Ethena เป็นหนึ่งในโปรเจกต์ DeFi ที่เติบโตเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยสามารถขยายมูลค่าของ Stablecoin “USDe” ไปถึงมากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ภายในไม่กี่เดือนเท่านั้น ซึ่งยังไม่เคยมี Stablecoin ใดเติบโตได้เร็วเท่านี้มาก่อน นอกจากนี้ ยังเป็นโปรเจกต์คริปโตฯที่ทำรายได้ถึง 100 ล้านดอลลาร์ได้เร็วที่สุดเป็นอันดับสอง รองจาก pump.fun เท่านั้น
USDe โดดเด่นจาก Stablecoin แบบดั้งเดิมอื่นๆ ที่มีการ Back ด้วยเงิน Fiat เช่น USDC และ USDT หรือ Over-Collateralized Stablecoin อย่าง DAI ของ MakerDAO โดย USDe ของ Ethena จัดเป็น Synthetic Dollar ที่ถูก Back ด้วยคริปโตฯและ Short Derivative Positions (อธิบายเพิ่มเติมในบทความ) ที่ทำให้สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือ USDe ได้ตามแนวคิด Internet Bond
อีก Move ล่าสุดที่น่าสนใจของ Ethena คือการเริ่มเปลี่ยนบทบาทจากการเป็น “DeFi Native Stablecoin” ไปสู่สิ่งที่มากกว่านั้น อย่างการเปิดตัวล่าสุดของ USDtb ที่มี Reserve ลงทุนใน BlackRock’s USD Institutional Digital Liquidity Fund (BUIDL) รวมถึงแผนการเปิดตัวของ iUSDe ที่เน้นไปที่ TradFi ทำให้หลายคนเห็นศักยภาพในการเติบโตของ Ethena ไปได้อีกมาก
ในบทความนี้ เราจะพาไปทำความรู้จักกับ Ethena ว่าโปรเจกต์นี้คืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร รวมถึงหาคำตอบว่าทำไมถึงเติบโตเร็วขนาดนี้ พร้อมจุดเด่นที่น่าสนใจ และอนาคตของ USDe ที่หลายคนกำลังจับตามอง
Background
Ethena ประกาศเปิดตัวในเดือนกรกฎาคม 2023 ก่อตั้งโดย Guy Young ผู้ซึ่งมีประสบการณ์การทำงานใน TradFi มาก่อน โดยเป้าหมายของ Ethena คือต้องการที่จะเป็น ‘Internet Bond’ ที่เป็นมิตรกับโลกคริปโตฯ เป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อระหว่าง CeFi และ DeFi ที่มีความ Censorship-resistant และสามารถ Scale ได้
Guy Young บอกว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Blog Post ของ Arthur Hayes ในเรื่องวิสัยทัศน์ของเขาเกี่ยวกับ Synthetic Dollar ที่เป็น Crypto Native อย่างแท้จริง
Ethena ได้รับเงินระดมทุนรวมกว่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก VCs ชั้นนำอย่างเช่น Dragonfly, Maelstrom, Galaxy, Hashed Fund, OKX Ventures, CMT Digital ด้วย Valuation โปรเจกต์กว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
Ethena คืออะไร
โปรดักท์หลักของ Ethena คือเหรียญ Stablecoin ที่ชื่อว่า USDe โดยมีคอนเซปต์เป็น Internet Bond ซึ่งมีการค้ำประกันเต็มจำนวน (Fully-Backed Stablecoin) โดยให้ผลตอบแทนในปัจจุบันอยู่ที่ 10% APY (ข้อมูลวันที่ 6 มกราคม 2025)
เพื่อรับผลตอบแทนดังกล่าว ผู้ใช้งานต้องนำ USDe ไป Stake เป็น sUSDe* ซึ่งเป็น Interest Bearing ของเหรียญ USDe อีกที โดยนอกจากผลตอบแทน APY แล้วยังจะได้คะแนน Shard เพื่อลุ้น Airdrop ENA Season 3 ด้วย
*Unstake เหรียญ sUSDe ใช้เวลา 7 วันในการถอน
หลักการทำงานของ USDe
