
หลังจาก Shanghai (Shapella) Upgrade ดำเนินการเสร็จสิ้น มีหลายสิ่งที่เราควรจับตามองหลังจากนี้เพื่อใช้เป็น Indicator สำคัญในการตัดสินว่าการอัปเกรดครั้งนี้สำเร็จเรียบร้อยดีหรือไม่ บทความนี้จะรวบรวมสิ่งที่ควรติดตามหลัง Shanghai Upgrade เสร็จสิ้น พร้อมช่องทางในการติดตามเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจในการลงทุนใน Ethereum และเหรียญกลุ่ม Liquid Staking Derivative โดยเราได้รวบรวมมาทั้งหมด 7 เรื่องด้วยกัน
1. Upgrade สมบูรณ์หรือไม่
การอัปเกรดในครั้งนี้เป็นการแก้ระดับ Consensus Layer และ Execution Layer ไปพร้อมๆกันโดยที่ไม่เคยมีอัปเกรดไหนทำแบบนี้มาก่อน (The Merge แก้เพียง Consensus Layer) ดังนั้นหลังจากอัปเกรดอย่างน้อย 1 อาทิตย์จะเป็นช่วงเฝ้าระวังว่ามีความผิดปกติอะไรหรือไม่กับ Ethereum Blockchain โดยช่องทางการติดตามดูได้จาก
Link: Beaconcha.in

เป็นเว็บไซต์แสดงข้อมูล Ethereum Blockchain แบบ Real time ซึ่งในช่วง slot ที่ 6,209,536 ที่เป็นกำหนดการในการอัปเกรด มีบาง Slot ที่ Missed (สีแดง) และ Reorg หรือแตกเป็น 2 เชน (สีม่วง) บ้างในช่วงแรก แสดงให้เห็นถึงความไม่พร้อมบางอย่างในตอนแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ตอนนี้จำนวน Block Reorg และ Missed ก็ค่อยๆน้อยลงจนแทบไม่เหลือ และทาง Ethereum Developer ก็ไม่ได้แสดงความกังวลอะไร อย่างไรก็ตามเราควรจับตาการทำงานของ Ethereum ไปอย่างน้อย 1 อาทิตย์แรกเพื่อความชัดเจนว่าจะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นตามมา
2. จับตาจำนวน Full / Partial Withdrawal

จากบทความ วิเคราะห์แรงเทขาย ETH หลัง Shanghai Upgrade เราได้มีการประเมินไว้ว่าการถอนในแต่ละวันนั้นจะมี Maximum ไม่เกินจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งคือ 4,800 Node ต่อชั่วโมง หรือ 12,048 ETH
จากข้อมูลของ Token Unlock ที่แสดงจำนวน ETH ที่ปลดออกมาในแต่ละชั่วโมง โดยมีแยกทั้ง Withdrawn Principal (Full Withdrawal) และ Withdrawn Reward (Partial Withdrawal) ทำให้เราสามารถติดตามดูได้อย่างใกล้ชิด หากมีชั่วโมงไหนที่มีจำนวน ETH ถอนออกสูงติดต่อกันนานๆ อาจสะท้อนไปถึงแรงเทขายหรือความแข็งแกร่งของ Ethereum ที่ต้องระมัดระวังมากขึ้น
Link: Token Unlock
3. จำนวนการเปลี่ยน Withdrawal Credential (0x00 –> 0x01)

