Search
Close this search box.

BRC-20 : Altcoin บน Bitcoin ต้นเหตุหลักที่ทำให้ค่าธรรมเนียมบน Bitcoin แพง

Reading time 5 Mins
Share :
CTM Research_BRC-20_800x450

Table of Contents

BRC-20 ถูกสร้างขึ้นจากคุณ @domodata เมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา โดยจุดประสงค์ของการสร้างก็เพื่อเป็น “Experimental” ที่ต้องการจะทำให้ Bitcoin สามารถสร้าง “Fungible Token” ได้เหมือนกับ Etheruem ที่สร้าง ERC-20 ซึ่งก่อนที่จะพูดถึง BRC-20 ก็ขอเกริ่นถึง Ordinals Bitcoin ก่อนว่ามันคืออะไร เนื่องจากทั้งสองอย่างนี้มี Concept และหลักการทำงานที่คล้ายคลึงกัน

เชื่อว่าหลายๆคนน่าจะเคยได้ยิน Ordinals ครั้งแรกจากการที่ Yuga Labs ได้ประกาศสร้าง “TwelveFold” ซึ่งเป็น Ordinals 300 ชิ้นบน Bitcoin เพื่อนำมาประมูล โดย Yuga Labs สามารถระดมทุนจากการประมูลครั้งนี้ไปได้ราวๆ $16.49 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 736 BTC

Concept ของ Ordinals คือ การ “Inscript” ข้อมูลต่างๆเช่น ภาพ, เสียง, วีดีโอ ลงใน Sats ของ Bitcoin โดยใช้หลักการ Ordinals Theory จึงทำให้ Sats แต่ละ Sats จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่ซ้ำกันหรือยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆก็จะคล้ายกับการนำแบงก์พันมาพับเป็นรูปนกให้เป็นเอกลักษณ์

สมมติว่าถ้าเทียบแบงก์พัน = 1 Sat แล้วเราเอาแบงก์พัน 10 ใบมาพับเป็นรูปนก ในประเทศไทยก็จะมีแบงก์พันรูปนกโดยฝีมือเราเพียง 10 ใบ โดยแบงก์พันรูปนกนี้อาจซื้อขายกันในราคาที่มากกว่า 1000 ก็ได้ แต่ยังไงมูลค่าที่เป็นฐานของมันก็คือ 1000 เหมือนกับแบงก์พันปกติ ซึ่งในที่นี้เท่ากับ 1 Sat

ซึ่ง Concept ของ BRC-20 ก็เหมือนกับ Ordinals ที่ใช้การ Inscribe ข้อมูลลงบน Sats เช่นเดียวกัน โดย BRC-20 จะเป็นการ Inscription ข้อความ JSON ลงบน Sats

และใส่ Function พื้นฐานให้ Sats นั้นๆมีคุณสมบัติที่เหมือน Fungible Token ให้ได้มากที่สุด เช่นการ Mint, Deploy และ Transfer

เนื่องจาก BRC-20 นั้นไม่รองรับ Smart Contract จึงทำให้เราต้อง Deploy, Mint และ Transfer เองทั้งหมด โดยต้องมีการกำหนด Parameters ต่างๆในการทำ Action นั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น การ Mint เราสามารถกำหนด Max Supply และ Limit ในการ Claim ของคนอื่นได้

ซึ่งในตอนนี้ ทาง Ordinals Wallet อย่าง UniSat ก็มี Tools ที่ช่วยให้เราสามารถ Mint ของคนอื่น และสร้าง BRC-20 ของตัวเองได้ง่ายๆ นอกจากนี้เราก็สามารถวางขายโทเคน ที่เราสร้างมาได้เช่นกันบน UniSat Marketplace

อย่างที่ได้บอกไปว่า BRC-20 นั้นไม่มี Smart Contract เพราะฉะนั้นหากจะขาย จะเป็นการขายแบบ OTC เท่านั้น โดย UniSat ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการขายแบบ OTC โดยหากใครกดซื้อ/ขายโทเคนบน Marketplace

ทาง UniSat ก็จะเขียนคำสั่ง Transfer ให้กับเราโดยใช้ Logic ตามรูปภาพข้างต้น เนื่องจาก BRC-20 ใช้หลักการของ UTXO ดังนั้นการรับส่ง Token ก็จะใช้การ Inscript Sats ที่ต้องการจะส่งก่อน

สมมุติเราจะโอน 700 coin จากที่มี 1000 coin หลังจากส่งคำสั่ง Transfer เสร็จแล้ว ระบบจะไป Inscript 700 coin (Tr) ของเรา ทำให้ Available Balance (Av) ของเราเหลือ 300 coin

และหลังจาก Block ถัดไป Overall Balance (Ov) ของอีก Wallet นึงที่เราโอนไปจะกลายเป็น 700 coin และจากเดิมที่ Block ก่อนหน้านี้ Available Balance ของเราที่เหลือ 300 coin ใน Block ถัดไปก็จะกลายเป็น Overall Balance

BRC-20 ที่ถูกสร้างขึ้นมาตัวแรกก็คือ “ordi” มี Max Supply ที่ 21,000,000 ordi และกำหนดให้ Mint ได้ไม่เกินคนละ 1,000 ordi ต่อ Wallet

ซึ่งหลังจากเปิดตัวได้ไม่ถึง 18 ชั่วโมงก็มีคนมา Claim ordi จนครบ และในตอนนี้ก็ขาย ordi ที่ราคาต่ำสุด 80,000 Sats/ordi หรือประมาณ $22

ด้วยความที่กระแสของเหรียญ Meme อย่าง $PEPE โด่งดังขึ้น ประกอบกับใครก็ตามสามารถเข้ามาสร้าง BRC-20 ของตัวเองและวางขายได้

ทำให้ในปัจจุบันมี BRC Token ที่ออกแนวเป็นเหรียญ Meme ถูกสร้างแล้วกว่า 14,307 เหรียญ, Market Cap รวมกันมากถึง $862m และ Volume ราวๆ $200m ต่อวัน

กระแสดังกล่าวทำให้มีคนแห่กันเข้ามาเล่น BRC-20 Token กันจน Bitcoin Network มีธุรกรรมที่หนาแน่นขึ้นเยอะมากๆ จนค่าธรรมเนียมแพงและช้ามาก จากที่ปกติค่าโอนไม่กี่บาท ช่วงพีคๆได้กลายมาเป็นอย่างต่ำ 100 กว่าบาทโดยที่ต้องรอหลายชั่วโมง ซึ่งถ้าอยากโอนได้เร็วก็ต้องยอมจ่ายเกือบ 800 บาท (Source: mempool.space)

ซึ่งทำให้อาจถือได้ว่าเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน/ปี ที่ miner ได้ tx fee มากกว่า block subsidy ในแบบที่เป็นการแข่งขันกันจ่ายค่าธรรมเนียมเพื่อแย่งทำธุรกรรมจริงๆ (ไม่ใช่การกดผิดหรือตั้งใจจ่ายทั้งๆที่ไม่จำเป็น)

Binance ที่เป็น Exchange อันดับหนึ่งของโลกก็ยังจำเป็นต้องปิดการถอนชั่วคราวเนื่องจากค่าธรรมเนียมผันผวนเกินไปและ Network ล่าช้าอย่างมาก โดยหนึ่งในทางแก้ปัญหาของ Binance ก็คือการพัฒนาระบบให้สามารถรองรับ Lightning Network ที่ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการเรียบร้อยแล้ว

การที่ Bitcoin Network ค่าธรรมเนียมแพงและ Binance จะเปิดการรองรับ LN นั้นอาจเป็น Catalyst สำคัญที่ทำให้ผู้คนรู้จัก LN มากขึ้น

ซึ่งก็ตรงกับความเห็นของ Bitcoiner OG อย่าง Paolo และ Samson Mow ที่ก็มองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด

เพราะการแก้ปัญหาไม่ใช่การ Scale ที่ Bitcoin Netowrk โดยตรงแต่ไป Scale ที่ L2 อย่าง Lightning Network แทนเพื่อเลี่ยงการ Hardfork จากเหตุการณ์ดังกล่าวทาง Paolo ก็มองว่า Lightning Network คือคำตอบและได้ใช้โอกาสนี้ออกมาชูเรื่อง Lightning Network

อย่างไรก็ตามสิ่งที่เห็นตรงนี้ก็คือเก็งกำไรทั้งสิ้น ไม่มี Utility อะไรทั้งนั้น ค่า Fee ในการทำแต่ละอย่างก็แพง หากใครต้องการเข้าไปร่วมเก็งกำไร BRC20 Token ก็ควรจะมี Mindset ที่พร้อมเสียได้ทั้งหมดและรู้ว่าเราอาจไปเป็น Exit Liquidity ให้คนอื่น โดยวิธีการเข้าไปศึกษาสำหรับผู้ที่สนใจก็สามารถดูได้ที่

แต่ต้องอย่าลืมว่าแทบทุกขั้นตอนต้องเสียค่าธรรมเนียมสูง ตั้งแต่การ Inscribe และการซื้อขาย แถมยังใช้เวลาค่อนข้างนานในการทำธุรกรรมแต่ละครั้ง

โดยหลังจากนี้ทางเรามองว่าเดี๋ยวกระแสก็จะค่อยๆ เบาลง และ Network ก็จะค่อยๆ เข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งในตอนนี้ก็ลดลงมาในระดับหนึ่งแล้ว

และการพัฒนาก็คงย้ายไปเน้นการพัฒนาบน Lightning ที่รวดเร็วและตอบโจทย์มากกว่าแทน เพราะ @domodata ที่เป็นคนทำ BRC-20 นี้ก็ยังเขียนไว้ Docs ของ BRC-20 ว่า การ Issue Asset บน Blockchain ด้วย Taproot นั้นไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด และทางผู้สร้างก็เป็นคนบอกใน Docs เองว่า “Taro” เป็นทางออกที่ดีกว่าอย่างชัดเจนเพราะถูกพัฒนาบน Lightning Network

แต่ก็อาจจะมีบางส่วนที่เหลือรอดมาเป็น meme แล้วมีคนเทรดกันอย่าง “ordi” ที่เปรียบเสมือนเหรียญ meme ตัวแรกบน Bitcoin ที่อาจจะจะกลายมาเป็นเหมือน Doge หรือ Shiba ที่ก็ยังมีคนเทรดกันจนทุกวันนี้

Authors

Share :
Related
Monad ระดมทุนได้ 225 ล้านดอลลาร์นำโดย Paradigm - ลุ้น Airdrop ยังไงดี ?
เจาะลึก Injective: บล็อกเชนตัวแรกที่ออกแบบมาเพื่อ DeFi โดยเฉพาะ
อัปเดททุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับ Restaking และ LRT
สรุปเหตุการณ์ดราม่าบน Blast ที่เกือบจะต้อง Roll-back เป็น Blast Classic