Macroeconomics: คริปโตฯยัง DCA ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Bitcoin
- ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯล่าสุดที่ประกาศออกมาเป็นไปตามที่คาดการณ์ โดยที่ตัวเลขตลาดแรงงานออกมาค่อนข้างอ่อนแอ รวมถึงสถานการณ์ Housing ที่ริ่มชะลอตัว ขายบ้านได้น้อยลง จากการที่ Mortgate rate ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่า 7.5%
- วันที่ 6 ตุลาคมนี้จะมีประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญอีก 3 ตัว อาจมีโอกาสทำให้ตลาดหุ้นและคริปโตฯผันผวนได้อีก นักวิคราะห์มองว่าให้จับตามอง
- นอกจากนี้ผลตอบแทนจาก Bond yield สิบปีปรับตัวขึ้นค่อนข้างสูงทำให้น่ากังวลในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ยังเป็นการแสดงว่า Fed อาจจะคลายดอกเบี้ยได้ยากขึ้น และดอกเบี้ยน่าจะอยู่ในระดับสูงนานขึ้น ทำให้ธนาคารขาดสภาพคล่องจากเงินฝากที่ลดลง
- ส่วนสถานการณ์ดอกเบี้ยก็ยังไม่แน่นอน นักวิเคราะห์มองว่าถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่ยังมองว่าปีนี้ Fed จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยแล้ว แต่ก็ถือว่ายังไม่แน่นอนแบบ 100%
- จากปัจจัยภาพรวมเศรษฐกิจมหภาคทั้งหมด นักวิเคราะห์มองว่าโอกาสที่จะเกิด Recession ยังมีอยู่ และสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นและคริปโตฯจะถูกกดดันได้อีกสักระยะหนึ่ง (ตลาดอยู่ในช่วง Risk-off) อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์มองว่า ในระยะยาวยังสามารถสะสมโดยการ DCA ได้ โดยนักวิเคราะห์มอง Bitcoin บวกกว่าตัวอื่น เพราะว่าน่าจะได้ประโยชน์จากข่าวธนาคารล่ม และการที่ Bitcoin correlation กับสินทรัพย์อื่นเริ่มติดลบ ซึ่งถ้ามองถึงตลาดคริปโตฯโดยรวม น่าจะเริ่มเห็นภาพชัดมากขึ้นในเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม
Altcoin และเทรนด์ที่น่าจับตามอง
- Perp DEX: นักวิเคราะห์มองว่าในอนาคต Volume การเทรดมีโอกาสเติบโตสูงในอนาคต โดยในปัจจุบันที่ยังไม่เติบโตมากส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ User experience ที่ยังไม่ดีเท่าที่ควร อย่างไรก็ตามในอนาคตที่มีการพัฒนามากขึ้นอาจเดิบโตได้อีกมากนั่นเอง (เช่นการ Integrate กับ Account abstraction) นอกจากนี้ถ้าดูจาก Open interest จะเห็นว่าสูงกว่า CEX มากกว่า 40 เท่า
- ตัวอย่างโปรเจกต์ Perp DEX ที่นักวิเคราะห์มองว่าน่าจับตามองในอนาคต เช่น Ribbom, Aevo, HMX, Rage trade โดยโปรเจกต์ Aevo มีโอกาสที่จะแจก Airdrop แก่ผู้ใช้งานในอนาคตได้ด้วย ที่ผ่านก็มี Volume เทรดเติบโตต่อเนื่องมาแตะระดับ 500 ล้านดอลลาร์แล้ว
- โดยโปรเจกต์อย่าง HMX, Rage trade, Aevo ที่กล่าวถึงข้างต้นก็มีการ Integrate กับ Account abstraction ทั้งหมด (อ่านเพิ่มเกี่ยวกับ Account abstraction ได้ที่นี่) ซึ่งบางโปรเจกต์อย่างเช่น Rage trade, HMX อาจได้รับประโยชน์จาก Arbitrum incentive ที่กำลังจะมาถึงได้ด้วย
- Tokenization, RWA: TVL เติบโตต่อเนื่อง (ยังไม่รวมบน TradFi) ยังเป็นหนึ่ง Narrative ที่นักวิเคราะห์มองบวกใน Cycle หน้าเพราะจะเป็นตัวเชื่อม Liquidity จาก Real world มาสู่คริปโตฯได้ ตัวอย่างโปรเจกต์ เช่น Centrifuge, Maple finance, Ondo หรือโปรเจกต์ OG อย่าง MakerDAO
- Modular blockchain: เป็นกลุ่มใน Middleware infrastructure ตัวอย่างเช่น Celestia ที่เพิ่งประกาศแจก Airdrop ไปในเร็วๆนี้ ที่ได้แจกให้คนที่เคยใช้ Layer 2 และมีประวัติการทำธุรกรรมบน Layer 1 (อย่าลืมไปเช็คกระเป๋ากันที่นี่) โดยเหรียญ TIA น่าจะลิสต์บน CEX ตัวหลักในวันที่ 17 ตุลาคมนี้
- Arbitrum ecosystem: โปรเจกต์บน Arbitrum น่าจะได้รับประโยชน์จากการแจก Incentive ที่กำลังจะมาถึงในช่วงเดือนมกราคม 2024 โดยนักวิเคราะห์มองว่าโปรเจกต์ที่จะได้รับประโยชน์อาจเน้นเป็นตัวที่ TVL อันดับต้นๆ อย่างเช่น GMX, Radiant, Pendle เป็นต้น
- Optimism: ถ้าใครมีเหรียญ OP อาจนำไป Delegate เพื่อลุ้นรับ Airdrop ในรอบถัดไปได้
- Base chain: นักวิเคราะห์มองว่ามี DApps หลายตัวน่าจับตามอง เช่น Aerodrome, Compound, Friend.tech โดยเฉพาะตัว Friend.tech ที่มีโอกาสแจก Airdrop กับผู้ใช้งานได้
- Airdrop: นักวิเคราะห์มองว่าช่วงนี้การทดลองไปใช้งานตามเชนใหม่ๆเพื่อลุ้นรับ Airdrop อาจเป็นกลยุทธ์ที่ดี (ระวังเรื่องความเสี่ยงด้วย) โดยอาจเน้นไปที่เชนที่ระดมทุนได้เยอะๆอย่างเช่น Linea, zksync, Starknet เป็นต้น
- Dydx กำลังจะมี Unlocks ครั้งใหญ่ จึงควรระมัดระวัง
- Frax: เป็นแพลตฟอร์ม DeFi ที่มี Ecosystem หลากหลายมาก เช่น fraxETH, Frax chain, Stablecoin, Lending และเพิ่งประกาศออก Frax V3 whitepaper เป็นตัวที่ราคาต่ำกว่า Treasury จึงถือว่าน่าจับตามองในระยะยาว
.
คำเตือนความเสี่ยง : คริปโทเคอร์เรนซี่และโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวนและสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต