสินทรัพย์ซึ่งก็มีการถือ ETH และ stETH อยู่ด้วย

แต่เมื่อเวลาผ่านไป แรงปลดหลังจากช่วง 5 วันแรกที่มี Partial Withdrawal เป็นหลักได้หมดลง เราเห็นการถอน ETH แบบ Full Withdrawal ในช่วง 3,000 – 132,000 ETH ต่อวัน คิดเป็น $5.4m – $237m ต่อวัน หากตีความว่าเงินจำนวนนี้เทขายทั้งหมดก็คิดเป็นเพียง 3.95% ของปริมาณการซื้อขาย ETH ต่อวันเท่านั้น

Liquid Staking

ยังไม่เพียงแค่นั้น จำนวน ETH ที่ใช้เป็น Validator Node ขึ้นมาทำ All time high ใหม่ที่ 19.92m ETH โดยรวมแล้วหากตัดการถอน ETH ที่เป็น ETH Reward ออกไป Ethereum มีจำนวน ETH ที่ใช้เป็น Validator Node เพิ่มขึ้น 1.7m ETH หรือประมาณ 54,000 Node หลังจาก Shanghai Upgrade ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีมากสำหรับสถานการณ์ของ Ethereum

Liquid Staking

ในส่วนของแพลตฟอร์ม Liquid Staking 5 อันดับแรก ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา Frax Finance และ Rocket Pool เติบโตเร็วที่สุด อยู่ที่ประมาณ 38% แต่หากเทียบเป็นจำนวน ETH แล้ว Rocket Pool เติบโต 173,142 ETH มากกว่า Frax Finance ที่โตเพียง 53,590 ETH เท่านั้น ส่วน Lido ที่เติบโตเพียง 11.47% แต่ด้วย Market Share ถึง 74% ทำให้คิดเป็น 684,395 ETH มากกว่าทุกแพลตฟอร์ม อยาสงไรก็ตาม การเติบโตนี้ยังไม่แน่นอนเพราะ Lido ยังไม่เปิดถอน ETH แบบ Full Withdrawal (จะมีรายละเอียดในพาร์ท Lido) ดังนั้นแล้ว หากวัดในมุมอัตราการเติบโต Rocket Pool มีแนวโน้มการเติบโตที่ชัดเจนและมี Impact มากที่สุด

Update: Lido V2

Liquid Staking

ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ Lido ได้ประกาศ “Lido V2 — Next Step In Decentralization” ลงบน Blog โดยรายละเอียดของ Upgrade นี้มีประเด็นหลัก 2 ข้อด้วยกัน ดังนี้

Liquid Staking
  • Staking Router: เปิดตัวรูปแบบการ Staking รูปแบบใหม่นอกจาก Permissioned Validator Node ที่มีเพียง Node ที่ได้รับการยืนยันตนกับทาง Lido เท่านั้นถึงจะสามารถดึงเอา ETH จากใน Lido Pool ไปใช้ได้ ซึ่ง Staking Router แบบใหม่จะมีทั้งแบบเดิมที่เป็นมืออาชีพและผ่านการตรวจสอบจาก Lido เป็นคนทำ, มีกลุ่มคนที่รวมตัวกันตั้ง Node จากการใช้ Distributed Ledger Technology (DVT) และ แบบ DAO รูปแบบต่างๆ

    Staking Router รุปแบบใหม่ๆจะช่วยเพิ่มความกระจายศูนย์ให้กับ Lido และ stETH ได้มากขึ้นโดยที่ไม่ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ Lido เพียงคนเดียวว่าจะให้ใครยืม ETH ไปใช้ได้บ้าง

    ด้วยข้อได้เปรียบของ Lido ที่กิน Market Share ไปมากกว่า 74% เราคาดว่าเมื่อ Proposal นี้เริ่มใช้งานจริง จะมีฐานลูกค้ากลุ่มเดิมมาทดลองใช้งาน แต่สิ่งที่เรายังไม่เห็นรายละเอียดมีด้วยกัน 2 เรื่องคือ 1) Bonding requirement หรือการวางเงินค้ำประกันของ Permissionless Validator Node ที่ต้องวางค้ำไว้เพื่อกู้ยืม ETH ไปเปิด Node 2) ระบบ Reputation score ที่จะช่วยลดจำนวน Bonding Requirement

    อีกทั้งการเป็น Node ของ Lido นั้นจะเก็บ Fee 10% จากคนฝาก ETH โดยแบ่ง 5% เข้า Lido Dao Treasury ในขณะที่คู่แข่งอย่าง Rocket Pool ที่ทำ Permissionless Validator Node มากก่อนนั้นจะได้รับ Fee 15% ทั้งหมดเค้าคนสร้าง Node ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่ Rocket Pool จะเริ่มมีการเติบโตที่สูงมากขึ้นในช่วงนี้
Liquid Staking
  • Withdrawal: เปิดให้ถอน stETH กลับกลายเป็น ETH ในอัตรา 1:1 โดยไม่สนราคาตลาด ซึ่งในตอนนี้ Lido เป็นเพียงแพลตฟอร์มเดียวที่ยังไม่เปิดถอนแบบ Full Withdrawal

    ทาง Lido วางแผนว่าจะสำรอง 270,000 ETH ไว้ให้ถอนได้ทันทีสำหรับนักลงทุนที่ถอนน้อยกว่า 1,000 ETH ส่วนคนที่ถอนมากกว่านั้นจะทยอยได้รับในช่วง 2-6 วัน
Liquid Staking


จากประเด็นเรื่อง Celsius ที่จำเป็นต้องขาย ETH เพื่อใช้หนี้กับเจ้าหนี้ เราพบว่า Celsius มีการถือ stETH อย่างน้อย 410,378 stETH ซึ่งเกินโควต้าของที่ Lido คาดการณ์ แต่ในส่วนของ Kraken ที่จำเป็นต้องถอน ETH เช่นกัน เราไม่พบว่าถือ stETH แต่ยังเห็น ETH ที่ยังไม่ได้ถอนกว่า 989,536 ETH ดังนั้น เม็ดเงินก้อนใหญ่ก้อนนี้จึงต้องติดตามให้ดีว่าจะส่งผลต่อตลาดมากแค่ไหน ซึ่งในทางปฏิบัติแล้ว stETH สามารถเทขายในตลาดได้ทันทีในราคา 0.9967 ETH ได้เช่นกันหากนักลงทุนรีบร้อนต้องใช้เงิน แต่การที่ไม่รีบร้อนและรอขายให้ได้เรทที่สูงที่สุดอาจจะสะท้อนถึงความไม่เร่งรีบและอยากได้ ETH ให้ได้มากที่สุด เราจึงไม่คิดว่า stETH ที่รอแลกคืนนั้นจะถอนออกจำนวนมากหลัง Lido V2 อัปเกรดเสร็จสิ้น การถือเพื่อรับผลตอบแทนจากการเป็น Validator Node ประมาณ 5-7% ต่อปีดูเป็นเหตุผลหลักในการที่ยังถือ stETH มากกว่า

Proposal ของ Lido V2 เริ่มโหวตในวันที่ 13-15 พฤษภาคม (ปิดคืนนี้) ในตอนนี้มีคะแนนเสียงผ่านเกิน 5% ขั้นต่ำที่จะอนุมัติเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น Lido V2 น่าจะเริ่มใช้งานได้ภายในคืนนี้ขณะที่เขียน แต่สำหรับ DVT นั้น เรายังไม่เห็นแผนการพัฒนาที่ชัดเจนจากฝั่ง Ethereum จึงอาจจะต้องรอเรื่อง Permissionless Validator Node ไปก่อนครับ

โดยรวมแล้ว Lido เป็นแพลตฟอร์มเจ้าตลาดที่มีเงินใน Dao Treasury จำนวนมากจากการได้ 5% จากรายได้ของการเป็น Validator node เงินจำนวนก้อนใหญ่นี้ทำให้มีสายป่านยาว รวมถึงเงินทุนในการพัฒนานวัติกรรมต่างๆเพื่อแข่งกันคู่แข่งในตอนนี้ที่เริ่มตีตื้นขึ้นมา แม้ว่า $LDO จะไม่มี Use case อะไรนอกจากการใช้เป็น Governance Token แต่หากในอนาคตมีการเปลี่ยนโมเดลให้ Accrued Value เข้าเหรียญ ก็อาจจะส่งผลต่อราคาเหรียญได้เช่นกัน 

Update: Rocket Pool (Atlas Upgrade)

Liquid Staking

ในวันที่ 17 เมษายน เป็นวันที่ Atlas Upgrade ของ Rocket Pool ได้เริ่มต้นใช้งานอย่างเป็นทางการ โดยเป้าหมายหลักของอัปเกรดนี้มี 2 ข้อด้วยกันคือ LEB8 Minipool และ Solo Staker Migration

  • LEB8 Minipool: เป็นการลดการใช้ ETH ลงจากเดิมที่ LEB16 Minipool ผู้เปิด Node จะใช้ 16 ETH ของตัวเอง + $RPL มูลค่า 1.6 ETH ในการค้ำประกันเพื่อยืม 16 ETH จากกองกลาง โดยเปลี่ยนเป็น 8 ETH ของตัวเอง และ $RPL มูลค่า 2.4 ETH แทน

    การอัปเกรดในครั้งนี้จะมีประโยชน์กับกับการเติบโตของ Rocket Pool และ $RPL มาก โดยผู้สร้าง Node ก็จะมีรายได้เพิ่มมาขึ้นจากการจำนวน Node ที่มากขึ้น 2 เท่า และค่า Fee 14% จากผู้ที่ฝาก ETH ลงกองกลาง
Liquid Staking

หลังจาก Atlas Upgrade เสร็จสิ้น มี Minipool เกิดขึ้น 6,269 Node หรือเติบโต 44% ภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือน โดยมีทั้งเป็น LEB8 Minipool ใหม่ที่เพิ่มขึ้นมา และ LEB16 Minipool ที่เปลี่ยน สัดส่วนในตอนนี้มี LEB16 52.5% และ LEB8 47.5% ซึ่ง LEB8 มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ

  • Solo Staker Migration: เป็นบริการที่ Rocket Pool อำนวยความสะดวกให้ Validator Node ที่ใช้ 32 ETH แปลงมาเป็น LEB8 Minipool ทันทีโดยใช้เพียงแค่การเลือกเป็น Credential Withdrawal หรือปลายทางที่จะถอน ETH ไปที่ Address ไหน การอำนวยความสะดวกนี้ช่วยให้ Validator Node เดิมที่มี 32 ETH เปิดได้ 1 Node กลายเป็น 4 LEB8 Minipool ทำให้รายได้เพิ่มมากขึ้น 4 เท่า

นอกจากนี้ยังมีการอัปเกรดเสริมต่างๆที่ทำให้ใช้งาน Rocket Pool ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การแก้ไขระบบคิว, ขยาย Pool limit, ประค่าแก๊สให้ลดลง 40% และอื่นๆ โดยรวมแล้ว Atlas Upgrade ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดีและได้รับการตอบรับที่ดีมากจนทำให้การเปิดในตอนนี้ได้ต้องรอคิวเปิดอย่างน้อย 16 วันถึงจะเริ่มใช้งานได้

แต่สิ่งที่ต้องติดตามต่อคือ Growth ของ Minipool จะเติบโตดีแค่ไหนเพราะมีผลการราคาและการใช้งาน $RPL โดยตรง ซึ่งคู่แข่งต่างๆก็สามารถลอกเลียนโมเดลนี้ได้เช่นกัน 

Update: Frax Finance 

Liquid Staking

แพลตฟอร์ม All-in-one ที่มี Product ครอบคลุมทุกอย่างทั้ง Frax (Stablecoin), Fraxlend (Lending), Fraxswap (DEX), Fraxferry (Bridge), FPI (Inflation-hedged Stablecoin) และ FrxETH (Liquid Staking)