หลักการของ Ethena ในการรักษา Peg ของ USDe คือการใช้ กลยุทธ์แบบ Delta-neutral ที่อ้างอิงกับ Collateral Asset โดยการเปิด Short Position สำหรับสินทรัพย์ที่มีราคาผันผวน เช่น ETH เป็นต้น ดังนั้นสององค์ประกอบสำคัญที่ส่งผลต่อเสถียรภาพของ USDe คือ Collateral Asset ที่ทำหน้าที่เป็นหลักประกัน และ Delta-neutral Strategy ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา นอกจากนี้ กลยุทธ์ดังกล่าวยังเป็นแหล่งในการสร้าง Yield ให้กับเหรียญ USDe อีกด้วย
- Collateral Asset: USDe มี Collateral เป็น Asset อย่างเช่น stETH, WBETH, mETH, WETH, BTC และ USDT ซึ่ง Asset เหล่านี้สามารถสร้างผลตอบแทน เช่น ผลตอบแทนจากการนำ ETH ไป Stake เพื่อรับ Yield ซึ่งได้มากถึง 3-5% และผลตอบแทนจาก Liquid Stable โดยการถือ USDC ไว้ในระบบของ Coinbase Loyalty Program ซึ่งให้ผลตอบแทนประมาณ 4% APY
- Delta Neutral Strategy: หลักๆคือการทำ Short Hedge ใน Asset ที่ใช้เป็น Collateral ที่ไม่ใช่ Stablecoin เช่น BTC และ ETH ผ่าน CEX และ DEX ทำให้สามารถสร้าง Yield ได้สม่ำเสมอผ่าน Funding Rate โดยยิ่ง Funding Rate ของ Short Position สูง ก็ยิ่งได้ผลตอบแทนเพิ่ม
ตัวอย่างเช่น ถ้าผู้ใช้งานฝาก stETH มูลค่า $1000 เพื่อสร้าง USDe ที่มีมูลค่าเทียบเท่า ระบบจะเปิดสถานะ Short ETH ด้วยมูลค่าเท่ากันที่ $1000 ที่ Leverage 1x เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลดลงของราคา ETH โดยมี Process ดังนี้
- ผู้ใช้งานฝากคริปโตฯที่ต้องการ เช่น LST หรือ Stablecoin ที่รองรับ เข้าผ่านทาง Ethena
- ทาง Ethena จะย้าย Asset ดังกล่าวไปยัง Wallet ที่ Off-Exchange Settlement Provider สามารถเข้าถึงได้
- Off-Exchange Settlement Provider จะฝาก Asset ไปที่ Derivatives Exchange
- Ethena เปิดสถานะ Short ในคู่ ETH/USD
- Ethena สร้างเหรียญ USDe ในจำนวนเทียบเท่ากับมูลค่าที่ฝาก และโอนเงินให้กับผู้ใช้งานหักด้วยค่า Fee และ Slippage ที่เกิดจากการ Hedging
ซึ่งนอกจากการ Delta Neutral Hedging แล้ว ในส่วน Peg ของราคาเหรียญ USDe ยังมีการใช้ Arbitrage เป็นส่วนเสริมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย โดยเทรดเดอร์สามารถโยชน์จากความแตกต่างของราคาระหว่าง Exchange ต่างๆในการทำ Arbitrage ได้
Performance เหรียญ USDe
ตั้งแต่เปิดตัวมา เหรียญ USDe ได้ผ่านการรับมือกับการปรับฐานตลาดหนักๆหลายครั้ง ซึ่งรวมถึงการลดลงของ Open Interest โดยจากเหตุการณ์ทั้งหมดยังไม่ทำให้เกิดการหลุด Peg อย่างมีนัยสำคัญ โดยช่วงที่เหรียญ USDe มีการ Depeg สูงสุดคือในช่วงที่ตลาดผันผวนหนักในเดือนเมษยนและตุลาคม 2024 ที่ราคาเคยลงไปต่ำที่สุดที่ราว $0.93-$0.94 แต่ราคาก็สามารถกลับมา Repeg ได้อย่างรวดเร็ว (ประมาณ 30 นาที)
นอกจากนี้ ยังไม่มีปัญหาในการ Redeem เหรียญ หรือความผิดพลาดใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการการ Hedging ของสินทรัพย์ Collateral
Reserve Fund
Reserve Fund ทำหน้าที่เป็น Margin of Safety เพื่อเสริมความปลอดภัยให้กับ USDe ในกรณีที่รายได้รวมระหว่าง Collateral Asset และ Funding Rate ติดลบ และยังทำหน้าที่เป็นผู้ซื้อ USDe ในตลาดในกรณีจำเป็นด้วย เช่น การ Arbitrage ราคา USDe ถ้าเกิดมีการหลุด Peg เป็นต้น
Reserve Fund ประกอบด้วย Asset เช่น USDC, USDT, Staked ETH, Liquidity Provider Positions ในคู่ USDe และ USD โดย Reserve Fund ได้รับเงินจากส่วนแบ่งของรายได้ที่เกิดขึ้นจากแพลตฟอร์ม ซึ่งจำนวนส่วนแบ่งรายได้จะนำเข้า Reserve Fund ในสัดส่วนเท่าไหร่นั้นจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ Governance อีกที
โอกาสการฟาร์มบน Ethena
ช่วงนี้ยังสามารถฟาร์ม Shard Farming Season 3 โดยเริ่มต้นไปเมื่อเดือนกันยายน 2024 ที่ผ่านมาและจะจบในวันที่ 23 มีนาคม 2025
โดยการฟาร์มสามารถแบ่งออกเป็น 3 อย่างคร่าวๆดังนี้
1. USDe, sUSDe: ฟาร์ม USDe โดยการฝาก USDe โดยตรงกับแพลตฟอร์ม ซึ่งให้ผลตอบแทนตอนนี้ประมาณ 10% โดยจะได้เป็นเหรียญ sUSDe ซึ่งเป็น Interest Bearing ของเหรียญ USDe อีกที
นอกจากนี้ USDe ที่ถืออยู่ในแพลตฟอร์ม เช่น Morpho, Aave, Pendle หรือ Curve LPs จะได้รับ Reward เพิ่ม 20 เท่า ส่วน sUSDe ที่ถืออยู่ในแพลตฟอร์ม Morpho, Aave หรือ Curve LPs จะได้รับ Reward เพิ่ม 5 เท่า
2. Pendle: ฟาร์ม USDe บน Pendle ใน Pool แบบ 3-Month Maturity นับจากวันที่เปิดตัวจะได้รับ Reward เพิ่ม 25 เท่า และถ้าเป็น 6-Month Maturity จะได้รับ Reward เพิ่ม 30 เท่า
ส่วน sUSDe Pool แบบ 3-Month Maturity จะได้รับ Reward เพิ่ม 20 เท่า และถ้าเป็น 6-Month Maturity จะได้รับ Reward เพิ่ม 25 เท่า
3. ENA: ฟาร์มคะแนน Shard ตรงๆด้วย ENA โดยการ Stake เป็น sENA เพื่อลุ้น Airdrop ENA Season 3
โดย sENA จะได้รับ Reward Multiplier รายวันที่สูงที่สุดใน Season 3 ถึง 40 เท่า และเพิ่มเติมจาก Season ก่อนหน้าคือตอนนี้ sENA สามารถนำไปใช้งานร่วมกับระบบ DeFi อื่น ๆ ได้ เช่น Pendle, Money Markets, แพลตฟอร์ม Staking อื่นๆที่รองรับ
หมายเหตุ: ผู้ใช้งานที่เคยเข้าร่วม Campaign ใน 2 Season ก่อนหน้า จะได้รับ Reward เพิ่มอีก 10% สำหรับการเข้าร่วมใน Season 3 หากยังปฏิบัติตาม Criteria ที่กำหนด
นอกจากนี้การ Stake เหรียญ ENA จะได้รับ Airdrop จาก Ecosystem Project ต่างๆที่มาใช้งาน USDe, sUSDe ซึ่งตอนนี้มีทั้งหมด 2 โปรเจกต์ด้วยกัน ได้แก่
- Ethereal: แพลตฟอร์มซื้อขายแบบ Perpetual และ Spot Exchange ที่สร้างบน Appchain ของตัวเอง โดยมี sUSDe เป็นสกุลเงินหลักในระบบ และมี Ethena เป็นผู้ให้สภาพคล่องและจัดการ Hedging ภายในแพลตฟอร์ม
- Derive: แพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขาย Options และ Structured Products โดย sUSDe ทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์ค้ำประกันตัวหลัก
Ethereal เตรียมเปิดตัว Testnet ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 และ Derive มีแผนที่จะเปิดตัวเหรียญ DRV ภายในวันที่ 15 มกราคม 2025
โดยนอกจาก Derive และ Ethereal แล้ว ในปี 2025 นี้ ยังมีโปรเจกต์หลายตัวที่แพลนจะเปิดตัวภายใต้ Ethena Network Ecosystem ทำให้คนที่ Stake เหรียญ ENA มีโอกาสได้รับ Airdrop เพิ่มเติมอีก โดยเป้าหมายของโปรเจกต์คือการสร้าง Value Accrual ให้กับเหรียญ ENA คล้ายกับ BNB ของ Binance
การเติบโตและพัฒนาการของ Ethena
