บทนำ
เกม Blockchain ได้เริ่มต้นและเข้าสู่ตลาดมาแล้วถึงหกปี โดยเริ่มจากการเปิดตัวเกม Blockchain เกมแรกอย่าง CryptoKitties และแนวคิด Play-to-Earn (P2E) ที่ถูกนำเสนอโดย Axie Infinity ตามมาด้วยบริษัทเกมระดับโลกอย่าง Ubisoft, SEGA และ Nexon ที่เข้าร่วมตลาดเกม Blockchain อย่างไรก็ตาม ความนิยมของเกม Blockchain ในหมู่ผู้เล่นทั่วไปนั้นยังมีความน่ากังวล ผู้เล่นจำนวนมากยังคงมีมุมมองที่ไม่ดีต่อเหรียญและ NFTs และแม้กระทั่งเกมที่พัฒนาบน IP ที่มีชื่อเสียงก็ได้รับคำวิจารณ์ที่น่าผิดหวัง ยุคของเกม Blockchain จะมาถึงเมื่อไหร่? ทำไมผู้เล่นยังคลาแคลงใจและไม่กล้าที่จะเข้ามาลอง? เกม Blockchain ต้องการอะไรเพื่อที่จะสามารถยืนหยัดได้? บทความนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อตอบคำถามเหล่านี้และให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับทิศทางในอนาคตของตลาดเกม Blockchain
1. จุดเริ่มต้นของยุคเกม Blockchain จะเริ่มขึ้นตอนไหน?
การลงทุนในด้านเกม Blockchain เริ่มมีเงินทุนไหลเวียนเข้ามาอย่างมากในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา
อุตสาหกรรมเกมเป็นส่วนหนึ่งของกระแส Blockchain ที่ได้รับการลงทุนอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา เป็นรองเพียงแค่โปรเจคโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้น การลงทุนในเกม Blockchain ได้รับแรงขับเคลื่อนในปี 2021 ด้วยการเกิดขึ้นของโปรเจคที่ประสบความสำเร็จอย่าง Axie Infinity และ MIR4 ปริมาณเงินลงทุนจากเดิม $151.6 ล้านในปี 2020 ได้มีการขยายตัวมากขึ้นถึง $5.5 พันล้านในปี 2021 และเพิ่มขึ้นถึง $8.5 พันล้านในปี 2022 ในขณะที่มีการคาดการณ์ว่าริมาณเงินลงทุนในปี 2023 จะลดลงเหลือประมาณ $2.3 พันล้านเนื่องจากสภาพของตลาดคริปโตที่ไม่สู้ดีนัก แต่ปริมาณเงินลงทุนรวมจากปี 2021 ถึง 2023 ก็ยังมีมูลค่ามหาศาลถึง $16.3 พันล้าน
ระดับการลงทุนนี้เทียบเท่ากับอุตสาหกรรมเกมแบบดั้งเดิมเลยก็ว่าได้ การลงทุนรายปีในอุตสาหกรรมเกมแบบดั้งเดิมโดยรวมอยู่ที่ประมาณ $10 พันล้านโดยมีการเติบโตอย่างดีในปี 2021 เนื่องจากปัจจัยต่างๆ เช่น การระบาดของ COVID-19 และ Metaverse Trend ที่เกิดขึ้น เมื่อพิจารณาว่าในปี 2019, 2020 และ 2022 อุตสาหกรรมเกมแบบดั้งเดิมได้รับเงินทุน $7.3 พันล้าน, $13.3 หมื่นล้าน และ $8.3 หมื่นล้านตามลำดับ เราจึงเห็นความสนใจในเกม Blockchain ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น สัดส่วนการลงทุนในเกม Blockchain ภายในอุตสาหกรรมเกมโดยรวมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 1.1% ในปี 2020 เป็น 9.5% ในปี 2021, 38.3% ในปี 2022 และ 57.2% ในไตรมาสแรกของปี 2023
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าปริมาณเงินลงทุนที่ไหลเวียนเข้ามาในตลาดเกม Blockchain นั้นจะมากมายขึ้น กระแสของเกม Blockchain นั้นก็ยังไม่สามารถยืนตัวอยู่ในตลาดได้ อะไรเป็นสาเหตุให้เกม Blockchain นั้นยังยืนตัวได้อย่างยากลำบากในตลาดและในอนาคตข้างหน้าเกม Blockchain จะวิวัฒนาการและพัฒนาไปในทิศทางใดเมื่อเทียบกับเกม PC และเกมมือถือแบบดั้งเดิม?
ในขณะที่เกม PC และเกมมือถือนั้นได้รับผลประโยชน์จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีต่างๆมากมาย..
การเติบโตของอุตสาหกรรมเกมสามารถมองได้จากจุดเปลี่ยนสำคัญสามยุค โดยเริ่มจากยุคแรกของตู้เกม Arcade ในช่วงปี 1970 ต่อมาเป็นยุคของเกม Console ในปี 1980, เกม PC ในปี 2000 และเกมมือถือในปี 2010
ในช่วงที่เกิดการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาต่างๆเหล่านี้นั้น เราจะเห็นการเติบโตของรายได้จากอุตสาหกรรมเกมอย่างก้าวกระโดด จากรายได้เฉลี่ยราว $5 พันล้านในช่วงยุค 1970 มาจนถึง $140 พันล้านในราวๆปี 2010
ในปี 2022 เกม PC ทำรายได้รวม $40.5 พันล้าน ในขณะที่เกมมือถือทำรายได้ถึง $92.6 พันล้าน คิดเป็นสัดส่วน 22% และ 55% ของอุตสาหกรรมเกมโดยรวม ทั้งนี้ เกมมือถือและเกม PC ไม่ได้เริ่มต้นด้วยรายได้สูงเช่นนี้ การเติบโตของรายได้ในทั้งสองรูปแบบนี้สามารถเห็นได้ชัดเจนในกราฟด้านล่าง
ในช่วงเริ่มต้น เกม PC มีรายได้เพียง $1 พันล้าน คิดเป็นเพียง 2.4% ของอุตสาหกรรมเกมเท่านั้น ซึ่งกว่าจะเติบโตจนมีรายได้รวม $10 พันล้าน (สัดส่วน 29.4%) ต้องใช้เวลาถึง 13 ปี และใช้เวลาอีก 25 ปีกว่าจะมีรายได้รวมถึง $1.5 หมื่นล้าน (สัดส่วน 22.1%)
ในส่วนของเกมมือถือนั้นก็เติบโตในทิศทางคล้ายๆกัน โดยเริ่มต้นที่ราวๆ $1 พันล้านนับเป็นสัดส่วน 2.9% และใช้เวลา 10 ปีก่อนจะมีรายได้ $1 หมื่นล้าน (สัดส่วน 16.1%) และอีก 12 ปีกว่าที่จะมีรายได้รวม 15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (สัดส่วน 20.4%) โดยถึงแม้ว่าเกมมือถือจะใช้เวลาเติบโตน้อยกว่าเกม PC ทั้งสองรูปแบบนั้นก็ยังใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะเติบโตจนประสบความสำเร็จ
อะไรคือปัจจัยที่ส่งเสริมการเติบโตของตลาดเกมมือถือกับเกม PC?