ใน Report สรุปเดือนพฤษภาคม ของ Frax Finance ได้มีการอัปเดทเรื่องที่ทางนักพัฒนากำลังทำอยู่มีด้วยกัน 4 เรื่องคือ

  • FraxETH V2: จะเริ่มเปิด Permissionless Validator Node แบบเดียวกับ Lido และ Rocket Pool จากแต่เดิมที่ต้องผ่านการอนุมัติจาก Frax Finance ก่อนเท่านั้น นอกจากนี้จะมีการเพิ่ม Feature ใหม่ให้มากขึ้น (ยังไม่มีรายละเอียด แต่คิดว่าเกี่ยวข้องกับ Frax อยู่ดี)
  • Borrowed AMM (BAMM): เป็นนวัตกรรมการกู้ยืมรูปแบบใหม่ซึ่ง Sam Kazemian เล่าในการสัมภาษณ์ 2 เดือนก่อนว่า จะไม่มีการใช้ Oracle, ใช้เหรียญใดก็ได้กู้ยืม Frax, และจะตั้งอัตราดอกเบี้ยเท่าไหร่ก็ได้เช่นกัน ผู้เขียนคาดว่าลักษณะการใช้งานจะคล้ายกับ Blend (Blur Lending) ที่กู้ยืมเงินเพื่อซื้อ NFT ตาม Roadmap จะเสร็จสิ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
  • Frax Governance (frxGov): เป็น Governance Token ตัวใหม่ที่มี 3 หน้าที่หลักด้วยกัน คือ 1) ยับยั้งหรือหยุด Transaction ที่เกิดขึ้นโดย Multi-sig ได้ 2) โหวตเพื่อเปลี่ยนผู้ถือ Multi-sig ได้ 3) เสนอรูปแบบการหารายได้ใน Automated Market Operation (AMO) ของ Frax Finance โดยไม่ต้องรออนุมัติจาก Multi-sig ขณะนี้กำลังอย่ในช่วง Audit

    โดยรวมแล้ว โมเดลนี้ถือว่าน่าสนใจมากเพราะจะช่วยป้องกันความผิดพลาดจากการทำ Multi-sig หลุด และยังเพิ่มความ Decentralized อีกด้วย อย่างไรก็ตาม โมเดลนี้ถือเป็นเรื่องใหม่มาก จะต้องได้รับการตรวจสอบและใช้งานไประยะหนึ่งเพื่อความมั่นใจ
  • Frax V3: เป็นการเพิ่มสินทรัพย์ค้ำประกันให้ครบ 100% โดยจะลดส่วนของ USDC และเพิ่มเหรียญอื่นๆให้มากขึ้นจนมีความเสี่ยงใกล้เคียงกับ USD มากที่สุด ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะใช้ USDP ของ Paxos
  • Partnership with Curve: crvUSD เป็น Over-collateral Stablecoin ตัวใหม่ล่าสุดของ Curve โดยในตอนเริ่มต้นนั้นจะเปิดให้ใช้ sfrxETH ซึ่งเป็น LSD จากทาง Frax Finance ไปใช้งาน ทำให้เพิ่ม Use Case และผลตอบแทนจากการถือ sfrxETH ได้มากขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง 

โดยรวมแล้ว Frax Finance ก็ยังเป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาต่อไม่หยุดโดยที่พยายามจะนำ Product ทุกอย่างของตัวเองมาเชื่อมต่อถึงกันเพื่อเพิ่มการใช้งานให้มากที่สุด สิ่งนี้เป็นจุดแข็งอย่างมากของ Frax Finance จนทำให้ผลตอบแทนจากการถือ sfrxETH หรือ LSD นั้นสูงถึง 9.2% สูงที่สุดในตลาด ซึ่งจะส่งผลดีต่อ $FXS เนื่องจากจะมีส่วนแบ่งรายได้เข้ามาที่เหรียญมากขึ้นหากโมเดลการหารายได้ทั้งหมดนั้นทำงานได้ดี ดังนั้น Frax Finance จึงเป็นอีกแพลตฟอร์ม Liquid Staking หนึ่งที่น่าติดตามอย่างมาก