USDe ได้เติบโตจนมี Market Cap สูงเป็นอันดับสองรองจาก USDT และ USDC เท่านั้น โดยปัจจุบันมี Market Share อยู่ที่ประมาณ 3% ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้ใช้งานที่มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
การเติบโตนี้ยังเกิดมาจากการขยายการรองรับบนบล็อคเชนต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง บวกกับการ Integrate เข้ากับแพลตฟอร์ม DeFi หลายแห่ง อีกทั้งยังเกิดจากการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์สำคัญในวงการ ซึ่งเราจะเจาะลึกถึงรายละเอียดเกี่ยวกับพัฒนาการต่างๆในบทนี้
การเพิ่มของ Chain ที่รองรับ USDe
การใช้งาน USDe กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันมีการรองรับบนบล็อกเชนถึง 17 เชนด้วยกัน เช่น Ethereum, Mantle, Arbitrum, Solana, Blast, Base, Optimism, Linea, Scroll และอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการขยายไปยังเชนต่าง ๆ แต่ Ethereum ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดสูงที่สุด โดยมีสัดส่วนมากกว่า 98%
USDe as Collateral on CEXs
ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา Ethena ได้ประกาศร่วมมือกับ Bybit โดยทำให้ผู้ใช้งานสามารถถือ USDe บน Exchange เพื่อรับ Yield สูงสุดถึง 20% APR* นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เหรียญ USDe ในการซื้อขาย Derivative โดยการใช้ USDe เป็น Collateral นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มคู่เทรด Spot ของเหรียญ USDe/USDT and USDe/USDC
นอกจาก Bybit แล้ว ยังมีการร่วมมือในลักษณะเดียวกันกับ Bitget ซึ่งนับเป็น Integration ที่น่าสนใจ เพราะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผู้ใช้งาน ทั้งในด้านการสร้างผลตอบแทนและการขยายโอกาสการเติบโตของ USDe ให้เข้าถึงผู้คนได้ง่ายและกว้างขวางยิ่งขึ้น
ในปัจจุบันมีจำนวน Stablecoin ที่อยู่บน CEXs ประมาณ 38,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่ง Marketcap ของ USDe ยังอยู่เพียงแค่ 6,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งการที่ USDe มีให้ซื้อขายบน CEX ได้นั้น ทำให้มีโอกาสในการเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้า CEX รายใหญ่อื่นๆ นำ USDe มาใช้ด้วยเช่นกัน
*ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบ APR ล่าสุด ได้บนหน้า Savings หรือในหน้า UTA/Funding account ของแพลตฟอร์ม
DeFi Integration
ปัจจุบันมีแพลตฟอร์ม DeFi กว่า 40 แห่งที่รองรับ ENA และ USDe ที่มีทั้ง Money Market, Restaking, DEX, Yield เป็นต้น
ตัวอย่างล่าสุด ที่มีการ Integrate กับ Aave ทำให้ผู้ใช้งานสามารถ
- ฝาก USDe และทำการ Loop กับ stablecoins อื่น ๆ บน Aave
- ฝาก Asset ที่รองรับ เช่น stETH, wETH, ETH, และ WBTC บน Aave เพื่อยืม USDe หรือ sUSDe
โดยการฝากบนแพลตฟอร์ม DeFi เหล่านี้จะได้สะสม Sats สำหรับ Airdrop Season 3 ด้วย โดยถ้าเป็นกรณีการฝากบน Aave จะได้รับ Reward Multiplier ดังนี้
- USDe collateral: 20x
- sUSDe collateral: 10x
- stETH, ETH, rETH, weETH collateral สำหรับยืม GHO into USDe: 20x
