*ข้อมูลระหว่างวันที่ 16 กันยายน 2023 – 12 ตุลาคม 2023
สรุปข่าวเด่น
ค่าเงินบาท: DXY FALLING
ค่าเงินบาทมีแนวโน้มผันผวน ในกรอบ 35.6 – 36.2 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ โดย ณ ปัจจุบัน อัตราการแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 36.1 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ แต่มีโอกาสที่กลับแข็งค่ากลับไปที่ 36 บาทต่อดอลล่าร์ในเร็วๆนี้ โดยมี 3 ปัจจัยคอยจับตามองดังนี้
1. DXY ดัชนีดอลล่าร์กำลังทดสอบแนวรับที่ 105.5: จากข้อมูลการเคลื่อนไหวของ DXY รูปทางขวามือจะเห็นได้ว่าการขยับตัวของดอลล่าร์นั้น เริ่มผ่อนแรงลงจากที่ขึ้นไป ทำ High ที่ 107.2 ในช่วงเดือนที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันเริ่มลดลงเนื่องจากตลาดเริ่มกลับมาเปิดความเสี่ยงมากขึ้นหลังจาก FED เริ่มให้สัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ย
2. พันธบัตรอเมริกา 2 ปี เริ่มกดหัวลง : หลังจากขึ้นไปทำ High ที่ 5.2% พันธบัตรก็เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาจนปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 4.9% แสดงให้เห็นว่า ตลาดเริ่มเปิดความเสี่ยงมากขึ้น ความผันผวนอาจจะเกิดขึ้นถ้าหาก FED minutes ที่จะออกมาในวันพฤหัสบดีนี้มีมุมมอง Hawk จาก FOMC 3. เศรษฐกิจฝั่งไทยเริ่มมีความหวัง: หลังจาก กนง. ประกาศขึ้นดอกเบี้ยครั้งล่าสุด ก็ได้มีการให้มุมมองเกี่ยวกับการคาดการณ์ GDP ของประเทศไทยในปี 2024 ไว้ว่าจะเติบโตมากกว่าที่คาดการณ์เดิมไว้ หลังจากการใช้นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเพื่อไทย
Macroeconomics: High chance to “PAUSE”
สถานการณ์ดอกเบี้ยอเมริกาเริ่มดีขึ้นหลังจากที่ FED เริ่มให้สัญญาณการหยุดขึ้นดอกเบี้ย จากภาพจะเห็นได้ว่า ตลาดมองว่าดอกเบี้ยที่ 5.5% หรือ 550 bps นั้นเป็นจุดพีคที่สุดในปีนี้ และเสียงส่วนใหญ่เริ่มเห็นด้วยมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสิ่งนี้ก็แสดงให้เห็นว่าตลาดจะเริ่มกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น (พันธบัตรสหรัฐอเมริกาชนิด 2 ปีก็รับมุมมองนี้ไปแล้ว จึงมีแรงซื้อเข้ามากดผลตอบแทนลงจาก 5.2% ลงมาที่ 4.9%) มากไปกว่านั้น ตลาดยังเริ่มมีมุมมองที่ว่า FED อาจจะลดดอกเบี้ยในเดือน มิถุนายน 2024 จากตอนแรกมองว่าจะเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือน กรกฎาคม 2024 ซึ่งถือว่าเป็นมุมมองเชิงบวกอย่างมากต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั้งหมด
สภาวะตลาด DeFi โดยรวม
ภาพรวมตลาดคริปโตฯในเดือนตุลาคมราคาปรับตัวลงสวนกระแส Uptober โดยปัจจัยหลักที่กดดันตลาดคริปโตฯและสินทรัพย์เสี่ยงส่วนหนึ่งมาจากเศรษฐกิจมหภาคที่ยังถูกกดดันด้วย สงคราม เงินเฟ้อ ความกังวล Recession และอัตราดอกเบี้ยระดับสูงที่น่าจะคงไปสักระยะ
สำหรับตลาด DeFi ภาพรวม DeFi TVL ถือว่าทรงตัวโดยลดลงเเพียง 1% เทียบกับเดือนที่ผ่านมา โดย BNB Chain ปรับลดลงเยอะที่สุดที่ 6.13% โดยคาดว่าส่วนหนึ่งมาจากการที่ Binance กำลังเผชิญการตรวจสอบจากหน่วยงานหลายแห่ง รวมไปถึงการฟ้องร้องจากก.ล.ต.สหรัฐฯในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ภาพรวมจะซบเซา การเคลื่อนไหวของ DeFi นั้นถือว่ามีหลายอย่างน่าจับตามอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Layer 2 น้องใหม่อย่าง Linea ที่มี TVL เพิ่มขึ้นถึง 38% ในช่วง 30 วันย้อนหลัง นอกจากนี้ Arbitrum ก็ได้รับความนิยมกลับมาเนื่องจากการประกาศ Incentive Program เพื่อกระตุ้นการใช้งาน Ecosystem