Update: Stader Rolling Beta

Liquid Staking

Stader เป็นแพลตฟอร์ม Liquid Staking ที่เคยอยู่บน Terra ทำให้มีประสบการณ์มาก่อน ในปลายเดือนนี้ Stader มีแผนที่จะเปิดตัวบน Ethereum Mainnet ซึ่งจุดเด่นสำคัญของ Stader คือการใช้เพียง 4 ETH และ $SD เพียง 0.4 ETH เท่านั้นในการสร้าง Node นอกจากนี้แผนในอนาคตจะนำ DVT และ Permissionless Validator Node มาใช้งานด้วยเช่นกัน จึงเป็นแพลตฟอร์ม Small Cap ที่มีครบทุกอย่างเหมือนรายใหญ่

Liquid Staking

ในตอนนี้ Stader กำลังทำ Rolling Beta Part 2 โดยมีผู้เข้าร่วมทำลองมากกว่า 125 Node และของรางวัลมากกว่า 510,000 $SD (ประมาณ $475,000) ผู้เขียนมองว่า Stader เป็นตัวที่มีศักยภาพพอที่จะเติบโตได้มากเนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มที่มีประสบการณ์มาก่อนแม้ว่าตอนนี้จะไม่เริ่มใช้งานเลยก็ตาม และ Circulating Supply เพียง 16.6% เท่านั้นก็อาจจะมีการลากราคาขึ้นไปก่อนที่จะปล่อยของออกมาก็เป็นได้

Technical Analysis

$RPL

สำหรับ $RPL นั้นราคาใน TF day ยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจน โดยปัจจุบันราคาได้ย่อลงมาที่โซนราคาประมาณ $43 ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญ(แนวเส้นประสีชมพู) และได้ทำรูปแบบของแท่งกลับตัวเป็นที่เรียบร้อยทำให้ในระยะกลางมองว่ามีโอกาสขึ้นต่อไปทดสอบ แนวต้านที่ราคา $60-$65 ได้

Liquid Staking

ส่วนใน TF 4 H นั้นราคาได้เคลื่อนที่อยู่ในแนวโน้มขาลงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งราคาได้มีการดีดขึ้นไปในรอบปัจจุบัน จึงมีโอกาสกลับตัวเป็นขาขึ้นได้ อย่างไรก็ตามที่ราคาปัจจุบัน (15/5/2023) ราคาอยู่ที่แนวต้านสำคัญ ทำให้อาจมีนักลงทุนบางส่วนทยอยขายทำกำไรได้ และอาจส่งผลให้ราคามีการย่อตัวลงในระยะสั้น โดนมีแนวรับที่ราคา $43.3 เป็นแนวรับที่สำคัญ

Liquid Staking

$LDO

กราฟของ $LDO ในภาพใหญ่นั้นยังอยู่ในขาขึ้นที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาใน TF day จะพบว่ามีความท้าทายที่ต้องผ่านไปให้ได้หากอยากขึ้นไปทดสอบแนวต้านเดิมได้

เมื่อตั้งสมมุติฐานว่าราคาพักตัวสิ้นสุดและจะทำการขึ้นต่อได้ ราคาใน TF day จะต้องฟอร์มตัวเป็นขาขึ้นให้ได้ตามสองกรณีนี้ 

  • กรณีแรกเป็นไปตามเส้นสีเหลืองคือขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ $2.2 และมีการย่อตัวลงแต่ไม่หลุดจุดต่ำสุดเดิม
  • กรณีที่สองคือราคาจะต้องพุ่งขึ้นเหนือ $2.817 ให้ได้ 

อย่างไรก็ตามการเคลื่อนที่ในกรณีแรกเป็นไปได้มากกว่า ทำให้ต้องจับตามองการย่อตัวและแนวรับที่ราคา $1.56 เป็นสำคัญ

