$BTC ยืนยันขาขึ้นแล้ว หลังจาก $BTC ได้มีการเคลื่อนที่อยู่ในแนวโน้มขาลงมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ปี 2021 ในวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา
ราคาได้มีการปรับตัวขึ้นผ่านจุดสูงสุดเดิม(เส้นประสีแดง) เพื่อยืนยันการเคลื่อนที่ในแนวโน้มขาขึ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และหากราคาคงการเคลื่อนที่ในแนวโน้มขาขึ้นจะมีแนวต้านถัดไปที่ราคา $25,000 ซึ่งเป็นแนวที่มีความสำคัญเนื่องจากเป็นเป้าหมายราคาจาก Fibo extension และยังเป็น Supply zone ที่แข็งแกร่งอีกด้วย
นอกจากนั้นหากนำหลักการ Elliot’s wave มาใช้จะสามารถมองว่า $BTC อยู่ในสถานะ Wave 3 ของการเคลื่อนที่แบบ Impulse wave (เส้นสีเหลือง) ซึ่งทำให้นักลงทุนอาจต้องระมัดระวังการย่อตัวเพื่อทำ Wave 4 หากสถานะคลื่นนี้เป็นจริงได้
สำหรับการเคลื่อนที่ของราคาใน Timeframe 4 H นั้น ยังคงเคลื่อนที่อยู่ในแนวโน้มขาขึ้นที่รุนแรง และมีการพักตัวเล็กในดีกรีเล็กๆบ้างระหว่างทาง อย่างไรก็ตามมองว่าในช่วงอาทิตย์นี้กรอบของราคาที่นักลงทุนต้องจับตามองคือที่กรอบเส้นสีส้มที่ราคา $22,500-$23,800 ซึ่งหากมีการเคลื่อนที่ผ่านกรอบบนไปได้จะมีโอกาสเห็นราคาเคลื่อนที่ไปแตะที่ $25,000 ได้ แต่หากมีการปรับตัวลงผ่านกรอบล่างเราอาจเห็นการพักตัวในระยะสั้นของ $BTC และสามารถคาดหวังการลงมาพักตัวที่โซนราคา $21,900 และ $20,800 ตามลำดับ เพื่อเป็นการสะสมพลังและเคลื่อนที่ขึ้นต่อไปที่แนวต้านของ Time Frame ใหญ่ต่อไป
อีกหนึ่งเหรียญที่ร้อนแรงที่สุดในเดือนมกราคมที่ผ่านมา และได้ปรับตัวขึ้นกว่า 200% อย่างไรก็ตามการที่เหรียญมีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้นักลงทุนบางส่วนทยอยทำกำไรและเกิดความลังเลที่จะเข้าซื้อ ราคาจึงเกิดการชะลอตัว จากการเคลื่อนตัวของราคาในภาพใหญ่ สามารถบอกได้ว่ายังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น โดยปัจจุบันราคาได้ทำ All time high เป็นที่เรียบร้อย และปัจจุบันได้มีการพักตัวลงเล็กน้อยที่โซนจุดสูงสุดเก่า (กรอบสีส้ม)
หากราคายังเคลื่อนที่ในแนวโน้มขาขึ้นต่อ แนวรับถัดไปที่นักลงทุนสามารถคาดหวังได้จะอยู่ในโซนราคากรอบสีเขียวคือช่วง $2.5-$3.5
ส่วนราคาใน Time frame 4 H นั้นมีการเคลื่อนที่อยู่ในแนวโน้มขาขึ้นเช่นเดียวกัน และยังไม่มีสัญญาณของการเปลี่ยนเทรนด์ที่ชัดเจน อย่างไรก็ตามกรอบราคาที่นักลงทุนควรจับตามองคือ ระหว่างเส้นสีแดงทั้งสอง โดยหากราคาสามารถปรับตัวขึ้นทะลุกรอบที่ราคา $2.55 นักลงทุนสามารถคาดหวังการเห็นราคาขึ้นไปแตะแนวต้านที่ราคา $3, $3.3 และ $3.5 ตามลำดับ แต่หากราคาปรับตัวหลุดลงจากกรอบราคาที่ $1.58 ราคาจะกลายเป็นแนวโน้มขาลงของ Time Frame ระยะสั้นได้ กรณีสุดท้ายคือราคาอาจยังเคลื่อนที่อยู่ในกรอบ Side way นี้จนกว่าจะมีปัจจัยภายนอกมากระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนของราคาอย่างชัดเจน โดยเฉพาะปัจจัยจาก Macroeconomics
“With the Baht getting stronger, that changes views on the market; we believe that foreign interest is coming back,”
จำนวนเงินการ IPO ของประเทศไทย และ การเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวจีน ให้เข้ามาเที่ยวในประเทศไทย เป็น Main Narrative ที่ส่งผลทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาดูแข็งแรงมากขึ้นหลังจากสถานการณ์ Covid-19 ดังนั้นปัจจัยดังกล่าวส่งผลเงินบาทจะกลับมาแข็งค่ามากขึ้น ทำให้เป็นจังหวะที่ดีในการเข้าสะสม Stablecoin เช่น USDC, USDT หรือเข้าลงทุนสินทรัพย์ที่มีการ Hedge กับเงิน USD เพราะได้เปรียบในเชิงด้านอัตราการแลกเปลี่ยนค่าเงิน (เงินบาทแข็ง)
Expectations of a FED pivot puts a bet on USD falling, Emerging market currencies “should generally gain” alongside weaker USD.
สถานการณ์ของ US Dollar ณ ปัจจุบันถือว่าเริ่มมีการผ่อนคลายมากขึ้น ขยับปรับตัวลงจาก 110 ลงมาสู่เส้นแนวรับเชิงจิตวิทยาที่ 100 ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ความแข็งค่าลดอ่อนลงเพราะว่าสถานการณ์เงินเฟ้อที่ผ่อนคลายลง และสถานการณ์ดอกเบี้ยที่เริ่มมีท่าทีให้เห็นว่าทาง FED อาจจะทำการขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ 0.25% ในงาน FOMC ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ และอาจจะทำการคงอัตราดอกเบี้ยในหลายเดือนที่เหลือในปีนี้ ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มขยับเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้นในฝั่งหุ้น Emerging market / Small cap stocks / Cryptocurrency
เข้าสู่ช่วงท้ายของเดือนมกราคมตลาดคริปโทฯยังคงเป็นบวกต่อเนื่องรับข่าวดีจาก CPI ที่ลดลง ร่วมกับ GDP สหรัฐฯที่เพิ่งประกาศออกมาเพิ่มขึ้นสูงกว่าคาด ทำให้ระยะสั้นภาพรวมของ Macro ดูดี ส่งผลบวกต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโทฯ และตลาด DeFi ก็ได้รับผลประโยชน์ตามไปด้วย โดยภาพรวมของ TVL ของ DeFi บวกขึ้นมากถึง 12% เทียบกับช่วงต้นเดือน ถึงแม้ว่า Genesis จะล้มละลาย ก็แทบไม่กระทบกับตลาดคริปโทฯและ DeFi เลย
โดยรวมทุกเชนมี TVL เพิ่มขึ้น แต่ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่นคือ Tron ที่พลิกกลับมานำ BNB Chain อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม แพลทฟอร์มที่มี TVL สูงสุดบน Tron อย่าง Justlend ก็กินส่วนแบ่งมากถึง 70% นักลงทุนจึงยังควรระมัดระวัง นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้เหรียญ USDD Stablecoin ก็มีประวัติหลุด Peg มาแล้วถึงสองครั้ง
ส่วนเชน Ethereum และ Arbitrum มี TVL เพิ่มขึ้นประมาณ 12% ซึ่งทั้งสองเชนมี Catalyst ในระยะสั้นถึงกลาง โดยเชน Ethereum ก็กำลังจะมี Shanghai upgrade ในเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ก็คาดว่าหลังอัพเกรดคนจะนำเหรียญ ETH ไป Stake มากขึ้นผ่าน Liquid staking platform ทำให้ส่งผลบวกต่อแพลทฟอร์ม Liquid staking ต่างๆด้วย ซึ่งจะเห็นได้ว่ากลุ่มนี้เป็นตัวนำตลาดอยู่ในช่วงนี้ โดยเฉพาะตัวหลักอย่าง LDO, RPL ส่วน Arbitrum ก็มีหลายฝ่ายออกมาคาดการณ์ว่าอาจจะแจก Airdrop ในเร็วๆนี้ ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าในระยะสั้นจะส่งผลบวกต่อเหรียญบน Arbitrum โดยเหรียญที่นักวิเคราะห์มองว่ามีศักยภาพอย่างเช่น RDNT, PLS, BFR, MAGIC เป็นต้น
หลังจากที่ Genesis ประกาศปิดถอนเงินของลูกค้าตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลมาจากการที่บริษัทประสบปัญหาสภาพคล่องจากการล่มสลายของ FTX และ Three Arrow Capital นั้น ทาง Genesis ก็ทำทุกวิถีทางที่จะหลุดพ้นจากข่าวลือเรื่องการล้มละลาย ไม่ว่าจะเป็น ความพยายามในการระดมทุนเพิ่มจาก Binance และนักลงทุนอื่นๆจำนวน 1,000 ล้านดอลลาร์ที่ถึงแม้จะลดวงเงินเหลือ 500 ล้านดอลลาร์แต่ก็ไม่สำเร็จ
รวมไปถึงการได้รับความช่วยเหลือจาก Digital Currency Group เป็นจำนวน 1,100 ล้านดอลลาร์สำหรับทำให้งบการเงินดูของ Genesis แข็งแกร่ง แต่สุดท้ายก็ยื้อไม่ไหว ขอยื่นล้มละลายต่อศาลบทที่ 11 ในวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา
โดยรายชื่อบริษัทที่ได้ยื่นล้มละลายบทที่ 11 ได้แก่บริษัทแม่อย่าง Genesis Global Holdco และบริษัทในเครืออีกสองแห่ง คือ Genesis Global Capital, LLC และ Genesis Asia Pacific Pte. Ltd. ส่วน Genesis Global Trading และบริษัทในเครือที่เกี่ยวข้องกับการเทรด Spot และ Derivatives ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทได้สูญเสียเงินเป็นจำนวนมากจากการปล่อยกู้ให้กับบริษัทคริปโทฯต่างๆอย่าง FTX และ Three Arrow Capital เป็นจำนวน 175 ล้านดอลลาร์และ 1,200 ล้านดอลลาร์ตามลำดับ รวมไปถึงเงินที่ไม่สามารถกู้คืนมาได้ของลูกค้า Gemini จากโปรแกรม Gemini Earn ที่ฝากเอาไว้กับ Genesis เป็นจำนวน 900 ล้านดอลลาร์
อ้างอิงจากสำนักข่าว Bloomberg Genesis มีเจ้าหนี้ทั้งหมดรวมกันกว่า 100,000 ราย โดยเจ้าหนี้ 50 อันดับแรกนั้นมีมูลค่าหนี้สินรวมกันมากถึง 3,500 ล้านดอลลาร์ แต่ในปัจจุบัน Genesis ก็ได้แต่งตั้งให้คุณ Derar Islim เข้ามาเป็น CEO ชั่วคราวสำหรับการบริหารการดำเนินงานบริษัทอื่นๆในเครือ Genesis รวมไปถึงการเข้ามาช่วยปรับโครงสร้างหนี้และเจรจากับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนั่นเอง
สำหรับ Ethereum Shanghai Upgrade หรือ EIP-4895 ที่กำลังจะเกิดขึ้นภายในไตรมาสที่ 1 ปี 2023 นี้ จะทำให้เหล่า ETH Staker ที่ฝาก ETH ไว้กับ Validator Node สามารถทำการไถ่ถอน ETH ที่อยู่ใน Validator Node ออกมาได้ ซึ่งในระยะยาวจะเป็นข้อดีเนื่องจากระบบจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น และผู้ที่ลงทุนในเหรียญ ETH จะสนใจนำเหรียญมา Stake มากขึ้นเนื่องจากได้รับผลตอบแทนสูงกว่าการที่ถือไว้เฉยๆ