จากข้อมูลของ Metrika ซึ่งแสดงจำนวน Node ที่เปลี่ยน Withdrawal Credential ราย 15 นาที ซึ่งโดย Maximum ที่เปลี่ยนได้นั้นคือ 1,200 Node ต่อ 15 นาที การที่เห็นจำนวนการเปลี่ยนที่ไม่เต็ม Capacity เป็นเรื่องที่แปลกมากเพราะ Staking Reward ที่ค้างอยู่ใน Node นั้นจะหารายได้ไม่ได้ กาารถอนออกมาจะเป็นตัวเลือกที่ได้รายได้สูงที่สุดโดยแทบไม่มีความเสี่ยง การที่ไม่ถอนจึงมีได้ 2 กรณีคือ
- ยังไม่มั่นใจกับระบบการอัปเกรด อาจรอให้ชัดเจนมากกว่านี้
- รอ Atlas Upgrade ของ Rocket Pool ในการแปลง 32-ETH Node เป็น 8-ETH Minipool จำนวน 4 Node ซึ่งจะอัปเกรดในวันที่ 18 เมษายน
ดังนั้นการคาดการณ์อาจจะมีการคลาดเคลื่อนโดยทำให้ จำนวน ETH ในแต่ละวันมีการปล่อยออกมาน้อยลงกว่าที่คาด แต่ Partial Withdrawal อาจจะมีการลาดยาวนานขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกเพราะแรงเทขายที่ค่อยๆทยอยลงสู่ตลาด
Link: Metrika
4. ใครเป็นคนถอน Full Withdrawal

จากข้อมูลของ tomwanhh ที่รวบรวมข้อมูลข้อง Address ปลายทางที่กลุ่ม Full Withdrawal เลือกไปหา เราจะสามารถนำไปวิเคราะห์ต่อได้ว่ากลุ่มคนลักษณะนี้มีโอกาสที่จะนำ ETH ไปทำอะไรต่อ เช่นในรูปจะมี Kraken ที่โดน ก.ล.ต. สหรัฐสั่งปรับ $30m ในการให้บริการ Staking Service หลักทรัพย์ที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนแก่ชาวสหรัฐ ซึ่ง Kraken จำเป็นต้องคืน ETH ทั้งหมดแก่ชาวสหรัฐ และ Coinbase ก็เป็นอีก CEX ที่มีความเสี่ยงด้านนี้เช่นกัน และหากอนาคตมีการถอนไป Celsius ที่ประกาศล้มละลายไปแล้ว ก็อาจจะเอา ETH ก้อนนี้ไปขายเพื่อนำไปใช้คืนเจ้าหนี้ก็เป็นได้
ดังนั้น กระเป๋าปลายทางก็เป็นอีก Indicator หนึ่งที่เราต้องติดตามอย่างใกล้ชิดอย่างมาก
Link: tomwanhh
5. สภาพคล่องในตลาดยังเพียงพอหรือไม่

จากข้อมูลปริมาณซื้อขายย้อนหลังของ Ethereum ที่ Yahoo Finance ได้รวบรวมจะช่วยให้เราคิดเชิงผลกระทบต่อตลาดได้ว่าปริมาณ ETH ที่ปลดออกจะส่งผลต่อตลาดมากแค่ไหน เหมือนเช่นในกรณีของ Alameda Research ที่ถือเหรียญ FTT ไว้เป็นจำนวนมากเกิน 40% ใน Balance Sheet จากบทความ สรุปเหตุการณ์ FTX Alameda Research ล้มละลาย ทำให้ตอนขายทอดตลาดจะไม่มีสภาพคล่อง ข้อมูลที่ได้มีดังนี้
- 1 ปีย้อนหลัง ETH มีปริมาณซื้อขายเฉลี่ย: $13.4b ต่อวัน
- 4-เดือนย้อนหลัง ETH มีปริมาณซื้อขายเฉลี่ย: $7.77b ต่อวัน
- มีปริมาณซื้อขายวันนี้: $13.8b ต่อวัน
เมื่อเปรียบเทียบกับการปลดช่วงแรกที่สามารถปล่อยออกมาได้สูงสุด 289,152 ETH หรือ $578m ต่อวัน (ETH @$2,000) เราพบว่าเป็นเพียง 4.2% เท่านั้นซึ่งเป็นกรณีที่ ETH ทุกเหรียญจะขายทันทีในตลาด ซึ่งในความเป็นจริงไม่มีทางขายทุกคนอยู่แล้ว
ดังนั้น เราจึงมองมาว่าตราบใดที่ ETH ยังปลดออกมาในปริมาณเท่านี้และสภาพคล่องในตลาดยังมีเพียงพอ ราคา ETH อาจจะไม่ได้รับผลกระทบมากนักก็เป็นได้
Link: Yahoo Finance
6. Staking Ratio – จำนวน Validator Node เพิ่มหรือไม่