- stETH, ETH, rETH, weETH collateral สำหรับยืม USDC/T into USDe: 10x
การเปิดตัว Stablecoin “USDtb” ที่ Backed โดย BUIDL
วันที่ 16 ธันวาคม 2024 ที่ผ่านมา ทาง Ethena ได้เปิดตัว Stablecoin ตัวใหม่ที่ Back แบบ 1:1 ด้วยเงินสดหรือสินทรัพย์เทียบเท่าเงินสด โดย 90% ของสินทรัพย์สำรองจะถูกจัดสรรไปยัง BUIDL (BlackRock’s USD Institutional Digital Liquidity Fund) ของ BlackRock ซึ่งถือเป็นอีก Move ใหญ่ที่หลายคนให้ความสนใจอย่างมาก และถูกมองว่าจะเปลี่ยนเกมของ Ethena ไปอย่างสิ้นเชิง
USDtb เป็น Stablecoin อีกตัวที่แยกออกจาก USDe โดยจุดประสงค์เพื่อเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ใช้งานและ CEX ต่างๆ ในการใช้งาน Stablecoin ที่มีลักษณะความเสี่ยงที่แตกต่างออกไปเมื่อเทียบกับ USDe
นอกจากนี้ USDtb ยังช่วยให้ USDe สามารถรับมือกับสภาวะตลาดที่ผันผวนได้ดีขึ้น เพราะทาง Ethena’s Risk Committee ได้อนุมัติ Proposal ที่เสนอให้เพิ่ม USDtb เป็น Backed Asset ของ USDe โดยในช่วงที่ Funding Rates ติดลบ Ethena จะสามารถปิด Hedging Positions และจัดสรร Backed Asset ไปยัง USDtb เพื่อลดความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำให้ความผันผวนของผลตอบแทนของ sUSDe ลดลงอย่างมาก
สรุปคุณสมบัติของ USDtb:
- เป็น Stablecoin ที่ถูก Back 100% ด้วย BlackRock และ Securitize
- ทำงานเหมือนกับ Stablecoin อื่น ๆ ที่สร้างผลตอบแทนจาก Treasury Bills โดยไม่มีความเสี่ยงเพิ่มเติมจาก Custodian หรือ Counterparty
- สามารถกลายเป็น Subset ของ USDe ได้ โดยที่ผู้ถือ sUSDe จะได้รับผลตอบแทนจาก Treasury Yield ในกรณีที่ผลตอบแทนจาก TradFi สูงกว่าผลตอบแทนจากคริปโตฯ
- เป็น Omnichain Fungible Token (OFT) ที่ทำงานบน LayerZero ทำให้สามารถโอนข้ามเชนได้ในเครือข่าย เช่น Ethereum mainnet, Base, Solana, และ Arbitrum
- มี Liquidity Pools บน Curve แล้ว (คู่ USDtb/USDe และ USDtb/USDC) โดยผู้วาง Liquidity จะได้รับ Reward Multiplier สำหรับ Airdrop Season 3 ของ Ethena ด้วย
Partnership กับ World Liberty Financial
เมื่อวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา Ethena ได้ทำการประกาศ Partnership กับ World Liberty Financial ของ Donald Trump
เป้าหมายของการร่วมมือในครั้งนี้คือการนำเหรียญ sUSDe ของ Ethena (Staked USDe) ในการใช้เป็น Collateral บนแพลตฟอร์มที่เป็น Aave-Backed ของ World Liberty Financial ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้เหรียญ USDe เป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน
ซึ่งถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของ Ethena ในการเพิ่มสภาพคล่องและอัตราการใช้งานของ Stablecoin “USDe” ให้เติบโตยิ่งขึ้นได้
ความเสี่ยง
Funding Risk
แม้ว่าจากสถิติ Funding Rates ของ ETH, BTC มีแนวโน้มที่เป็นบวกในระยะเวลาส่วนใหญ่ โดยจากสถิติในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ETH Perpetual Futures และ BTC Perpetual Futures มี Funding Rate เป็นลบเพียง 19.1% และ 16.1% ตามลำดับ
โดยถ้าเกิดมีการ Funding Rate ติดลบ จะมี Margin of Safety ไว้ป้องกันกันอยู่ด้วยกันสองแบบคือ
- Reserve Fund ช่วย Cover ให้
- การใช้สินทรัพย์ LST เช่น stETH เป็น Collateral สำหรับ USDe ช่วยเพิ่มผลตอบแทนเพื่อชดเชยได้อีกส่วนหนึ่ง กล่าวคือ รายได้ของ Ethena จะติดลบก็ต่อเมื่อผลรวมของผลตอบแทนจาก LST และ Funding Rate มีค่าเป็นลบเท่านั้น
*ตัวอย่าง เมื่อรวมรายได้เฉลี่ยต่อปีจาก stETH กับค่า Funding Rate ของ ETH พบว่าเพียง 10.34% ของวันทั้งหมดมีรายได้รวมติดลบ (ลดลงจาก 19.1%)
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีมาตรการสำรองสำหรับรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว แต่ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่า Ethena จะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แค่ไหน ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงขึ้นจริง เพราะ USDe เป็นสินทรัพย์ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน จึงอาจยังไม่ได้รับการทดสอบในระยะยาวอย่างเพียงพอ
Counter Party & Liquidation Risk
Ethena ยังมีความเสี่ยงจาก Counterparty Risk จาก Centralized Exchanges ที่ถือสถานะ Short เพื่อ Hedging ซึ่งถ้ามีเหตุการณ์ที่ CEX เหล่านี้ไม่สามารถจ่ายผลกำไรหรือคืน Collateral ที่ฝากไว้ Ethena อาจสูญเสียเงินทุนได้
นอกจากนี้ การใช้ LSTs (Liquid Staking Tokens) เป็น Collateral ยังมีความเสี่ยงด้านสภาพคล่องและความผิดพลาดอื่นๆ เช่น ปัญหาจาก Smart Contract ที่อาจส่งผลต่อมูลค่าของ LSTs ได้ และอาจส่งผลทำให้เกิดการถูก Liquidate ถ้าหากมูลค่าของ Collateral อย่าง Staked ETH หลุดจากมูลค่าของ Short Position ไปอย่างมีนัยสำคัญ
Custodial Risk
เนื่องจาก Ethena ต้องพึ่งพาตัวกลางอย่าง CEX ในการดูแลและเก็บรักษา Asset จึงมีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการจัดการ Asset จาก Custody ดังกล่าว นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจาก Slashing ซึ่งอาจเกิดขึ้นกับ Validator ที่ใช้สำหรับการ Staking ได้อีกเช่นกัน
Open Interest Risk
เนื่องจาก Ethena อาศัยการเปิด Short Positions เพื่อป้องกันความผันผวนของ Collateral ดังที่กล่าวไปแล้ว ดังนั้น จำนวน USDe ทั้งหมดที่สามารถออกได้จะขึ้นอยู่กับ Open Interest ที่มีอยู่ในตลาด Futures เหล่านี้โดยตรง เช่น ถ้า Open Interest อยู่ในระดับต่ำ นั่นหมายถึงว่า Ethena จะสามารถเปิด Hedging Positions จะถูกจำกัดไปด้วย ซึ่งส่งผลให้จำนวนการออก USDe ใหม่ถูกจำกัดไปด้วยนั่นเอง
ENA Unlock
ในช่วงเดือนเมษายน 2025 จะมีการปลดล็อกเหรียญ ENA ส่วนที่ถือโดยนักลงทุน VC ซึ่งมีต้นทุนการลงทุนในระดับที่ค่อนข้างต่ำ (FDV $300 ล้าน) ในจำนวนกว่า 2,000 ล้านโทเคน หรือราว 13% ของ Total Supply นอกจากนี้ยังมีเหรียญที่จะถูกปลดจาก Airdrop Season 3 ในช่วงเวลาใกล้ๆกัน โดยการปลดล็อกดังกล่าวอาจสร้างแรงกดดันต่อราคาของเหรียญ ENA ในตลาดได้
2025 Roadmap
TradFi Convergence
Ethena เพิ่งประกาศ Roadmap สำหรับปี 2025 โดยจะโฟกัสการเติบโตไปที่ TradFi โดยการเตรียมเปิดตัวเหรียญ iUSDe ซึ่งเป็นเหรียญ sUSDe ในรูปแบบ Wrapped Version เพื่อทำให้สอดคล้องกับกฎระเบียบด้าน Regulation ในระบบการเงินแบบดั้งเดิม