1.) ปัจจัยการเข้าถึง Hardware ที่ง่ายขึ้นและการพัฒนาทางเทคโนโลยี
ปัจจัยที่ส่งเสริมการเติบโตของตลาดเกม PC และมือถือคือการเข้าถึงฮาร์ดแวร์ที่ง่ายและการพัฒนาเทคโนโลยี การเติบโตของเกม PC มาจากการผลิต PC จำนวนมากขึ้นและการพัฒนาอินเทอร์เน็ต เช่นเดียวกับการเกมมือถือที่การเติบโตนั้นมาจากการผลิตมือถือที่มากขึ้นรวมทั้งระบบเครือข่ายที่พัฒนาขึ้นอย่าง WiFi, 3G, และ 4G ซึ่งจากรูปด้านล่างจะเห็นได้ว่าการเติบโตของเกมมือถือและเกม PC นั้นควบคู่ไปกับการเติบโตของเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ที่ใช้งานและอินเทอร์เน็ต
การพัฒนาการได้เปลี่ยนโฉมหน้าของวงการเกม ทำให้ผู้เล่นเพลิดเพลินกับเกม Multiplayer ได้ ทำให้หลุดพ้นจากข้อจำกัดของการเล่นคนเดียว นอกจากนี้ สมาร์ทโฟนและการสื่อสารผ่านมือถือนั้นทำให้ผู้เล่นสามารถเชื่อมต่อกับเกมได้ทุกที่ทุกเวลา การพัฒนาเทคโนโลยีและ Hardware สำหรับเล่นเกมสร้างสภาพแวดล้อมการเล่นเกมที่สะดวกและสนุกสนานยิ่งขึ้น ดึงดูดกลุ่มผู้เล่นใหม่ ๆ และยังมีส่วนร่วมในการขยายตัวของตลาดเกม PC อีกด้วย
2.) ปัจจัยจากการพัฒนาเกมชนิดใหม่ๆจนเกิดความหลากหลาย
การพัฒนาเกมชนิดใหม่ๆ และหลากหลายมากขึ้น = เกม PC และมือถือนั้นประสบความสำเร็จในการบุกเบิกประเภทเกมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องพร้อมกับขยายตลาดในประเภทเกมนั้นๆ เมื่อประเภทเกมใหม่ๆ ประสบความสำเร็จ นักพัฒนาเกมจึงทุ่มเทให้กับการพัฒนาเกมภายในประเภทเหล่านั้น ซึ่งส่งผลให้ตลาดเติบโต
ตัวอย่างเช่น Ultima Online (1997) ไม่ใช่เกม MMO (Massively Multiplayer Online) เกมแรก แต่อย่างไรก็ตามมันมีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานของประเภทเกม MMORPG (Massively Multiplayer Online Role-Playing Game) ความสำเร็จของ Ultima Online ทำให้เกิด MMORPG ต่างๆ เช่น EverQuest (1999), Runescape (2001) และ World of Warcraft (2004) ในทำนองเดียวกัน DotA (2003) ทำหน้าที่เป็นผู้บุกเบิกประเภทเกม MOBA (Multiplayer Online Battle Arena) ทำให้เกิดเกมต่างๆ เช่น League of Legends (2009) และ Dota 2 (2013)
เมื่อมองไปที่เกมมือถือ หลังจากตลาดเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงปลายทศวรรษ 2000 ด้วยการเปิดตัวสมาร์ทโฟน อุตสาหกรรมได้เห็นความสำเร็จของเกม Casual ตามความสำเร็จของ Angry Birds ในปี 2009 และเกมต่างๆ เช่น Cut the Rope (2010) และ Candy Crush Saga (2012) ถือเป็นยุคของเกม Casual หลังจากนั้นก็ได้มีความสำเร็จของเกมแนวกลยุทธ์แบบผู้เล่นหลายคนระดับกลาง เช่น Clash of Clans (2012) ได้ขยายตลาดให้กว้างขึ้นพร้อมกับประเภทเกม multiplayer ระดับกลาง/ระดับสูง เช่น เกมแนวกลยุทธ์ MMO อย่าง Game of War: Fire Age (2013) และเกม MOBA อย่าง Honor of Kings (2015) ความสำเร็จของ PUBG Mobile (2018) ยังแสดงให้เห็นว่าประเภทเกม battle royale สามารถเติบโตบนอุปกรณ์มือถือได้ ซึ่งเป็นการปูทางสำหรับการดัดแปลงเกม PC ของ Fortnite Battle Royale (2017) สำหรับมือถือโดยทั้งสองเกมก็ได้เป็นผู้บุกเบิกและเครื่องยืนยันของเกมแนว Battle Royale บนมือถือเลยว่าสามารถเติบโตได้จริง
โดยสรุปแล้ว ปัจจัยสำหรับการเติบโตของเกม PC และมือถือนั้นคือ 1.ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และ 2.การพัฒนาประเภทเกมใหม่ๆ ซึ่งในสองปัจจัยนี้ เทคโนโลยีมีบทบาทที่สำคัญกว่าในการขับเคลื่อนการเติบโตของตลาด เมื่อเราดูที่ขนาดของรายได้แล้ว ตลาดเกม PC ขยายตัวพร้อมกับการพัฒนาคุณภาพ Internet ในขณะที่ตลาดเกมมือถือนั้นเป็นที่นิยมผ่านการใช้งานสมาร์ทโฟนที่แพร่หลาย ความเร็ว Internet ที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้
การปรับปรุงข้อจำกัดของ PC และสมาร์ทโฟนยังนำไปสู่ Graphic ที่ดียิ่งขึ้นและ Frame rate ที่สูงขึ้น โดยการพัฒนาเหล่านี้ได้สร้างสภาพแวดล้อมที่สามารถรองรับผู้เล่นได้มากขึ้นและมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ราบรื่นขึ้นนั่นเอง การพัฒนาทางเทคโนโลยียังมีส่วนสำคัญในการพัฒนาโหมดผู้เล่นหลายคนเช่น MMORPG, MOBA และ battle royale ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น โดยสรุปก็คือ สาเหตุที่ว่าทำไมการเติบโตของเกม PC และมือถือถึงได้ใช้เวลาค่อนข้างนาน นั้นก็เพราะว่าจะต้องรอการพัฒนาของเทคโนโลยีและ Hardware ให้พร้อมที่จะรองรับผู้ใช้ก่อนนั่นเอง
มุมมองต่อเกม Blockchain นั้นควรจะเป็นภาพระยะยาว
จากการพิจารณาขนาดตลาดและอัตราการเติบโตของเกม Blockchain แล้ว ในระยะสั้นนั้นอาจจะไม่ชัดเจนมากนักเนื่องจากตลาดยังมีขนาดเล็ก แต่จากอัตราการเติบโตในปัจจุบันนั้นระยะยาวถือว่าน่าสนใจ โดยปัจจัยที่ทำให้ในระยะสั้นนั้นเกม Blockchain ยังทำได้ไม่ดีนักก็คือ
- ขนาดตลาดเกม Blockchain ในระยะสั้นจะเล็ก เนื่องจากเกม Blockchain ไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมกับ Hardware ใหม่ แตกต่างกับเกม PC และเกมมือถือที่ได้เติบโตขึ้นพร้อมกับการเข้ามาถึงของเทคโนโลยีและ Hardware ใหม่ อาทิ Internet หรือ การพัฒนา Semiconductor
- เกม Blockchain นั้นใช้งานบนอุปกรณ์ PC และมือถือจึงต้องเผชิญกับการแข่งขันในตลาดเกม PC และมือถือที่มีความแออัดอยู่แล้ว การเติบโตของเกม Blockchain นั้นไม่ได้เชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับอุตสาหกรรม Hardware เหมือนเกมแบบดั้งเดิม ทำให้ในระยะสั้นแล้วเกม Blockchain จะประสบความสำเร็จยากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกัน
แม้ว่าขนาดตลาดในระยะสั้นอาจจะไม่ใหญ่มาก แต่คาดว่าตลาดเกม Blockchain จะเติบโตได้เต็มที่เมื่อมี Hardware ใหม่ที่สนับสนุนเกม Blockchain เพิ่มขึ้น โดยในปัจจุบันนั้นอัตราการเติบโตของตลาดเกม Blockchain ก็ยังอยู่ในอัตราที่ค่อนข้างเร็ว มีการคาดการณ์ว่าตลาดนี้จะขยายตัวจาก $746.1 ล้านในปี 2018 ไปเป็นประมาณ $7.4 พันล้านในปี 2023 ซึ่งแสดงถึงอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 58.1% แม้ว่าขนาดตลาดในช่วงห้าปีแรกอาจจะน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเกม PC หรือมือถือ แต่อัตราการเติบโตโดยรวมแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่น่าสนใจ และแม้กระทั่งแสดงถึงเส้นทางการเติบโตที่สูงมากขึ้น
แต่ในระยะสั้นแล้วก็ยังมีความคาดหวังถึงเกม Blockchain ที่ประสบความสำเร็จ
คำถามที่เราควรถามจริงๆ แล้วไม่ใช่เกี่ยวกับความเร็วในการเติบโตของตลาดเกม Blockchain แต่เป็นเรื่องของความคาดหวังในระยะสั้น คือเกม Blockchain แบบไหนที่จะประสบความสำเร็จและเทคโนโลยีใดที่จะช่วยเร่งการเติบโตในระยะยาวของเกม Blockchain ได้ ซึ่งในส่วนนี้อาจจะเชื่อมโยงกับการเติบโตของตลาด Hardware ของ AR/VR
ในระยะสั้นแล้ว หากมีเกมที่ประสบความสำเร็จเกิดขึ้นบน Blockchain ก็จะนำไปสู่การดึงดูดนักพัฒนาเกมให้เข้ามาพัฒนาเกมมากขึ้นในรูปแบบที่คล้ายคลึงกัน สร้างวงจรของความสำเร็จ เช่นเดียวกับเกม PC และมือถือที่ประสบความสำเร็จในลักษณะคล้ายๆกัน กระบวนการนี้จะเกี่ยวข้องกับการทดลองและการทดสอบที่หลากหลาย นำไปสู่การปรับปรุงแก้ไขที่สุดท้ายแล้วจะสามารถนำเสนอประสบการณ์เกมใหม่ๆ ให้กับผู้เล่นนอกเหนือจากโมเดล P2E
ข่าวดีก็คือในปัจจุบันนี้ได้มีนักพัฒนาเกมเข้ามามีส่วนร่วมกับเกม Blockchain มากขึ้นแล้ว โดยประเทศที่ให้ความสนใจอย่างมากนั้นคือเกาหลีใต้ซึ่งได้มีบริษัท NCSoft ที่ก็กำลังพัฒนาเกมบน Blockchain แล้ว ซึ่งนอกจากนี้ก็ยังมีบริษัทจากประเทศอื่นๆ อีกหลายที่เริ่มให้ความสนใจเกม Blockchain มากขึ้นอาทิ Bandai Namco, Square Enix, Sega, Ubisoft, หรือ Take-Two Interactive โดยแต่ละเจ้านั้นก็จะมีแนวทางการพัฒนาที่แตกต่างกันไปทั้งการสร้างเกม Blockchain หรือแม้แต่การผนวกเทคโนโลยี Blockchain ใน platform ของตน
- สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเกม Blockchain ที่พัฒนาโดยบริษัทจากเกาหลีใต้: Asia Blockchain Gaming Deepdive”
หนึ่งในเกมที่เปิดตัวและอาจจะประสบความสำเร็จได้เร็วที่สุดคงหนีไม่พ้น Night Crows Global ของ Wemade ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากในเกาหลีใต้ ซึ่งความสำเร็จระดับนี้อาจเทียบเท่ากับความสำเร็จของ MIR4 เลยก็เป็นได้ ความสำเร็จของ Night Crows Global นั้นก็ทำให้เราคาดหวังได้ว่าจะมีนักพัฒนาเกมให้ความสนใจเกม Blockchain มากขึ้นรวมถึงยังสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับเกม Blockchain ในสายตาของเหล่า Gamer ได้อีกด้วย
ในระยะยาวเกม Blockchain จะได้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AR/VR หรือไม่?
ในระยะยาวเกม Blockchain นั้นคาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในการให้สร้าง Content ให้กับเทคโนโลยี AR/VR โดยเติบโตควบคู่ไปกับอุตสาหกรรม AR/VR การเติบโตนี้เชื่อมโยงกับความเชื่อว่า Blockchain นั้นจะเป็นส่วนสำคัญใน Metaverse ซึ่งเป็นแนวคิดที่ยังไม่มีข้อกำหนดที่ชัดเจนนัก แต่อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่ Blockchain สามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ Metaverse ได้คือ 1) การทำงานร่วมกันของข้อมูลและสินทรัพย์ดิจิทัลบน Metaverse และ 2) การสร้างและจัดการ Content ต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยผู้ใช้งาน เพื่อจะทำให้เรามั่นใจได้ว่ามูลค่าของสินทรัพย์ดิจิทัลของเรานั้นจะมีมูลค่าเท่าเดิมใน platform ต่างๆ โดยการทำให้สินทรัพย์เหล่านั้นจะอยู่บนมาตรฐานของ Blockchain ที่จะยืนยันว่าข้อมูลที่ถูกเขียนลงใน Block จะไม่สามารถแก้ไขได้ คล้ายๆกับวิธีที่เกม PC และมือถือเติบโตไปพร้อมกับตลาด hardware ของตนเองเกม Blockchain นั้นก็คาดการณ์ว่าจะเติบโตไปพร้อมกับตลาด AR/VR เช่นกัน
2. เกมบน Blockchain ตัวไหนที่น่าสนใจบ้าง
หากจะพูดถึงเกม Blockchain ที่โด่งดังและเป็นกระแสในช่วงนี้ก็คงต้องพูดถึง Night Crows Global โดย Wemade ที่วางแผนที่จะเปิดตัวภายในสิ้นปีนี้ ด้วย Gameplay ที่น่าสนใจทำให้ประสบความสำเร็จอย่างมากในตลาดเกาหลี ซึ่งก็คาดการณ์ว่าจะความสำเร็จนั้นจะแผ่ขยายถึงตลาด Global ด้วยเช่นกัน
ความสำเร็จของ Night Crows ในตลาดเกาหลี
“Night Crows” เป็นเกม MMORPG สำหรับ PC และมือถือที่พัฒนาโดย MADNGINE โดยได้รับการสนับสนุนจากผู้พัฒนาของ V4, HIT และ OverHit และเผยแพร่โดย WEMADE ได้เข้าสู่ตลาดเกมมือถือของเกาหลีใต้ ซึ่งถูกครองโดยซีรีส์ Lineage (Lineage M, Lineage W, Lineage 2M) และ Odin พร้อมกับเกม RPG ใหม่หลายเกม เช่น ArcheAge War (3/21), Wars of Prasia (3/30) และ Honkai: Star Rail (4/26) แม้จะมีการแข่งขันที่สูง แต่เกมนี้ก็สามารถครองอันดับหนึ่งในการจัดอันดับรายได้รายวันของ Google Play (5/10) และ App Store ของ Apple (4/28) ทั้งยังได้รับ comments ที่ดีจากตลาด และตั้งแต่นั้นมาก็ได้รักษาตำแหน่งที่แข็งแกร่งในการจัดอันดับรายได้สูงสุดในทั้งสองตลาดแอปพลิเคชัน โดยปัจจุบันอยู่ในอันดับที่ 2 บน Google Play และอันดับที่ 5 บน App Store
WEMADE ได้บันทึกรายได้ไตรมาสสูงสุดในประวัติศาสตร์ ประมาณ $120 ล้าน ในไตรมาสที่สอง ด้วยความสำเร็จของ Night Crows และแม้ว่าเกมนี้จะเปิดตัวในช่วงปลายเดือนเมษายนและไม่ได้ประสบความสำเร็จอย่างทันทีรายได้ก็เพิ่มขึ้น 46.1% เมื่อเทียบปีต่อปี และ 69.6% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส ทั้งหมดแล้วด้วยรายได้สะสมที่เกิน $100 ล้านและรายได้รายวันที่คาดการณ์ประมาณ $6.7 แสน Night Crows ได้ยึดตำแหน่งเป็นแหล่งรายได้ใหม่ต่อจาก MIR IP
Night Crows นั้นมีรายได้จากตลาดภายในประเทศมากกว่า MIR4
เมื่อเปรียบเทียบผลงานทางด้านรายได้ของ Night Crows กับ MIR4 แล้ว Night Crows มีผลงานที่ดีกว่าอย่างชัดเจน สามารถเห็นความแตกต่างได้ชัดเมื่อเปรียบเทียบรายได้หกเดือนแรกหลังจากเปิดตัวในทั้งสองตลาดโดย MIR4 มีอันดับสูงสุดที่ 8 บน Google Play และ 4 บน App Store แต่หลังจากหกเดือน อันดับตกลงไปอยู่ที่ 14 บน Google Play และ 42 บน App Store ในทางตรงกันข้าม Night Crows ได้อันดับ 1 ในทั้งสองตลาดและยังคงรักษาอันดับที่ 2 บน Google Play และอันดับที่ 5 บน App Store หลังจากผ่านไปหกเดือน
รายได้ของ MIR4, MIR4 Global และ Night Crows ในไตรมาส 1 ปี 2021, ไตรมาส 4 ปี 2021 และไตรมาส 3 ปี 2023 อยู่ที่ประมาณ $57 ล้าน, $95 ล้าน และ $122 ล้านตามลำดับ รายได้ที่คาดการณ์ไว้ในไตรมาส 3 ปี 2023 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 115.0% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2021 และเพิ่มขึ้น 29.0% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2021 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รายได้ในประเทศของ Night Crows ได้แซงหน้ารายได้ของ MIR4 Global แล้ว และรายได้ของ MIR4 Global สูงกว่ารายได้จากการเปิดตัวในประเทศถึง 66.7%
เกม Blockchain นั้นยังมีปัจจัยอื่นๆ มากกว่าแค่ Gameplay
Night Crows Global ดูมีแนวโน้มที่ดีเมื่อพิจารณาที่เฉพาะตัวเกม โดยมีรายได้และความสำเร็จในระยะยาวที่เหนือกว่า MIR4 Global ในทุกมาตรฐาน อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ความสำเร็จของเกม Blockchainโดยอาศัยเพียงแค่ตัวเกมเป็นสิ่งที่อาจจะเป็นสิ่งที่มักง่ายเกินไป เมื่อเทียบกับตลาดเกม PC และมือถือแบบดั้งเดิมที่ความสนุกและการติดใจเป็นกุญแจสำคัญในความสำเร็จเกม Blockchainมีปัจจัยอื่นๆ ที่มีอิทธิพลต่อความสำเร็จอยู่อีกมาก
เกม Blockchain มีองค์ประกอบผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ซับซ้อน รวมถึงผู้เล่นเกม นักลงทุนเหรียญ และผู้ออกเหรียญ (บริษัทเกม) ที่ผูกพันกับราคาเหรียญ ดังนั้น การเคลื่อนไหวของราคาเหรียญมีบทบาทสำคัญในความสำเร็จของเกม Blockchain ในกรณีของการเปิดตัว MIR4 Global ในเดือนสิงหาคม 2021 ได้เกิดขึ้นพร้อมกับช่วงที่ตลาดคริปโตนั้นเป็นขาขึ้น นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของราคาเหรียญ กำไรจาก P2E และจำนวนผู้ใช้ที่มากขึ้นตาม แม้ว่าในช่วงนี้จะมีความคาดหวังต่อข่าว Bitcoin ETF แต่มูลค่าตลาดโดยรวมของคริปโตนั้นยังคงอยู่ที่ระดับต่ำเมื่อเทียบกับช่วงสูงสุด
Night Crows Global ซึ่งรวมโมเดล Play-to-Earn เข้าไปบางส่วน อาจไม่ได้สัมผัสกับสภาวะตลาดที่เอื้ออำนวยแตกต่างเดียวกับการเปิดตัว MIR4 Global อย่างไรก็ตาม หากการเปิดตัวของเกมถูกเลื่อนไปจนถึงไตรมาสแรกของปีหน้า อาจได้รับประโยชน์จากเหตุการณ์สำคัญ เช่น การอนุมัติ Bitcoin ETF ก็เป็นได้
หากสภาวะตลาดนั้นเป็นใจให้ราคาเหรียญของเกมสูงขึ้น Tokenomics ที่ออกแบบมานั้นก็ควรที่จะคอยรองรับราคาเหรียญให้อยู่ตัวได้ MIR4 Global ได้นำเสนอระบบ Tokenomics ที่เข้าใจง่าย ซึ่งเกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนทรัพย์สินในเกมกับเหรียญโดยตรง อย่างไรก็ตาม การขาดกลไกในการรักษามูลค่าของเหรียญทำให้อายุของเกมมีระยะเวลาสั้นลง แม้ว่า MIR M ได้นำเสนอคุณสมบัติการ staking และแสดงให้เห็นถึงการออกแบบ Tokenomics ที่ซับซ้อนมากขึ้น แต่ก็ยังคงมีความยากลำบากในการรักษามูลค่าของเหรียญ
- หากต้องการอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Tokenomics ของ MIR4 Global และ MIR M: “Web3 Game Tokenomics: Extrapolating the Future From the Past”
Night Crows Global กำลังจะเปิดตัว Tokenomics รูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “Multi-Utility Token Economy” (MUTE) โดยเรียนรู้จาก MIR4 Global และ MIR M โดยระบบนี้ประกอบด้วยเหรียญฐาน ($CROW) ที่ผูกมูลค่าไว้ที่ 1 ดอลลาร์พร้อมกับกลไกในการรักษามูลค่าของมัน และมีเหรียญ Utility หกตัวที่เชื่อมโยงกับไอเทมในเกมและแลกเปลี่ยนได้เฉพาะกับ $CROW เท่านั้น
อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพของแนวทางในการรักษามูลค่าของเหรียญในสภาวะการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของผู้ใช้และปัญหาการใช้บอทเพื่อเก็บเกี่ยวไอเทมในเกมยังไม่แน่นอน Tokenomics ที่ซับซ้อนแม้จะเป็นนวัตกรรมแต่ก็อาจเป็นอุปสรรคสำหรับการดึงดูดผู้เล่น ดังที่เห็นใน MIR4 Global และ MIR M ที่การพัฒนา Tokenomics ขั้นสูงของ MIR M ไม่ได้นำไปสู่การมีผู้เล่นมากขึ้นเมื่อเทียบกับ MIR4 Global
สำหรับ Night Crows Global นั้นจำเป็นต้องสร้างสมดุลระหว่าง Tokenomics ที่ซับซ้อนกับความต้องการและความคุ้นเคยของผู้เล่นเดิม พร้อมทั้งดึงดูดผู้ใช้ Web3 เพื่อให้มั่นใจในความสำเร็จระยะยาวในตลาดเกม Blockchain ของตัวเกมนั่นเอง
Night Crow อาจจะสร้างแรงกระตุ้นให้กับบริษัทเกมใหญ่ๆได้
Night Crows Global กำลังนำเสนอ Tokenomics ที่ไม่เคยมีในวงการเกมมาก่อน ทำให้การคาดการณ์ความสำเร็จในอุตสาหกรรมเกมเป็นเรื่องที่ยาก ความมั่นคงและความสำเร็จของราคาเหรียญเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความยั่งยืนระยะยาวของเกม แม้จะมีความไม่แน่นอนเหล่านี้ Night Crows Global ก็ยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพความสำเร็จอย่างมาก
อย่าง MIR4 Global ที่แม้จะมีปัญหาเกี่ยวกับ Tokenomics แต่ก็สามารถดึงดูดผู้ใช้พร้อมกันได้ถึง 1.3 ล้านคนในช่วงพีค และยังคงเป็นผู้นำในโลกของเกม Blockchainด้วยผู้ใช้พร้อมกัน 240,000 คนในปัจจุบัน สำหรับ Night Crows Global ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากผลกระทบของ MIR4 Global มีศักยภาพที่จะไม่เพียงแต่ทำตาม แต่ยังเกินความสำเร็จของ MIR4 Global ได้ ซึ่งอาจจะกระตุ้นให้บริษัทเกมระดับโลกหันมาสนใจตลาดเกม Blockchain ได้
3. อะไรคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้เกม Blockchain ประสบความสำเร็จ
ทำไมเกมที่ใช้ IP ยอดนิยมถึงไม่ค่อยประสบความสำเร็จในโลก Blockchain
ในวงการเกม Blockchain นอกจากเกมที่นำแนวคิด Play-to-Earn (P2E) มาใช้อย่าง Axie Infinity ที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางและ MIR4 ที่ได้ยกระดับมาตรฐานและคุณภาพของเกม P2E ไปอีกขั้น การค้นหาเกม Blockchain ที่โดดเด่นและเป็นที่ยอมรับเหนือกว่าเกมอื่นๆ ยังคงเป็นเรื่องที่ท้าทาย — แต่ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? และเหตุใดเกมที่พัฒนาจาก IP ที่เป็นที่รู้จักกันดีในโลกของบล็อกเชน ถึงไม่ค่อยประสบความสำเร็จ?”
ตามที่ได้กล่าวไว้ในส่วนก่อนหน้านี้ การประเมินความสำเร็จของเกม Blockchain ไม่สามารถพิจารณาเพียงจากคุณภาพของเกมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสามารถในการดึงดูดผู้เล่นใหม่และการรักษาผู้เล่นเก่าไว้ได้ทั้งในหมู่ผู้เล่นเกมทั่วไปและผู้ใช้ Web3
ปัญหาคือ เกมที่มุ่งเน้นเรื่อง Web3 มากเกินไปก็อาจไม่น่าดึงดูดสำหรับผู้เล่นทั่วไป ในขณะที่เกมที่ใช้ IP ที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วพยายามรักษาคุณภาพเดิมของเกมพร้อมกับการเพิ่มลูกเล่น Blockchain เข้าไป แต่การใช้งานบล็อกเชนเหล่านี้บางครั้งกลับกลายเป็นอุปสรรคต่อผู้เล่นที่ต้องการเข้ามาเล่นเกม
ในวงการเกมทั่วไป การใช้ IP ที่มีชื่อเสียงแล้วมักจะนำไปสู่ความสำเร็จของเกม เนื่องจากแต่ละเกมมีฐานแฟนคลับที่พร้อมจะเข้ามาสนับสนุนเมื่อเกมนั้นๆเปิดตัวภาคใหม่ออกมา เช่น Diablos จากค่าย Blizzard และ The Legend of Zelda จากค่าย Nintendo
- ซีรีส์ ‘Diablos’: เป็นซีรีส์ในค่ายเกม Blizzard ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกมาตั้งแต่ปี 1994 จนเมื่อไม่นานที่ผ่านมา มีการเปิดตัว Diablo 4 ซึ่งได้รับยอดขายถล่มทลายและทุบสถิติที่ผ่านมาทั้งหมดด้วยจำนวนเงิน $666 ล้าน ภายใน 1 อาทิตย์หลังจากการเปิดตัว นับว่าเป็นเกมที่ขายได้มากและไวที่สุดในประวัติศาสตร์ค่าย Blizzard
- ซีรีส์ ‘The Legend of Zelda’: เป็นซีรีส์ในค่ายเกม Nintendo ซึ่งเปิดตัวออกมาครั้งแรกในปี 1986 จนในปัจจุบันมีเกมในซีรีส์เดียวกันรวม 20 เกมแล้ว ล่าสุดในซีรีส์นี้คือ The Legend of Zelda: Tears of the Kingdom ซึ่งมียอดขายถึง 10 ล้านเกมในเวลาเพียง 3 วัน นับว่าเป็นเกมในซีรีส์ที่มีอัตราขายที่ไวที่สุดในซีรีส์ The Legend of Zelda
อย่างไรก็ตาม การคาดหวังที่จะให้ฐานแฟนคลับ IP เกมต่างๆย้ายมาเล่นเกมในรูปแบบเกม Blockchain นับว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก ผู้เล่นที่ชอบ IP ต้นฉบับอาจไม่มีแรงจูงใจที่แข็งแกร่งที่จะหันไปเล่นเกม Blockchainด้วยหลายปัจจัย:
- การขาดเนื้อหาใหม่ในเกม
- อุปสรรคการเข้าถึงที่สูง
- ขาดรางวัล Play-to-Earn (P2E) ที่เยอะพอ
ด้วยเหตุนี้ ฐานผู้เล่นจากเกมนอก Blockchain จึงไม่มีแรงจูงใจมากนักที่จะย้ายตามเข้ามาเล่นเกม Blockchain
ในทางตรงกันข้าม เกมเหล่านี้สามารถดึงดูดความสนใจของผู้เล่น Web3 และนักลงทุนโทเค็นได้ เพราะเกมที่มี IP ที่โด่งดังมาก่อนอยู่แล้วมักจะสามารถสร้างเกม Blockchain ที่มีคุณภาพได้ ไม่เหมือนหลายเกมที่ตั้งต้นบน Web3 ที่ขาดความสนุกในการเล่น อีกทั้งรับมือกับแรงขายของเหรียญในช่วงต้นได้ เพราะคนมีความเชื่อมั่นมากกว่าเกม Blockchain ทั่วไป
การใช้ IP ที่มีความนิยมอยู่แล้วเพื่อดึงดูดผู้เล่นทั้งจาก Web2 และ Web3 เป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจ แต่ต้องระมัดระวังในการวางแผนเพื่อดึงดูดผู้เล่นอย่างมีประสิทธิภาพ หากวางแผนไม่ดี ผู้เล่นจาก Web2 อาจไม่ย้ายมา และเกมจะมีแค่ผู้เล่นที่มาจาก Web3 เหมือนเดิมแทน สิ่งนี้เป็นสาเหตุที่เกม Blockchain หลายเกมไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาดหวัง
เกม Blockchain ในปัจจุบันไม่ได้น่าสนใจสำหรับผู้เล่นเกมทั่วไป
ถ้าอย่างนั้นแล้ว เราจะสามารถย้ายผู้เล่นจาก Web2 มายังโลกแห่งเกม Blockchain ได้อย่างไร?
หากเราพิจารณาการกระจายรายได้ตามภูมิภาคในตลาดเกมโลก เราจะพบว่าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีส่วนแบ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่ 48% ตามมาด้วยอเมริกาเหนือที่ 26% และยุโรปที่ 18% เฉพาะอย่างยิ่ง ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกนั้นถูกครองโดยสามประเทศหลักคือ จีน (63%), ญี่ปุ่น (25%), และเกาหลีใต้ (8%) รวมกันเป็นมากกว่า 95% ของตลาด
แต่ในเกม Blockchain ชั้นนำอย่าง Axie Infinity มีฐานผู้ใช้ที่กระจายอยู่ทั่วโลก เช่น ในฟิลิปปินส์ (41%), เวเนซุเอลา (6%), สหรัฐอเมริกา (6%), ไทย (5%) และบราซิล (3%) ส่วนใหญ่ของผู้เล่นมาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอเมริกาใต้ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีส่วนแบ่งตลาดในตลาดเกมระดับโลกที่ค่อนข้างต่ำเพียง 4% และ 5% ตามลำดับ
สำหรับ MIR4 Global มีฐานผู้เล่นที่กว้างขวางครอบคลุมเอเชีย, อเมริกาใต้, อเมริกาเหนือ, ยุโรป, อินเดีย และเอเชียกลาง โดยฟิลิปปินส์เป็นที่โดดเด่นในเอเชีย ขณะที่บราซิลเป็นประเทศที่มีผู้เล่นมากที่สุดในอเมริกาใต้
การกระจายตัวของผู้เล่นในเกม Blockchain ที่ไม่ตรงกับสัดส่วนตลาดเกมโลกบ่งชี้ว่าเกม Blockchainยังไม่สามารถดึงดูดผู้เล่นในสามภูมิภาคหลัก: เอเชียตะวันออก (จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้), อเมริกาเหนือ และยุโรป
สิ่งที่สำคัญที่ต้องพิจารณาคือความยากและข้อจำกัดทางกฏหมายของเกมในแต่ละประเทศ ในประเทศจีน เกมจำเป็นจะต้องได้รับใบอนุญาตเพื่อให้ผู้เล่นจีนเข้าถึงได้ เกาหลีใต้เองก็มีกฏบังคับเฉพาะเกี่ยวกับเกม Blockchain ทำให้ข้อมูลทางสถิติไม่สามารถสะท้อนความจริงได้ชัดเจน ส่วนประเทศญี่ปุ่นเองก็มีความพยายามที่จะเข้าสู่ตลาดเกม Blockchain อีกด้วย
ในภูมิภาคตะวันตก ด้วยความที่รายได้เฉลี่ยของประชากรค่อนข้างสูง ทำให้โมเดลของการ Play to Earn มีความน่าดึงดูดน้อยลง นอกจากนั้น ตลาดเกมในตะวันตกจะเน้นไปที่เกมคอนโซลแบบผู้เล่นคนเดียว ทำให้ยากที่จะผนวกระบบโทเค็นและ NFT เข้าไปในการเล่นของผู้เล่นในภูมิภาคนี้
ในขณะที่ผู้เล่นทางเอเชียจะคุ้นชินกับโมเดลแบบ Free-to-Play (F2P) ผู้เล่นทางตะวันตกมักจะต่อต้านเนื้อหาเกมที่จำเป็นต้องจ่ายเงิน ส่งผลให้เกิดการต่อต้านการใช้โทเค็นและ NFT
ตัวอย่างเช่น เหตุการณ์ที่ Ubisoft ประกาศแผนการใช้ NFT ในวิดีโอ YouTube ซึ่งสุดท้ายได้รับการตอบสนองด้วยการกด ‘dislike’ สูงถึง 95% จน Ubisoft ต้องลบวิดีโอนั้นออก
- สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตลาดเกม Blockchainในตะวันตก กรุณาดูที่ “4-1-A. A. Overseas: Web3-Native Game Companies Leading the Market” ในรายงาน “2023 Crypto Outlook: Antifragile”
ถึงเวลาเปลี่ยนการโฟกัสไปที่การ Mod
การที่เราจะสามารถดึงดูดผู้เล่นเกมทั่วไปมาสู่ในโลกเกม Blockchain ได้ เราจำเป็นต้องนำเสนอรูปแบบการเล่นที่พวกเขาคุ้นเคย พร้อมกับประสบการณ์การเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ของระบบบล็อกเชน
สิ่งที่เคยเป็นอุปสรรคในการเข้ามาใช้งานของผู้เล่นทั่วไปต้องถูกทำให้ง่ายขึ้นเพื่อให้เกิดการใช้งานที่ราบรื่นที่สุด ตั้งแต่การสร้าง Wallet, การทำธุรกรรมต่างๆ, การ Bridge เหรียญต่างๆ
อุตสาหกรรม Blockchain รู้ถึงปัญหาความเข้าใจยากเหล่านี้ดี และพยายามในการพัฒนา UI/UX ให้ง่ายขึ้นมาโดยตลอด ซึ่งปัญหานี้ก็น่าจะถูกแก้ให้ง่ายขึ้นได้เรื่อยๆตามการพัฒนาของเทคโนโลยี Blockchain แล้วอะไรคือคุณลักษณะสำคัญที่เกมควรมีเพื่อให้เป็นที่รู้จักของผู้เล่นเดิม และมีความพิเศษเฉพาะตัวที่เกม Blockchain สามารถนำเสนอได้?
- สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปรับปรุง UI/UX ของบริการบล็อกเชน กรุณาอ่านบทความต้นฉบับของ Xangle ที่ชื่อ “ERC4337, the Epicenter of UX Innovation.”
หากเรานำศักยภาพของ Blockchain มาผสมกับเกมแล้ว ความเป็นไปได้ของการใช้งานมีมากกว่าแค่การเทรดโทเค็น พลังที่แท้จริงของ Blockchain คือการให้เสรีภาพในการสร้างกำไร คือการให้อิสระแก่ผู้เล่นในการสร้างและทำกำไรจากการปรับแต่งเกมเฉพาะตัวของตนเอง ซึ่งมักเรียกว่า ‘Mods’
Mods ในเกมแบบดั้งเดิมคือการปรับแต่งหลากหลายองค์ประกอบในเกมเพื่อสร้างรูปแบบการเล่นใหม่ที่แตกต่างจากเกมต้นฉบับ ในหลายๆ กรณี เกมใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้นจากการปรับแต่งเหล่านี้
ตัวอย่างเช่น เกม ‘PlayerUnknown’s Battlegrounds’ (PUBG) ผลิตโดยบริษัท Krafton จากเกาหลีใต้ มีต้นกำเนิดมาจากการแก้ไขเกม ARMA 2 โดยใช้ mod ‘DayZ’ และต่อมาคือ ‘DayZ: Battle Royale’ โดย ‘DayZ’ ได้นำเสนอการปรับแต่งใหม่ในจักรวาล ARMA 2 และ ‘DayZ: Battle Royale’ ได้ปรับเปลี่ยนกฎของเกมตามระบบเกม DayZ นอกจากนี้ยังมีเกม League of Legends ซึ่งเป็นผลพลอยได้จาก mod DOTA ของ Warcraft 3 และ Counter-Strike ซึ่งเริ่มต้นจากการเป็น mod ของ Half-Life
แม้ว่า mods บางตัว เช่น Battlegrounds, League of Legends และ Counter-Strike ได้พัฒนาเป็นเกมอิสระที่ประสบความสำเร็จ แต่หลายบริษัทเกมมักจะจำกัดหรือห้ามการสร้าง Mods การตัดสินใจเรื่องสิทธิ์ในการพัฒนา Mods นอกเหนือจากเกมหลักจะถูกตัดสินใจโดยบริษัทเจ้าของเกม จากมุมมองของบริษัทเกม การอนุญาตให้แก้ไขเกมได้อย่างอิสระอาจส่งผลต่อยอดขายของเนื้อหาที่ดาวน์โหลดเพิ่มได้ (DLC) และอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งที่สำคัญของบริษัท คือ โค้ดของเกม
แม้จะมีข้อกังวลเหล่านี้ การรวมเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ากับเกมสามารถนำไปสู่ประโยชน์หลายอย่าง ดังต่อไปนี้
บริษัทเกม: การแสวงหาความยั่งยืน
บริษัทเกมอัพเดทเนื้อหาอย่างต่อเนื่องเพื่อดึงดูดและรักษาผู้เล่น แต่ไม่ว่าบริษัทจะมีความมั่นคงทางการเงินแค่ไหน หรือเกมนั้นสนุกแค่ไหน การรักษาและดึงดูดผู้เล่นใหม่ๆ ให้อยู่กับเกมผ่านการอัพเดทนั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่าย
นอกจากนี้ ในปัจจุบันมีตัวเลือกสำหรับการบันเทิงเพิ่มขึ้นมากมายที่ไม่ใช่เกม เช่น YouTube, Instagram, TikTok, Netflix และอื่นๆ ซึ่งแพลตฟอร์มเหล่านี้สร้างเนื้อหาได้อย่างไม่จำกัด ในขณะที่เวลาของการพัฒนาเกมนั้นมีจำกัด
บริษัทเกมจึงพบว่าการแข่งขันกับปริมาณและความเร็วของเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นเองบนแพลตฟอร์มเหล่านี้เป็นเรื่องที่ท้าทาย ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมเกมระดับโลกที่ก้าวเข้าสู่ยุคที่มีความท้าทายมากขึ้นกว่าเดิม
Mods เกมเป็นวิธีแก้ปัญหาข้อจำกัดพื้นฐานของความยั่งยืนในเกม การอนุญาตให้มีการพัฒนาและเล่น Mods ช่วยให้บริษัทเกมแบ่งปันภาระในการอัปเดตเนื้อหาอย่างต่อเนื่องกับผู้เล่น ส่งผลให้เกิดการอัปเดตที่รวดเร็ว กว้างขวาง และช่วยขยายอายุการใช้งานของเกมโดยลดความเบื่อหน่ายในเนื้อหาเดิม ผู้เล่นที่สร้าง Mods มักมีความเข้าใจในความต้องการและความชื่นชอบของผู้เล่นได้ดีกว่าบริษัทเกม ประสิทธิผลของการสร้างเนื้อหาโดยผู้ใช้และรูปแบบการแบ่งปันรายได้ได้รับการพิสูจน์แล้วบนแพลตฟอร์มเช่น YouTube และ Roblox
สร้างผลตอบแทนให้กับผู้เข้ามาร่วมพัฒนา Mod
ในการเล่นเกมแบบดั้งเดิม ผู้เล่นใช้เวลาและความพยายามในการสร้าง mods เนื่องจากความรักในเกม พวกเขามักจะแบ่งปัน mods ให้ผู้อื่นใช้ได้อย่างอิสระ แม้ว่าบาง mods จะพัฒนาเป็นเกมอิสระที่ทำกำไรได้ แต่ส่วนใหญ่ยังคงเข้าถึงได้ฟรี อย่างไรก็ตาม ด้วยการขาดแรงจูงใจทางการเงินในการพัฒนา mods บางครั้งผู้พัฒนาจึงอาจทิ้งโปรเจกต์กลางคันหรือหายไปหลังจากพัฒนาเสร็จ
ในโลกของเกม Blockchain เราสามารถให้รางวัลกับผู้พัฒนา Mod ต่างๆด้วยโทเค็นได้ตามการพัฒนาที่เกิดขึ้น การให้รางวัลแบบนี้ช่วยตอบแทนผู้ที่เข้ามาเพิ่มคุณค่าให้กับเกม และกระตุ้นให้พวกเขามีแรงใจในการพัฒนาเกมต่อไป
การที่นักพัฒนา Mod เยอะขึ้น ก็จะมีเนื้อหาการพัฒนาที่กว้างขึ้นเช่นกัน ซึ่งในขณะเดียวกันก็จะสร้างฐานผู้เล่นให้กว้างขึ้น รวมทั้งมีรายได้เข้ามาในเกมมากขึ้นและเพียงพอที่จะมอบเป็นรางวัลตอบแทนให้กับผู้สร้างและผู้พัฒนาเหล่านี้
โดยรวมแล้ว ทั้งหมดจะส่งเสริมซึ่งกันและกันในที่สุดจนเกิดความยั่งยืนมากขึ้นของฐานผู้เล่นและผู้พัฒนา
ความคิดนี้มีความคล้ายคลึงกับระบบ Proof of Ecological Transaction (PoET) ที่ถูกนำมาใช้โดย WEMIX ระบบ PoET ให้แรงจูงใจแก่ผู้ใช้และผู้ให้บริการในระบบนิเวศ WEMIX ด้วยโทเค็น $WEMIX สำหรับการมีส่วนร่วมในการพัฒนา ผู้ที่มีส่วนสร้างและส่งเสริมคุณค่าในระบบนิเวศจะได้รับโทเค็นเป็นรางวัลมากขึ้นตามการมีส่วนร่วมของพวกเขา
ที่สำคัญ แม้ว่าระบบ PoET จะไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในการพัฒนา Mods เท่านั้น แต่ยังรวมถึงนักพัฒนาที่สร้าง dApps ในระบบนิเวศ WEMIX อีกด้วย. อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ยังมีความคล้ายคลึงกับ Mods อยู่บ้าง ซึ่งทำให้เราสามารถนำแนวคิดนี้มาประยุกต์ใช้และพัฒนาต่อในด้านของเกมได้
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบ PoET กรุณาดูที่ WEMIX Docs
<WEMIX PoET system, Source: WEMIX>
สำหรับผู้เล่นแล้ว ผู้เล่นจะมุ่งหาถึงความสนุก!
จากมุมมองของการเป็นผู้เล่น โดยความเป็นจริงแล้วผู้เล่นควรจะเข้ามาลองเกม Blockchain เพราะเมื่อ Blockchain เข้ามามีบทบาท และมีระบบการแจกจ่ายผลตอบแทนให้กับผู้พัฒนา Mod ต่างๆ มันจะนำมาซึ่งเนื้อหาคุณภาพสูงอย่างรวดเร็ว ยกระดับประสบการณ์การเล่นเกม
ผู้เล่นจะได้สัมผัสกับเกมที่ถูกพัฒนาขึ้นอย่างอิสระและสามารถหาเกมที่ตรงกับสไตล์การเล่นของพวกเขา ในขณะที่บริษัทเกมมุ่งเน้นทำกำไรและสร้างเกมสำหรับผู้คนทั่วไป ผู้สร้าง Mods ที่ไม่มีภาระด้านค่าใช้จ่ายในการพัฒนาและความกดดันด้านกำไร สามารถนำเสนอเกมที่พัฒนาเป็นเกมสำหรับเฉพาะกลุ่มได้
Mods ที่สามารถปรับแต่งตามคำแนะนำจากผู้เล่นมักได้รับความนิยมอย่างมาก การนำบล็อกเชนเข้ามาใช้งานจะยกระดับความสนุกในการเล่นเกม และเปิดโอกาสใหม่ๆ ในการดึงดูดผู้เล่นเข้าสู่วงการเกม Blockchain
ศักยภาพและความเป็นไปได้ของ Mods ในเกม Blockchain
การให้โอกาสผู้เล่นในการสร้างและทำเงินจากการสร้างเนื้อหาต่างๆด้วย Mods สามารถสร้างสถานการณ์ที่ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์ (Win-Win) ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเกม ผู้สร้าง Mods และผู้เล่นเอง
อย่างไรก็ตาม ก็มีคำถามที่เกิดขึ้นมามากมาย เช่น
- การสร้าง Mods ไม่ใช่ลักษณะเฉพาะของเกม Blockchain อะไรคือการที่นำมาใช้เกม Blockchain แตกต่างจากเกมทั่วไป?
- บริษัทเกมในรูปแบบ Web2 จะเปลี่ยนจากการปิดกั้นมาอนุญาตการสร้าง Mods แบบเต็มที่หรือไม่?
อย่างที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ การสร้าง Mods แบบไม่มีข้อจำกัดอาจจะก่อให้เกิดผลเสียบางอย่างขึ้นมาได้
คำตอบสำหรับคำถามแรกอยู่ที่ลักษณะเฉพาะของเกม Blockchain โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการทำงานร่วมกันและความโปร่งใส ในเกมแบบดั้งเดิม แต่ละ Mod มักจะทำงานแยกกัน มีเรื่องราว กฎการเล่น และระบบเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน ทำให้พวกเขามองเป็นเกมที่แยกออกจากกันอย่างสิ่นเชิง ผลลัพธ์คือ การเปลี่ยนจาก Mod หนึ่งไปสู่อีก Mod หนึ่งมีต้นทุนในการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ
เมื่อเทียบกับเกมในระบบดั้งเดิม บล็อกเชนมีศักยภาพในการแบ่งปันไอเทมหรือสินทรัพย์ในเกมได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้เล่นไม่ต้องกังวลเรื่องต้นทุน สิ่งนี้ทำให้ผู้เล่นมีอิสระในการเล่นเกมมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ปัญหาหนึ่งของเกม Blockchain คือการรักษาสมดุลระหว่างผู้เล่นเก่าและใหม่ สำหรับเกมดั้งเดิม มักจะมีการสร้างความเท่าเทียมผ่านการแยกเซิร์ฟเวอร์หรือนำเสนอระบบแบบฤดูกาล เพื่อให้ผู้เล่นใหม่มีแรงจูงใจและสนุกกับเกม และช่วยให้เกมมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น หากผู้เล่นสามารถใช้ไอเทมในเกมได้อย่างอิสระในทุก mods การทำให้ผู้เล่นเก่าและใหม่เท่าเทียมกันจึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย
หากผู้เล่นสามารถที่จะใช้งานไอเทมต่างๆ ได้อย่างอิสระมากเกินไปในทุกๆ Mod ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาความแตกต่างกันระหว่างผู้เล่นเก่าและผู้เล่นหน้าใหม่ในเกม แต่ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่บริษัทเกมนั้นๆให้ความสำคัญ เช่น การพยายามขยายฐานผู้เล่น หรือการพยายามเอาใจผู้เล่นเก่าเพื่อสร้างกำไรให้ได้มากที่สุด
ในทางข้อดีอีกข้อของการใช้ Blockchain คือการที่สามารถแบ่งปันกำไรได้อย่างโปร่งใสเพราะทุกอย่างจะถูกบันทึกลงอยู่ใน Smart Contracts ต่างๆบน Blockchain ต่างกับการแบ่งปันรายได้ตามแพลตฟอร์มต่างๆใน Web2 ที่เกณฑ์การแบ่ง และที่มาของรายได้ต่างๆ มักจะไม่ได้มีความโปร่งใสและชัดเจนเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นแล้ว การเข้ามาใช้ระบบ Blockchain จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับบริษัทเกมอีกต่างหาก
มาถึงคำถามข้อที่สอง การที่จะคาดหวังให้บริษัทเกมต่างๆ การคาดหวังให้บริษัทเกมเปิดเสรีในการพัฒนา Mod ตั้งแต่เริ่มต้นเป็นเรื่องที่ยาก เพราะการอนุญาตการแก้ไข Mods อย่างกว้างขวางอาจนำไปสู่ปัญหาเช่น การเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์เดิมของเกมหรือการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ถึงอย่างนั้นก็ตาม บริษัทเกมก็ยังคงพยายามหาวิธีทางที่จะทดลองว่าจะพัฒนาไปในทิศทางไหน ยกตัวอย่างเช่นบริษัท Nexon
MOD N ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ MapleStory Universe ทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มการพัฒนาเกม Blockchain ที่ใช้ประโยชน์จาก NFTs ของ Nexon และเกมภายนอก Nexon ตั้งใจที่จะประเมินการมีส่วนร่วมต่อระบบนิเวศตามความนิยมของเกมที่ถูกสร้างขึ้นด้วย MOD N และให้รางวัลที่เหมาะสม MapleStory Universe ของ Nexon เป็นสนามทดสอบเพื่อตรวจสอบผลกระทบและศักยภาพของการพัฒนาและผสานเข้ากับเทคโนโลยี Blockchain
- สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการของ Nexon กรุณาดูที่ ‘[Debrief] การประชุมเกี่ยวกับเกม NFT/Blockchain ในเกาหลี’ และ ‘ADOPTION 2023 ส่วนที่ 3: เกมมิ่ง
บทท้าย
บทความนี้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อตอบคำถามพื้นฐานเกี่ยวกับเกม Blockchain และให้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อช่วยนำทางสู่การเจริญเติบโตของตลาดเกม Blockchain มุมมองที่นำเสนอที่นี่เป็นของบุคคลหนึ่งและไม่ได้มีเจตนาให้เป็นคำตอบที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม เราหวังว่ามันจะมีค่าสำหรับผู้ที่สนใจทำความเข้าใจเกี่ยวกับทิศทางของตลาดเกม Blockchain
การเล่นเกมมีแนวโน้มที่จะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการนำไปใช้งานเทคโนโลยี Blockchain อย่างแพร่หลาย ความตื่นเต้นนี้ยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อบริษัทเกมระดับโลกหลายแห่งประกาศเข้าสู่โลกแห่งเกม Blockchain มากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องรับรู้ว่าตลาดเกม Blockchain ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น เราแนะนำให้ถอยห่างออกมาและมองการเติบโตของเกม Blockchainด้วยมุมมองระยะกลางถึงยาว
เมื่อมองไปถึงภาพอนาคต เรามีความสนใจใน ‘Night Crows Global’ ของ WEMADE ในระยะสั้น เนื่องจากมีความสำเร็จที่ชัดเจนในตลาดในประเทศ เราเชื่อว่ามันมีศักยภาพสำหรับการรับรู้ระดับโลก คล้ายคลึงกับ ‘MIR4’ เราคาดหวังว่าความสำเร็จของ ‘Night Crows Global’ จะกระตุ้นให้บริษัทเกมมากขึ้นเข้าสู่ตลาดเกม Blockchainและเพิ่มการรับรู้ของผู้เล่นเกี่ยวกับเกม Blockchain
นอกจากนี้ เราย้ำถึงความสำคัญของการผสาน Blockchain เข้ากับเกมอย่างรอบคอบและมีการคิดที่ลึกซึ้ง การพึ่งพา IP ที่มีอยู่เดิมโดยไม่มีการออกแบบเกมอย่างรอบคอบแบบที่บริษัทเกมใหญ่ๆหลายแห่งทำอยู่ อาจเป็นเส้นทางที่ยากในการไปถึงความสำเร็จ เกมควรจะนำเสนอประสบการณ์การเล่นที่คุ้นเคยสำหรับผู้เล่นปัจจุบันพร้อมกับประสบการณ์เกม Blockchain ที่โดดเด่น เราเชื่อมั่นว่าศักยภาพที่สำคัญที่สุดของ Blockchain คือการให้ผู้เล่นมีอิสระในการสร้างและทำกำไรจากเนื้อหาเสริมในรูปแบบ Mod ต่างๆ