$FXS

กราฟราคาของ $FXS อยู่ในแนวโน้มขาลงมาอย่างต่อเนื่อง และได้ลงมาทดสอบแนวรับสำคัญในกรอบสีชมพูเป็นครั้งที่สอง โดยปัจจุบันราคาได้เคลื่อนที่หลุดจากกรอบลงไปเล็กน้อยเเละเกิดการ Pull back กลับมาได้ พร้อมการทำแท่งเทียนกลับตัว นอกจากนั้น Indicator ทั้ง RSI และ Stochastic ได้มีการทำ Oversold พร้อมกัน จึงมองว่ามีโอกาสกลับตัวขึ้นได้ในระยะสั้น อย่างไรก็ตามการปรับตัวขึ้นในลักษณะนี้มักเป็นการขึ้นเพื่อลงต่อเป็นส่วนใหญ่ โดยแนวต้านที่ต้องจับตามองคือที่ราคา $8-9 เป็นแนวต้านที่มีนัยยะสำคัญ และหากราคาปรับตัวหลุด $5.8 จะกลายเป็นการปรับตัวลงต่อทันที

Liquid Staking

$SD

สำหรับ $SD นั้นแม้ว่ากราฟราคาใน TF day ยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นเนื่องจากมีการทำ Higher high และ Higher low ตามลูกศรสีเหลือง แต่ราคาได้มีการปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องจนลงมาใกล้จุดสูงสุดก่อนหน้า ซึ่งหากหลุดแนวรับนี้ที่ราคา $0.72 จะมองว่าเป็นแนวโน้มขาลงทันที

Liquid Staking

ส่วนเมื่อพิจารณาใน TF 4 H จะพบว่าราคาเป็นขาลงอย่างต่อเนื่องตามลูกศรสีชมพูและยังไม่เห็นสัญญาณการกลับตัวที่ชัดเจน ซึ่งหากจะมีโอกาสกลับตัวเป็นขาขึ้น จะต้องปรับตัวขึ้นเหนือราคา $0.984 ให้ได้ก่อน

Liquid Staking

สรุป

Liquid Staking

แพลตฟอร์ม Liquid Staking ทั้ง 4 แพลตฟอร์มนี้มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน โดยในช่วงหลังมา การพัฒนาต่างๆเริ่มวิ่งเข้าใกล้กันมากขึ้นเนื่องจากการพัฒนาที่ยังไม่สามารถประยุกต์อะไรได้มากมายนัก นอกจาก Frax Finance ที่เริ่มผันตัวเองไปทำหลายอย่างเพื่อนำมาส่งเสริมกันในภายหลัง อย่างไรก็ตาม เรามองว่า Ethereum Staking Ratio ในตอนนี้ประมาณ 15% นั้นยังมีพื้นที่ให้เติบโตได้มากเมื่อเทียบกับ Blockchain อื่นๆ อีกทั้งผลตอบแทนจากการเป็น Validator Node ก็ค่อนข้างสูงมากเช่นกัน ผู้เขียนจึงมองว่าตลาด Liquid Staking จะได้รับอานิสงส์อย่างแน่นอนในอนาคต อย่างไรก็ตาม การลงทุนมีความเสี่ยงที่ผลลัพธ์อาจจะไม่เป็นไปตามที่วิเคราะห์ ดังนั้นนักลงทุนจึงควรบริหารความเสี่ยงให้ดี หรือจับจังหวะการลงทุนให้เหมาะสม พร้อมทั้งมีจุดตัดขาดทุนหากราคาออกมาตรงข้ามกับที่คาดการณ์

Author

  • Parit Boonluean

    A guy who loves crypto like Bitcoin and Ethereum. He's not the best writer, but his love for DeFi makes up for it. He's an easygoing guy who makes learning about crypto fun and easy.

Share :
Related
CoinTalk (26/4/2024):
เข้าสู่ยุคใหม่ของ Bitcoin ? พาส่อง Bitcoin Ecosystem ปี 2024 
Cryptomind Monthly Outlook (April 2024)
Technical Analysis $PENDLE, $BNB โดย Cryptomind Advisory (22 Apr 24)