โดยภาพรวม iUSDe มีคุณสมบัติเหมือนกับ sUSDe แต่เพิ่ม Wrapper Contract แบบง่ายๆเข้าไป ซึ่งช่วยลดข้อจำกัดในการโอนเหรียญ เพื่อให้สถาบันการเงินสามารถถือครองและใช้งานได้ง่ายๆ โดยไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับระบบหลังบ้านคริปโตฯโดยตรง
โอกาสที่ทาง Ethena มองเห็นก็คือการที่เรากำลังจะเข้าสู่ภาวะดอกเบี้ยต่ำ ที่ทำให้ USDe อาจเป็นทางเลือกให้กับกลุ่มลูกค้า TradFi แทนที่จะลงทุนกับ Traditional Fixed Income Products อื่นๆ ที่ให้ผลตอบแทนต่ำกว่า
สำหรับเป้าหมายหลักของ Ethena ใน Q1 2025 คือการทำงานร่วมกับ Partner ใน TradFi ต่างๆ อย่างเช่น Asset Manager, Credit Funds, Private Investment Fund, Prime Broker เป็นต้น เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึง iUSDe ได้ ซึ่งถ้าทำสำเร็จจะสร้างการเติบโตให้กับ USDe ได้สูงมากทาง Ethena แจ้งว่าจะประกาศรายชื่อพาร์ทเนอร์ TradFi ที่จะใช้งาน iUSDe เป็นครั้งแรกภายในเดือนมกราคมนี้
USDe on Telegram
ในปี 2025 Ethena ยังมีแผนเปิดตัว USDe Application บน Telegram ซึ่งผู้ใช้งานสามารถส่ง ใช้จ่าย และออมเงินได้แบบง่ายๆ โดยระบบการชำระเงินจะเชื่อมต่อกับ Apple Pay ทำให้ผู้ใช้งานสามารถชำระเงินด้วยการแตะผ่านโทรศัพท์มือถือได้แบบ Mobile Banking โดย Move ดังกล่าวทำให้ Ethena มีโอกาสสร้างการเติบโตของ USDe ผ่านผู้ใช้งานกว่า 900 ล้านคน ของ Telegram ได้
Fee Switch
ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2024 ทาง Risk Committee ได้อนุมัติ Fee Switch Proposal สำหรับผู้ถือเหรียญ sENA จากการสำเสนอจาก Wintermute อย่างไรก็ตาม การจะเปิด Fee Switch จะต้องผ่าน Condition ดังนี้ทั้งหมด
- USDe Circulating Supply มากกว่า $6bn
- Cumulative Protocol Revenue มากกว่า $250m
- CEX adoption: มีการ Integrate USDe บน 4 ใน 5 ของ CEX ชั้นนำ ที่มีปริมาณการซื้อขาย Derivatives สูงสุด
เงื่อนไขในการเปิดใช้งาน Fee Switch ของ Ethena ยังคงไม่ครบทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เราจะเห็นว่า Circulating Supply ของ USDe และการ Integrate กับ CEX ชั้นนำจะมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าภายในปี 2025 เงื่อนไขเหล่านี้จะสำเร็จครบถ้วนหรือไม่
สรุป Ethena
Ethena เป็นโปรเจกต์ DeFi ที่เติบโตเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ โดย USDe ซึ่งเป็น Stablecoin หลัก มีจุดเด่นในฐานะ Synthetic Dollar ที่ให้ผลตอบแทนแก่ผู้ถือได้ตาม Concept “Internet Bond” นอกจากนี้ ยังมีการขยายการใช้งานบนบล็อกเชนต่างๆไปแล้วมกมาย และร่วมมือกับแพลตฟอร์มชั้นนำ เช่น BlackRock และ World Liberty Financial รวมถึงแผการเปิดตัว iUSDe ที่เน้นลูกค้าจาก TradFi ที่ทำให้เรามองว่ามีโอกาสเติบโตได้อีกมากในอนาคต
อย่างไรก็ตาม Ethena ยังเผชิญความเสี่ยง เช่น การพึ่งพา CEX ในการ Hedging, ความผันผวนของ Funding Rate, และการปลดล็อกเหรียญ ENA ส่วนของ VC ในเดือนเมษายน 2025 ซึ่งอาจกดดันราคาตลาด นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินโอกาสและความเสี่ยงอยู่เสม