อย่างไรก็ตาม ก็มีความกังวลว่า 16m ETH ที่ Stake อยู่นั้นจะถูกถอนออกเพื่อเทขายในตลาด จนเกิดความกังวลได้ว่าราคา ETH จะได้รับผลกระทบหนักหรือไม่ ทางทีม Research จึงสรุปปัจจัยบวกและลบที่จะเกิดขึ้นกับราคาเหรียญ ETH เป็นตารางดังนี้ ซึ่งสรุปใจความได้ว่าอาจจะไม่น่ากลัวอย่างที่หลายคนคิด
ผลตอบแทนที่ได้จากการฝากธนาคารและการฝากพันธบัตรรัฐบาลให้ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 2.45% ส่วนผลตอบแทนจากการฟาร์มหรือปล่อยกู้ Stablecoin บนแพลทฟอร์มต่างๆให้ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 4.9% ซึ่งสำหรับการฟาร์ม Stablecoin สามารถเลือกฝากกับแพลทฟอร์มที่มีความปลอดภัยสูงและเปิดมานาน เช่น Curve, UniSwap, PancakeSwap, Aave, Compound, Traderjoe หรือจะเลือกฝากบนแพลทฟอร์มที่ใหม่กว่าและผลตอบแทนสูงกว่าอย่างเช่น Velodrome ก็ได้เช่นกัน โดยผลตอบแทนเฉลี่ยระหว่างการฝากธนาคารหรือพันธบัตรเทียบกับการฟาร์ม Stablecoin ต่างกันอยู่ที่ประมาณ 2 เท่า
เมื่อเทียบกับเดือนก่อนๆจะพบว่าผลตอบแทนจากเงินฝากและพันธบัตรเพิ่มขึ้นจากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกอบกับการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทยทั้งหมด 3 ครั้งในปี 2565 ที่ผ่านมา ส่วนผลตอบแทนในการฝาก Stablecoin ถึงแม้จะลดลงค่อนข้างมากจาก APR ประมาณ 8% ในช่วงต้นปี 2565 แต่ก็กระเตื้องขึ้นมาบ้างในช่วงต้นปี 2566 เมื่อเทียบกับปลายปี 2565 ที่ผ่านมา เป็นเพราะว่าผลตอบแทนส่วนใหญ่มาจาก Trading Fee & Borrowing ซึ่งในช่วงนี้ตลาดคริปโทฯกลับมาคึกคักจึงมีการทำธุรกรรมที่มากขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง
เมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา Porsche ได้เปิดให้ผู้คนได้เข้ามามินต์โปรเจกต์ NFT ที่มีชื่อว่า PORSCHΞ 911 ซึ่งเป็นคอลเลคชั่น NFT รถ Porsche 911 ที่จะมีซัพพลายทั้งหมด 7,500 ด้วยราคา 0.911 ETH แต่เนื่องจาก NFT ถูกขายได้ไม่หมด สุดท้ายทางโปรเจกต์เลยปิดมิ้นท์ และทำให้ซัพพลายสุดท้ายเหลืออยู่แค่ 2,363 เท่านั้นและทำให้ราคา Floor Price ในปัจจุบันขึ้นมาอยู่ที่ 2.5 ETH จากซัพพลายที่ลดลง
โดยสิ่งที่ผู้คนสนใจใน PORSCHΞ 911 คือการที่แต่ละคันจะมีหมายเลขตรงป้ายทะเบียนที่แตกต่างกัน ซึ่งยิ่งเลขสวยก็ยิ่งทำให้ราคาสูงขึ้นตามเหมือนทะเบียนรถที่เรามักคุ้นเคย ส่วน Utility ของ PORSCHΞ 911 คือในอนาคตโปรเจกต์จะสามารถให้ผู้ถือ NFT สามารถเลือก Journey หรือเส้นทางที่จะเปิดในอนาคต และ Trait ต่าง ๆ ของรถจะขึ้นอยู่กับเส้นทางเหล่านี้
The Sandbox ได้ประกาศความร่วมมือกับ Coamix และ Minto เพื่อนำ Fist of the North Star หรือหมัดเทพเจ้าดาวเหนือ เข้าสู่ The Sandbox
ความร่วมมือนี้จะมีการพัฒนา LAND ที่ชื่อว่า End of the Century เพื่อสร้างพื้นที่กิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการ์ตูนดังกล่าว และก็จะมีการนำ Intellectual Property ของ Fist of the North Star มาสร้างเป็น Avatar NFT ซึ่งจะมีการเปิดขายให้จับจองกันได้
โดยนอกจากหมัดดาวเหนือจะเป็นมังงะที่คนไทยหลายคนชื่นชอบแล้ว ในต่างประเทศก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน ซึ่งการมาของหมัดเทพเจ้าดาวเหนือน่าจะทำให้ The Sandbox เป็นที่รู้จักในสายตาชาวโลกมากขึ้น
The Sandbox ประกาศความร่วมมือกับ Metaviva หนึ่งในบริษัทลูกของ MM2 Entertainment จากสิงคโปร์ที่ก่อตั้งมาเพื่อมุ่งเน้นการทำธุรกิจใน Web3
โดย MM2 Entertainment เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมสื่อและความบันเทิง ซึ่งมีประสบการณ์การทำภาพยนตร์มามากกว่า 50 เรื่องตั้งแต่ปี 2010 ซึ่งการเข้ามาใน The Sandbox นี้พวกเขาจะพัฒนา Metavia LAND ที่จะใช้ในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้สร้างภาพยนตร์ นักแสดง และแฟนคลับ รวมถึงจะใช้ LAND โปรโมทภาพยนตร์เรื่องใหม่ๆ ด้วย
จาก Report ของ Delphi Digital ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการระดมทุนใน Sector ของ GameFi ไว้ว่าเกมใน Ecosystem ของ Immutable X ได้รับเงินทุนพัฒนารวมแล้วกว่า 900 ล้านดอลลาร์ในปี 2022 ซึ่งนับเป็นอันดับสองรองจาก Ethereum ที่ได้ไป 1,150 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น
ซึ่งในจำนวนเงิน 900 ล้านดอลลาร์นี้มากกว่า GameFi บน Polygon และ Solana เสียอีก ทำให้ Immutable X กลายเป็น Layer-2 Infrastructure ที่มีเกมได้รับเงินทุนมากที่สุด ซึ่งในปี 2022 เกมบน Immutable X ก็ได้เพิ่มจาก 5 เกมเป็นมากกว่า 100 เกมแล้วที่แม้ว่าจะเป็นตลาดหมีก็ตาม
Pedigree ผู้ผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่ของโลกได้เลือก Decentraland ในการสร้าง Fosterverse หรือพื้นที่ที่เปิดให้คนทั่วโลกสามารถเข้ามาอุปถัมภ์สุนัขใน Metaverse ได้ โดยทาง Pedigree จะมีการแบ่งพื้นที่เป็นประมาณ 8,000 ผืน และให้ผู้ที่เป็นเจ้าของพื้นที่อัพโหลดรูปและ Avatar ของสุนัขที่พร้อมสำหรับการอุปถัมภ์ไว้
ซึ่งหากมีคนสนใจจะรับเลี้ยงก็สามารถเข้ามาพูดคุยกับเจ้าของเดิมและทำการอุปถัมภ์สุนัขที่ชอบได้ โดยผู้อุปถัมภ์จะได้ Avatar ของสุนัขไปเพื่อเป็นการยืนยันและเจ้าของเดิมก็นำเงินไปดูแลสุนัขตัวนั้นให้ หรืออาจบริจาคโดยตรงกับ Pedigree Foundation ที่จะคอยในเงินไปช่วยสุนัขในลักษณะเดียวกันก็ได้
.
คำเตือนความเสี่ยง : คริปโทเคอร์เรนซี่มีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวนและสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต