*ข้อมูลระหว่างวันที่ 17 พฤษภาคม 2024 – 12 มิถุนายน 2024
สรุปข่าวเด่น
Bitcoin ETF Flow
Bitcoin ETF ในเดือน มิถุนายน ปี 2024
มีการขยับตัวทั้งการซื้อและขายมากพอสมควร จากตารางด้านขวามือจะแสดงให้เห็นถึงในช่วงต้นเดือนที่มีการซื้อของ Bitcoin ETF เข้ามา โดยหลังจากที่มีตัวเลขของเศรษฐกิจของฝั่ง US ออกมาในตัวของ Non-Farm Employment, CPI, FOMC Meet นั้นทำให้ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความผันผวนอยู่แล้ว ได้ผันผวนขึ้นไปอีก ซึ่งส่งผลให้ทาง Bitcoin ETF นั้นได้มีการถูกเทขายในวันที่ 10 และ 11 รวมกันถึงเกือบๆ 300 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ
โดยถ้าดูจากกราฟที่แสดงให้เห็นถึงจำนวณสะสมของเงินที่มีการไหลเข้ากองทุน Bitcoin ETF ทั้งหมด และจากกราฟนั้นจะเห็นได้ว่าในช่วงเดือนมิถุนายนเป็นมา ได้มีเงินไหลเข้ามาต่อเนื่อง และจำนวนเงินที่ไหลเข้าในกองทุน Bitcoin ETF สูงที่สุดในประวัติการณ์
ค่าเงินบาท: DXY SIDEWAY
ค่าเงินบาทมีแนวโน้มวิ่งในกรอบ: ค่าเงินบาทยังคงเคลื่อนที่ในกรอบ 37.5 – 36 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ โดย ณ ปัจจุบัน อัตราการแลกเปลี่ยนอยู่ที่ประมาณ 36.6 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ แต่คาดการณ์ว่าในอนาคตไทยบาทมีโอกาสที่อ่อนค่ามากขึ้นโดยมี 2 ปัจจัยคอยจับตามองดังนี้
1. DXY ดัชนีดอลล่าร์ที่เริ่มแข็งค่ามากขึ้น: จากข้อมูลการเคลื่อนไหวของ DXY รูปทางขวามือจะเห็นได้ว่าการขยับตัวของดอลล่าร์นั้น เริ่มมีการเคลื่อนที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยและมีการปรับฐานบริเวณ 105 เนื่องด้วยภาพรวมเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่เริ่มดีขึ้นบวกกับปัจจัยเงินเฟ้อที่เริ่มลดลงเรื่อยๆจึงทำให้มุมมองของค่าเงินดอลล่าร์นั้นเริ่มแข็งแรงมากยิ่งขึ้น2. ค่าเงินบาท: ค่าเงินบาทเริ่มจะมีการพักตัวเนื่องจากแนวโน้มที่มีการอ่อนค่าของมูลค่าทางการเงินอย่างต่อเนื่องและเริ่มพักตัวในกรอบ 37.5 – 36 บาท รวมถึงมีปริมาณเงินไหลออกมากขึ้นอีกทั้งภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังไม่แน่นอนอาจจะทำให้ค่าเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่ามากขึ้นในอนาคต
Macroeconomics: FED Dot Plot
หลังจากที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐล่าสุดแสดงให้เห็นถึงเงินเฟ้อที่เริ่มชะลอตัวลง แต่หนึ่งในข้อมูลสำคัญที่นักลงทุนส่วนใหญ่คอยติดตามนอกจากตัวเลยทางเศรษฐกิจ คือ “กราฟจุด” (Dot Plot) กราฟนี้แสดงให้ผู้บริโภคเห็นว่าเจ้าหน้าที่ Fed แต่ละคนมองเห็นทิศทางของอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงในอนาคตจนถึงปี 2026 อย่างไร
Fed Dot Plot ในเดือนมิถุนายน ที่เพิ่งออกมาหลังการประชุม ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากในเดือนที่ผ่านมาออกมา 3 ส่วน แสดงให้เห็นถึงมุมมองที่เปลี่ยนไปของคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ ต่อการตัดสินใจของนโยบายอัตรดอกเบี้ยในอีก 3 ปีข้างหน้า
แต่ในส่วนของปี 2024 FED ได้มีเสียงที่ค่อนข้างที่จะเทไปลดดอกเพียงครั้งเดียวถึง 7 เสียง และเสียงที่ลดดอก 2 ครั้ง 8 เสียง
ซึ่งการที่ FED ลดดอกมีความสำคัญต่อสภาพตลาดของสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างมาก เพราะส่งผลต่อการที่ผู้คนจะตัดสินใจนำเงินของตนเองออกมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโตฯ ดังนั้้นนักลงทุนควรคอยจับตาการตัดสินใจของ FED ในการลดดอกเบี้ย เพราะจะส่งผลต่อความผันผวนของตลาดคริปโตฯ อย่างมีนัยสำคัญ
สภาวะตลาด DeFi โดยรวม
ภาพรวมตลาดคริปโตฯในเดือนมิถุนายนตลาดค่อนข้างผันผวนจากสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่นิ่ง และความไม่แน่นอนที่ Fed จะลดดอกเบี้ยในปี 2024 นี้ ดังนั้นตลาดโดยรวมน่าจะยังผันผวนและ Sideway ไปอีกสักระยะ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ตลาดจะซึม ก็ยังมี DeFi Narrative ให้ติดตามอยู่เสมอ
ตลาด DeFi ภาพรวม TVL ในช่วงเดือนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบหนึ่งปี โดยเพิ่มที่ราว 15% เทียบกับเดือนที่แล้ว นำโดยเชน Arbitrum และ Ethereum ที่เพิ่มขึ้นสูงสุดในเชน Top 5 โดยแพลตฟอร์มที่มี TVL เพิ่มขึ้นสูงอย่างน่าสนใจคือกลุ่ม Liquid Restaking อย่างเช่น Ether.Fi, Pendle, Swell แสดงให้เห็นถึงความนิยมที่ยังคงอยู่ของกลุ่มดังกล่าวโดยเชนนอก Top 5 ที่มีการเติบโตน่าสนใจคือ Ton Chain, Merlin โดยจากการรายงานของ Delphi Digital นั้น Ton Chain เป็นเชนที่เปิดให้ใช้งานบล็อคเชนผ่าน Telegram ได้มีจำนวน Daily Active Address แซงหน้า Ethereum แล้ว
ส่วน Merlin Chain ที่เป็นหนึ่งใน Top Bitcoin Layer 2 ถึงแม้กระแสจะเริ่มซา แต่ก็ยังมีการเติบโตของ TVL สูงถึง 165% ในเดือนที่ผ่านมา
สำหรับเชน Ethereum Layer 2 ที่เติบโตสูงในเดือนที่ผ่านมาคือ Linea และ Scroll โดยมี TVL เพิ่มราว 160% และ 74% ตามลำดับ โดยคาดว่าเป็นเพราะยังอยู่ในช่วงสะสมแต้มเพื่อลุ้น Airdrop ในอนาคต ในทางตรงข้าม ZkSync ที่ Snapshot และประกาศเช็ค Airdrop ไปแล้วมี TVL ลดลงกว่า 8%
ในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม นักวิเคราะห์จับตาเชนอย่าง Blast เพราะทางโปรเจกต์ประกาศว่าน่าจะประกาศแจก Airdrop ในช่วงเวลาดังกล่าว
สรุปสถานการณ์การอนุมัติ Ethereum Spot ETF
หลังจากการมาของ Spot Bitcoin ETF ก็ได้เกิดความคาดหวังในการมาของ Spot Ethereum ETF ท่ามกลางการคาดหวังนั้นได้เกิด Spot Ethereum ETF ตัวแรกของโลกและตัวแรกของฝั่งเอเชียในประเทศฮ่องกง แต่ผลตอบรับไม่ได้ดีเท่าที่คาดหวังไว้ ทำให้ไม่ได้มีการขยับของระดับราคาเหรียญ ETH
ต่อมาในวันที่ 20 พฤษภาคมที่เป็นกำหนดการของ SEC ฝั่งสหรัฐในการพิจารณา อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นนักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ได้คาดหวัง Ethereum Spot ETF ว่าจะผ่านการอนุมัติในวันนั้น ซึ่งในวันนั้นเองก็ได้เกิดเรื่องที่น่าตกใจเกิดขี้น โดยทาง Bloomberg ได้ออกมาบอกว่ามีโอกาสสูงมากๆ ที่ Spot Ethereum ETF จะผ่านในวันดังกล่าว ซึ่ง SEC ของฝั่งสหรัฐได้อนุมัติผ่าน Spot Ethereum ETF ในวันนั้นตามที่ Bloomberg ได้ออกมากล่าว แต่ยังไม่เปิดให้ซื้อขายได้เพราะยังต้องการเอกสารเพิ่มเติมอีก ผลที่เกิดขึ้นคือราคาของ Ethereum พุ่งขึ้นราว 21 % ภายในวันเดียวตามภาพ
การอนุมัติที่ผ่านมาเป็นการอณุมัติ 19b-4s ที่อณุญาติให้ List ETF ได้แต่ยังต้องการเอกสาร S-1 เพิ่มเติมเพื่อที่จะเปิดให้ซื้อขาย Spot Ethereum ETF ได้ ซึ่งเป็นหมุดหมายที่ดีว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น Spot Ethereum ETF ก็จะผ่านแน่นอนขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
ซึ่งทางนักวิเคราะห์จากฝั่ง Bitfinex ได้ออกมาวิเคราะห์ว่า หาก Spot Ethereum ETF เปิดให้ซื้อขายได้เมื่อไหร่ จะดึงเม็ดเงินมาได้ราวๆ 10-20% ของเม็ดเงินที่ไหลเข้าไปใน Spot Bitcoin ETF โดยมองว่าการที่เพิ่งมีเงินไหลเข้ามามีปริมาณเพียงเท่านี้ เพราะยังไม่เห็นสัญญาณที่ดีเกี่ยวกับการเปิดให้ Spot Ethereum ETF สามารถฝาก (Stake) กับทาง Ethereum Foundation ได้ ซึ่งหากมีสัญญาณที่ดีเกิดขึ้น Spot Ethereum ETF จะมีเงินไหลเข้ามากกว่านี้
คริปโตเป็นตัวแปรสำคัญในการแย่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ดูเหมือนว่าคริปโตจะกลายเป็น Topic สำคัญสำหรับการเลือกตั้งสหรัฐฯ รอบนี้ โดยเมื่อสิ้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา การปราศรัยหาเสียงของ Trump ได้มีการพูดถึงเรื่องคริปโตในเชิงลึกที่แสดงให้เห็นว่าเขาทำการบ้านมาและเข้าใจรายละเอียดที่สำคัญเป็นอย่างดี โดย Trump ได้พูดถึง
- การสนับสนุนเรื่องคริปโตและ Bitcoin รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องต่างๆให้สามารถเกิดขึ้นใน US ได้อย่างสะดวก
- การสนับสนุนสิทธิในการ Self Custody หรือการเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลได้ด้วยตัวเอง สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในรายละเอียดเป็นอย่างดีว่าการเก็บแบบ Self Custody กับการเก็บใน Exchange หรือตัวกลางต่างๆ มีความแตกต่างกันอย่างไร และเข้าใจว่าทำไม Self Custody ถึงเป็นสาระสำคัญที่สามารถนำมาใช้หาเสียงได้
- จะกีดกัน Elizabeth Warren ไม่ให้มายุ่งกับคริปโตหรือ Bitcoin ของชาวสหรัฐฯ (Elizabeth Warren เป็นวุฒิสมาชิกของสหรัฐที่มีแนวคิดต่อต้านคริปโต)
- การขัดขวางเรื่อง Central Bank Digital Currency (CBDC) ที่จะมาทำลายความเป็นส่วนตัวในการใช้เงินของคนสหรัฐฯ
นอกจากนี้ Trump ก็มีการเปิดรับบริจาคเป็นคริปโตและประกาศว่าตัวเองเป็น Crypto President อีกทั้งยังมีการนัดเจอกับผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับ Bitcoin Mining ที่อยู่ใน S&P500 ด้วย เช่น CleanSpark Inc. และ Riot Platforms โดยมีการพูดคุยว่าจะสนับสนุนธุรกิจ Bitcoin Mining ในสหรัฐฯ มากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะเอาใจชาวคริปโตเพื่อเอาชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้
แล้วทำไมคริปโตถึงกลายมาเป็น Topic สำคัญในการหาเสียงได้ ?
คำตอบก็คือมีพลเมืองสหรัฐฯ จำนวน 50 ล้านคนที่ถือคริปโตนั่นเอง ซึ่งถ้าไปดูจำนวนประชากรของสหรัฐฯ ทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 340 ล้านคน ทำให้คนถือคริปโตคิดเป็นเกือบ 15% เลยทีเดียว โดยคะแนนเสียงที่มากขนาดนี้สามารถชี้ชะตาผลการเลือกตั้งได้ ด้วยเหตุนี้คริปโตและ Bitcoin เองก็เหมือนจะได้ประโยชน์จากเรื่องการเมืองสหรัฐฯ พอสมควรเพราะเมื่อมี Candidate นำเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อแย่งชิงคะแนนเสียงกว่า 15% ก็เชื่อว่าในอนาคตอีกฝั่งก็อาจจะมีนโยบายสนับสนุนเพื่อมาแข่งกันแย่งชิงคะแนนเสียงกันในอนาคต
เปรียบเทียบผลตอบแทนระหว่างพันธบัตรระยะสั้นและการฟาร์ม Stablecoin
ผลตอบแทนที่ได้จากพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นสหรัฐ (Treasury Bills) แบบระยะสั้น 3 เดือน ที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่มีสภาพคล่องและผลตอบแทนสูง ที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนสูงขึ้นต่อเนื่องจากความกังวล Recession โดยปัจจุบันผลตอบแทนทรงๆตัว ตอนนี้อยู่เฉลี่ยปีละ 5.26% ส่วนผลตอบแทนจากการฟาร์มหรือปล่อยกู้ Stablecoin บนแพลตฟอร์มต่างๆในให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นค่อนข้างเยอะจากเดือนที่แล้วที่ 8.7% มาอยู่ที่ 15%
โดยผลตอบแทนฟาร์มและปล่อยกู้ Stablecoin ในเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเนื่องมาจาก DeFi TVL ที่เพิ่มทำจุดสูงสุดในรอบ 15 เดือน และแรงเก็งกำไรที่ทำให้กิจกรรมการซื้อขายแลกเปลี่ยนเหรียญเพิ่มขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง
เปรียบเทียบผลตอบแทน DeFi Farming บนบล็อกเชนต่างๆ
สภาวะตลาด NFT
- เดือนที่ผ่านมาเป็นอีกเดือนที่ค่อนข้างเงียบของตลาด NFT:
- Volume ยังคงเบาบางลงต่อเนื่องอีกเดือนในทุกเชน
- ราคา Floor Price ของทุก Collection ยังคงได้รับผลกระทบทั้งหมดไม่ว่าจะ Collection เล็กหรือใหญ่
- สิ่งที่สังเกตุเห็นได้คือ Volume ของ Bitcoin กับ Ethereum เยอะกว่า Solana และ Polygon แต่ในทางกลับกัน Solana, Polygon มี Unique Buyer, Seller มากกว่า
- หมายความว่า แม้ BTC, ETH จะคนซื้อขายน้อย แต่ซื้อใน Volume และราคาที่สูงกว่า
- ใน Solana, Polygon คนซื้อขายเยอะ แต่มักจะซื้อใน Volume และราคาที่ถูก
- สิ่งนี้เริ่มเป็นการแบ่งแยกการใช้งานของแต่ละเชนอย่างชัดเจน
- สาเหตุที่ NFT ในช่วงนี้เริ่มได้รับความนิยมที่ลดลง อาจเป็นเพราะสภาวะของตลาดหลักที่ยังไม่แน่นอน และ Volume ที่ย้ายไปให้ความสนใจกับ Memecoin ที่สภาพคล่องมากกว่าในช่วงนี้แทน แต่เมื่อ NFT Floor Price ต่ำลงเรื่อยๆ Collection ที่มีความเป็น OG ยังคงมีความน่าสนใจ
สภาวะตลาด NFT
Top 5 Volume Projects (Collectible NFT)
ANIMOCA BRANDS บุกตลาด NFT และ NFT GAMING ประเทศญี่ปุ่น
ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องของตลาดของเกม, Manga, Animation และอื่นๆ ซึ่งเป็นแหล่งของการออกแบบ IP ตัวละครต่างๆที่ดังไปถึงระดับโลก
Animoca Brands ที่ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนในการเข้าไปร่วมลงทุนและเสริมสร้างหลายๆอย่างกับประเทศญี่ปุ่น โดยล่าสุดมีการเริ่มสร้าง NFT Platform ที่จะเป็นสะพานเชื่อมต่อตลาดประเทศญี่ปุ่นสู่ตลาด Global และมีการร่วมมือกับบริษัทเกม Square Enix ในการโปรโมทเกม NFT-Based อย่าง Symbiosis
ทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นก้าวสำคัญ และน่าสนใจจากการเข้าไปเจาะตลาด Niche สู่โลก Global
Authors
-
-
-
-
Research is not Forecast. Details are important. All Works are Not Financial Advices.
View all posts -