ส่วนเทรนด์ DeFi อื่นๆที่มีแนวโน้มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นตามความเห็นของนักวิเคราะห์คือ Perpetual DEX ที่มีแนวโน้มการใช้งานดีต่อเนื่อง และมีโอกาสเติบโตอีกจากการพัฒนาต่างๆ ที่จะทำให้ User Experience ดีขึ้น เช่น การ Integrate กับ Account Abstraction ตัวอย่างของโปรเจกต์กลุ่มนี้ เช่น GMX, HMX, Rage Trade, Aevo เป็นต้น
OP Mainnet ประกาศเปิดตัวระบบ Fault proof บน OP Goerli Testnet
ความปลอดภัยก็เป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดที่ใช้พิจารณาว่าเราจะไปใช้ Chain นั้นๆหรือไม่ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2023 ที่ผ่านมา OP Mainnet ได้ประกาศเปิดตัว Fault Proof System บน OP Goerli Testnet ซึ่งเป็นระบบที่เอาไว้ใช้สำหรับตรวจสอบความถูกต้องของ Layer 2 ประเภท Optimistic Rollups และในอนาคตหากตัว Fault Proof นั้นได้เปิดตัวบน Mainnet แล้ว Chain ที่เป็น Op Chain หรือ Op Stack ก็ได้รับผลประโยชน์จากการอัปเกรดนี้เช่นกัน โดยเครือข่ายต่างๆก็จะสามารถนำระบบนี้ไปใช้ได้เลย ไม่ว่าจะเป็น Base, Debank, Aevo, Lyra, Zora Network และอื่นๆ
ซึ่งในแง่ Fundamental เหมือนเป็นการช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ Chain มีความปลอดภัยสูงมากยิ่งขึ้น และเป็นก้าวแรกที่จะนำพา OP Mainnet ให้มีความ Decentralized สูงมากยิ่งขึ้น
และด้วยการวางระบบ Proof System ของ OP Mainnet เป็นแบบ Modular ทำให้นักพัฒนาสามารถทำการ Custom Build ตัว Proof เองได้ ตัวอย่างเช่น Protolamda (คนที่ทำ EIP-4844) ได้ออกแบบ Fault Proof โดยใช้ภาษา Go โดยมีการผสมผสานตัว zk Proof เข้ามาด้วย รวมไปถึงทางทีม Base, OP Labs และ Paradigm ยังได้ทดลองสร้าง Fault Proof โดยใช้ภาษา Rust อีกด้วย หรือในอนาคตเครือข่ายก็ยังสามารถปรับเปลี่ยนจาก Optimistic Rollups เป็น zk-Rollups ได้ เนื่องจากได้มีการวางระบบให้สามารถรองรับ zk Proof ได้อยู่แล้วนั่นเอง
ARB ประกาศ Incentive Program กระตุ้นการใช้งาน Ecosystem
นับว่าเป็นข่าวดีอย่างมากสำหรับ Arbitrum หลังจากได้มี Proposal สำหรับ Arbitrum Short-Term Incentive Program (STIP) ซึ่งเป็นการแจกเหรียญ $ARB แก่โปรเจคหรือ DApps ต่างๆที่อยู่บน Arbitrum เพื่อนำไปทำ Marketing หรือให้ Rewards กับคนที่มาใช้งาน ซึ่งการแจก Incentive ครั้งนี้ คาดว่าจะช่วยดึงดูดให้คนมาใช้งาน DApps บน Arbitrum เพิ่มมากขึ้น และยังทำให้ On-chain Activity และ Volume เพิ่มขึ้นได้เป็นอย่างดี
โดยจำนวน $ARB ที่แต่ละ DApps ยื่น Proposal มานั้นคิดเป็นจำนวนกว่า 100,212,844 $ARB โดยแต่ละโปรเจกต์ก็จะขอมากน้อยต่างกันไป ซึ่งการจะได้รับ Allocation ที่ขอนั้นก็จะต้องผ่านขั้นตอนการโหวตจาก DAO ก่อน โดยการที่จะผ่านได้นั้นต้องมีจำนวนคะแนนโหวตผ่าน (“For”) มากกว่า 50% หรือ 71.51 ล้าน $ARB จึงจะได้รับ Allocation ไปนั่นเอง ซึ่งในตอนที่เขียนอยู่นี้ Top 10 โปรเจกต์ที่ขอเหรียญมากที่สุดนั้นคิดเป็นกว่า 45% ของจำนวนเหรียญที่ขอทั้งหมด และโดยส่วนมากเป็นโปรเจกต์ที่มีชื่อและสร้าง Value อย่างแท้จริงบน Arbitrum ได้แก่ GMX, Camelot, และ Radiant
ข้อสังเกตที่น่าสนใจก็คือถึงแม้จะเป็นโปรเจกต์ที่มีชื่อเสียงแต่ไม่ได้รับการสนับสนุนโดย Community ก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ได้รับ $ARB ไป อย่างเช่น LIDO ที่ปัจจุบันมีคนโหวตเห็นชอบอยู่เพียง 47% เท่านั้น รวมไปถึง Wormhole ที่มีคนเห็นชอบอยู่เพียง 22% ซึ่งก็ต้องตามดูกันว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นอย่างไรวันที่ 13 ตุลาคมนี้
และสำหรับโปรเจกต์ที่ได้รับ $ARB เหล่านี้ไป ก็ต้องติดตามกันว่าจะมีแนวทาง Marketing หรือทำ Incentive กันอย่างไรเพื่อจะกระตุ้นยอดการใช้งาน Platform ของตัวเองให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งสำหรับคนที่สนใจลุ้น Reward $ARB ก็สามารถติดตามโปรเจกต์ต่างๆที่ได้รับ Grant เหล่านี้ได้เลย
โปรเจกต์คริปโตที่ได้รับผลกระทบจาก สงครามอิสราเอล – ฮามาส
วันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมากลุ่มฮามาสในดินแดนปาเลสไตน์ ได้เปิดฉากโจมตีอิสราเอล ซึ่งนับเป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ โดยมีการยิงขีปนาวุธ จากกาซา ประมาณ 5,000 ลูก ถล่มเข้าไปในประเทศอิสราเอล จนทางด้านนายกรัฐมนตรีอิสราเอลได้ประกาศภาวะสงคราม
สงครามในครั้งนี้น่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดคริปโตในภาพรวม ทำให้นักลทุนหลายคนมีความกังวลที่จะลงทุนในช่วงนี้ และกังวลว่าสงครามในครั้งนี้จะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นจนอาจส่งผลกระทบต่อตลาดทุนทั่วโลกได้ ทำให้ราคาของ Bitcoin มีการปรับตัวลงมาเล็กน้อย
มีโปรจกต์คริปโตเคอเรนซี่หลายเจ้าที่มีบริษัทตั้งอยู่ในประเทศอิสราเอล จากข้อมูลที่ทราบในตอนนี้มีโปรเจกต์ที่มีชื่อว่า Orbs, Bancor, SSV, Open Campus, Secret Network, StarkNet และ Bravos
นักลงทุนหลายคนเป็นห่วงว่าทางทีมงาน และโปรเจกต์จะยังปลอดภัยดีไหม และยังสามารถดำเนินงานได้ต่อหรือไม่ ซึ่งถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับทางทีมงานหรือบริษัท ก็จะส่งผลต่อราคาและความเชื่อมั่นของโปรเจกต์นั้นอย่างมาก
ในช่วงต้นเดือน ตุลาคม โปรเจกต์ Starknet ได้เลื่อนการปล่อยเหรียญไปเป็นวันที่ 15 เมษายน ปี 2024 จากเดิมที่จะปล่อยในเดือน พฤศจิกายน นี้ โดยสาเหตุอาจจะมาจากสงครามในครั้งนี้
เปรียบเทียบผลตอบแทนระหว่างพันธบัตรระยะสั้นและการฟาร์ม Stablecoin
ผลตอบแทนที่ได้จากพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นสหรัฐ (Treasury Bills) แบบระยะสั้น 3 เดือน ที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่มีสภาพคล่องและผลตอบแทนสูง ให้ผลตอบแทนสูงขึ้นต่อเนื่องจากความกังวล Recession โดยปัจจุบันผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 5.36% ส่วนผลตอบแทนจากการฟาร์มหรือปล่อยกู้ Stablecoin บนแพลตฟอร์มต่างๆในช่วงนี้ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยในอัตราที่ไม่ห่างกันเท่าไหร่นักที่ 6.05% อย่างไรก็ตามสำหรับการฟาร์ม Stablecoin สามารถเลือกฝากกับแพลตฟอร์มที่มีผลตอบแทนสูงกว่าค่าเฉลี่ยได้ อย่างเช่นในช่วงนี้ PancakeSwap และ Velodrome ที่ช่วงนี้ให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูงกว่าค่าเฉลี่ย โดยสำหรับ Pool บน PancakeSwap ยังประกอบด้วยเหรียญ BUSD อยู่พอสมควร ซึ่งเหรียญ BUSD กำลังจะถูกยกเลิกการใช้งานในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 นักลงทุนควรเตรียมความพร้อมแลกคืนก่อนช่วงเวลาดังกล่าว
โดยผลตอบแทนฟาร์มและปล่อยกู้ Stablecoin ลดลงจากเดือนก่อนๆพอสมควร เป็นเพราะว่าสภาวะตลาด คริปโตฯ และ DeFi ลดความร้อนแรงลงจากการถูกกดดันจากสภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่ยังไม่นิ่ง รวมถึงขาดปัจจัยภายในขับเคลื่อน ทำให้ธุรกรรมซื้อขายแลกเปลี่ยนและราคาเหรียญที่แจกเป็น Incentive ลดลง
เปรียบเทียบผลตอบแทน DeFi Farming บนบล็อกเชนต่างๆ
สภาวะตลาด NFT
- สภาวะตลาด NFT ปัจจุบัน หลังจากที่ Volume การซื้อขายลดลงต่อเนื่องมาหลายเดือน เดือนที่ผ่านมา Volume ตลาด NFT ยังคงปรับลงต่ออีก Trend ในด้านของ Volume และจำนวนธุรกรรมสามารถเห็นภาพได้อย่างชัดเจนดังนี้
- ในฝั่ง Ethereum และ Polygon มี Volume ลดลงไปถึง 40% และมีจำนวนธุรกรรมลดลงไปถึง 60%
- ในฝั่ง Solana มี Volume ลดลงไปเพียงราว 10% แต่ในทางกลับกัน จำนวนธุรกรรมเพิ่มขึ้นราว 20%
- ถึงแม้ว่า Collection โดยส่วนใหญ่จะมี Volume การซื้อขายที่ลดลง แต่ Collection ใหญ่ๆ เช่น Bored Ape Yacht Club, Mutant Ape Yacht Club, Cryptopunks เริ่มที่มี Floor Price ผันผวนน้อยลง อาจจะคิดได้ว่า ในช่วงนี้เริ่มมีการเทขายที่น้อยลงแล้ว อาจจะเป็นสัญญาณ Bottom ของ Collection เหล่านี้ (?)
Top 5 Volume Projects (Collectible NFT)
Yuga Labs ปรับโครงสร้างใหม่ และโฟกัสไปที่การพัฒนา Otherside มากขึ้น
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา Yuga Labs บริษัทซึ่งมี NFT หลากหลาย Collection ในเครือ ได้แก่ BAYC, MAYC, Cryptopunks, Meebits ได้มีการประกาศถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างในองค์กรครั้งใหญ่
การปรับเปลี่ยนโครงสร้างนี้มีใจความสำคัญคือ
- การ Layoff พนักงานครั้งใหญ่ (Yuga Labs ไม่ได้มีการเปิดเผยจำนวน)
- การปรับเปลี่ยนโฟกัสไปที่การพัฒนา Otherside แทน (Otherside คือ Metaverse ที่ถูกพัฒนาโดย Yuga Labs และสามารถใช้ Avatars ที่อยู่ในเครือ Yuga Labs ได้) ในเรื่องนี้ Yuga Labs ใช้คำว่า “We go all-in on our Otherside strategy.” ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนโฟกัสในครั้งนี้
- Yuga Labs ยังคงไม่ทิ้ง Community ของ NFT และจะยังคงสร้างและส่งเสริม Event ต่างๆให้กับ Community
- Yuga Labs จะให้ Meebits และ 10KTF เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Otherside
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้แม้ว่าอาจจะสร้างความตื่นตระหนกด้วยการ Layoff ครั้งใหญ่ แต่การพัฒนาไปที่การใช้งาน Metaverse อย่างจริงจังโดยใช้ IP ของ Collection ต่างๆในเครือ Yuga Labs เอง อาจจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเครือนี้ได้อีกมาก (และอาจจะสร้าง Value ให้กับ NFT ต่างๆในเครือมากขึ้นอีกด้วย)
โดยทีมงาน Otherside กำลังสร้าง Gaming Experience ใหม่ๆ ให้กับ Otherside ซึ่งได้ร่วมมือกับบริษัท Third Party ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เพื่อเข้ามาช่วยกันพัฒนาด้วย โดยบริษัทต่างๆ ดังกล่าวนั้นก็คือ
- Hadean : บริษัทที่เชี่ยวชาญ Spatial Technology
- AccelByte : บริษัทที่เชี่ยวชาญในด้านการจัดการข้อมูล Backend เกี่ยวกับเกม
- Bad Rhino Studios : ทีมที่เชี่ยวชาญสร้างเกมด้วย Unreal Engine ซึ่งเป็นทีมที่มีทั้ง Developers, Designers, Artists, และ Engineers
- Faraway : Web3 Development Kit for Creators and Game Studios
ซึ่งการพัฒนาดังกล่าว ทาง Otherside คาดว่าจะใช้เวลาถึงช่วงเวลาหนึ่งของปี 2024 และคาดว่าจะได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปีเดียวกัน
Authors
-
-
-
-
-
Research is not Forecast. Details are important. All Works are Not Financial Advices.
View all posts -
-