นอกจากนี้ Staking Ratio เป็นอีกตัวเลขหนึ่งที่ควรจับตามองอย่างมาก เพราะจะแสดงให้เห็นถึงทิศทางความคิดของผู้เป็น Validator Node ที่ต้องเรียกว่าเป็น ETH Maximalist เลยก็ว่าได้เพราะเป็นกลุ่มคน Stake ETH โดยที่ไม่ทราบว่าจะได้ถอนออกในวันไหน การที่ในช่วงแรกมี ETH ถอนออกจำนวนมากไม่ได้ทำให้ Staking Ratio ลดลงเพราะส่วนที่ลดนั้นเป็น Staking Reward (Partial Withdrawal) แต่ถ้าลดด้วยการ Exit Full Withdrawal ถึงจะลดจริง (Staking Ratio ดูที่ Link นี้)
ซึ่งตัวเลข 16,589 Exiting ในด้านซ้ายนี้เปรียบเทียบกับ 29 Deposited จะแสดงได้ชัดเจนว่าคนกำลังถอนออกมากกว่าเป็นจำนวนมาก ซึ่งเราต้องตัด 36,679 Node (1,247,424 ETH) ของ Kraken และ 4,654 Node (158,272 ETH) ของ Celsius ออกด้วยเนื่องจากเป็นคำสั่งจาก ก.ล.ต. สหรัฐ และต้องขายเพื่อคืนเจ้าหนี้ การที่จะเห็น Exiting เยอะช่วงนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกมากอะไร แต่ถ้าหากผ่านไป 1-2 เดือนแล้วยังไม่มีแนวโน้มที่ Staking Ratio จะกลับมาบวกได้ ในตอนนี้อาจจะเป็นสัญญาณไม่ดีของ Ethereum และ Liquid Staking ก็เป็นไปได้
Link: Dune Analytics, Beaconcha.in
7. Validator Node เข้ามาในกลุ่มไหน

สิ่งสุดท้ายที่ควรจับตาดูคือ Validator Node ที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงนั้นมาจากกลุ่ม CEX, Liquid Staking หรือ Solo Staker ใน Dune Analytics เพราะจุดนี้จะทำให้เรามี Edge เหนือกว่านักลงทุนที่มองเพียงภาพรวม Staking Ratio ได้
การดูจำนวน ETH Staked ที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวันนั้นจะทำให้เราเห็นแนวโน้มของแพลตฟอร์มนั้นได้ว่าอนาคตอาจจะเป็นเช่นไร แต่สิ่งที่ต้องคิดต่อคือ Tokenomics ของเหรียญนั้นสอดคล้องกับจำนวน Validator Node ที่เพิ่มขึ้นหรือไม่ เช่น LDO ที่มีคนเปิด Node มากขึ้น ก็ไม่ได้สะท้อนให้ราคา LDO ขึ้นโดยตรง เป็นต้น (แต่อาจจะเป็น Narrative ทางอ้อมหรือการเก็งเพื่อได้สิทธิ์ในการดูแลเงิน Treasury ในอนาคตก็เป็นได้)
Link: Dune Analytics

โดยสรุปแล้ว หลังจากนี้นักลงทุนต้องติดตามความเคลื่อนของการ Withdrawal ให้ดีเพราะมันจะส่งผลกระทบต่อราคาโดยตรง ยิ่งการปลดน้อยส่วนที่เป็น Full Withdrawal น้อยเท่าไหร่ก็อาจจะสะท้อนถึงความ Bullish ใน Ethereum อย่างมาก ซึ่งอาจส่งต่อไปที่ Liquid Staking ก็ได้เช่นกัน ในทางตรงกันข้าม ถ้าหากมี Exit Full Withdrawal สูงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ไม่มีคนฝากเพิ่มเลยก็จะส่งผลในทางลบอย่างมากได้เช่นกัน ดังนั้นในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้จึงควรใส่ใจเป็นพิเศษต่อ Ethereum
Author
-
A guy who loves crypto like Bitcoin and Ethereum. He's not the best writer, but his love for DeFi makes up for it. He's an easygoing guy who makes learning about crypto fun and easy.