จากข้อมูลจาก Statista ในปี 2022 มีมูลค่าการซื้อขายงานศิลปะทั่วโลกอยู่ที่ 2.3 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบ 8 ปี ซึ่งจะเห็นได้ว่างานศิลปะนับว่าเป็นอีกหนึ่งของสะสมที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น และ ถือว่าเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งเช่นกัน โดยจะเห็นว่ามีความต้องการซื้อขายงานศิลปะอยู่มากมาย และได้มีการนำ Generative Art ที่สร้างงานศิลปะจากการใช้โค้ด หรือ ภาษาคอมพิวเตอร์นั้นเอง ซึ่งแต่ละชิ้นงานจะถูกสร้างออกมาในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป โดยศิลปะแนวนี้มีการตั้งแต่ยุค 90 และขึ้นมาอยู่บน Blockchain เมื่อปี 2020 นี้
จากข้อมูลของ NFT Nansen Index จะเห็นได้ว่าถึงแม้จะอยู่ในช่วงตลาดขาลงของตลาดคริปโต แต่ NFT เป็นกลุ่ม ART มีมูลค่าลดลงน้อยสุดเมื่อเปรียบเทียบกับ NFT กลุ่มอื่นๆที่ราคาตกลงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา
ขอบคุณภาพจาก https://pro.nansen.ai/nft-indexes
วันนี้บทความจาก Cryptomind Research ร่วมกับ พี่นัท GM Learning Club จะพาผู้อ่านทุกท่านเจาะลึกโปรเจกต์ Art Blocks ที่เป็นโปรเจกต์ Contemporary Generative Art อันดับ 1 ของตลาด ณ ปัจจุบัน
Contemporary Art หรือ ศิลปะร่วมสมัย คืออะไร
แน่นอนว่าหลายๆคนอาจจะเคยได้ยินคำนี้ผ่านหูอยู่บ่อยครั้ง หรือ แม้แต่ตัวผู้เขียนเองก็ตาม แต่อาจจะยังไม่ได้เข้าใจความหมายจริงๆ โดย Contemporary art หรือ ศิลปะร่วมสมัย คือ งานศิลปะในช่วงปัจจุบัน ซึ่งหมายความว่าผลงานของงานศิลปะร่วมสมัยจะเกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 20 ตอนปลาย หรือ ช่วงศตวรรษที่ 21 ตอนต้น งานศิลปะร่วมสมัยจะมีความหลากหลายทั้งแนวคิดต่างๆ, วิธีการ หรือ ขั้นตอน, รูปทรง ซึ่งแนวทางต่างๆมีความยืดหยุ่นมากกว่าศิลปะรูปแบบเดิมๆ ทำให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น
ขอบคุณภาพจาก https://www.sothebys.com/en/articles/the-1m-contemporary-market
จะเห็นได้ว่าในช่วงปี 2018-2022 มูลค่าการซื้องานศิลปะแนว Comtempory art ระดับไฮเอนด์ มีการเติบโตมากขึ้น 24.1% และสัดส่วนที่ชิ้นงานที่มีปริมาณการซื้อขายมากที่สุดจะอยู่ที่ราคา $ 1-5 ล้าน ต่อชิ้น ซึ่งมีประมาณการซื้อขายรวมกันอยู่ที่ $5.26 B และจากการซื้อขายทั้งหมดตั้งแต่ปี 2018-2022 คิดเป็น 38.62% จะเห็นได้ว่ามีการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
Generative Art NFT คืออะไร
การสร้างสรรค์งานศิลปะด้วยการใช้โค้ด ทำให้การสร้างผลงานแต่ละครั้งจะมีจุดเด่น และ ลักษณะที่แตกต่างกัน ผนวกเข้ากับการประยุกต์ใช้ NFT เข้าด้วยกัน ทำให้มีผลงานมีจำนวนจำกัด และ สามารถตรวจสอบความถูกต้องบนบล็อกเชนได้
หากพูดถึง Generative Art หลายๆคนอาจจะคิดไปถึง Generative Art แบบ PFP (Profile picture) ของ CryptoPunks หรือ Azuki แต่ Art Blocks จะเป็น Generative Art แบบ Contemporary Art (ศิลปะร่วมสมัย)
ประวัติโดยย่อของ Erick Calderon (CEO ของ Art Blocks)
Erick Calderon ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและจำหน่ายกระเบื้องเซรามิค ชื่อบริษัทว่า “La Nova Tile Importers” ซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัว โดยดำรงค์ตำแหน่งเป็น ประธานกรรมการบริษัท (ซึ่งปัจจุบันยังคงดำรงค์ตำแหน่งอยู่) อ้างอิงข้อมูลจาก Artnew ซึ่งเขาเคยพูดว่า “I’ve always wanted to be an artist, but I could never draw anything with my hands” อาจจะเป็นการพูดเชิงว่าเจ้าตัวอยากเป็นศิลปิน แต่ตนเองไม่มีทักษะด้านการวาดภาพด้วยมือ จึงได้เริ่มทำแพลตฟอร์มในช่วงปลายปี 2020 ขึ้นมานั้นเอง
Art Blocks คืออะไร
Art Blocks เป็นแพลตฟอร์ม Generative Art ที่อยู่บน Ethereum ก่อตั้งในช่วงปลายปี 2020 โดย Erick Calderon ผู้ที่มีความหลงไหลในงานศิลปะ ปัจจุบันดำรงค์ตำแหน่ง CEO อยู่นั้นเอง
โดยแพลตฟอร์มจะให้ Creative coders (ศิลปินที่ใช้โค้ดในการสร้างสรรค์ผลงาน Generative Art) สร้าง และ เก็บผลงานของตนเองไว้บน Ethereum ได้ ศิลปินจะเขียนสคริป p5.js (เป็น Javascript library) ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงค่าต่างๆตามที่ต้องการได้ จากนั้นนักสะสมงานศิลปะสามารถมา Mint งานที่ชอบได้ โดยงานบน Art Blocks จะแบ่งเป็น 4 แบบคือ
- Curated : เป็นคอลเลคชั่นที่อยู่ระดับสูงที่สุด ซึ่งการที่จะเป็น Curated collection ได้นั้นต้องผ่านการคัดกรองจากทีม Art Blocks ซึ่งจะใช้เวลาค่อนข้างนาน
- Presents : เป็นคอลเลคชั่นทำการรวม Playground Collection กับ Factory Collection เข้ามาจากนั้นทำการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น The Presents Collection ซึ่งโปรเจกต์ต่างๆที่อยู่ในคอลเลคชั่นนี้จะคัดกรองจากทีม Art Blocks ด้วยเช่นกัน
- Collaborations : เป็นคอลเลคชั่นที่จะเป็นการร่วมมือระหว่าง Art Blocks กับ องค์กรอื่นๆ เช่น Art Blockss x Pace และ Art Blockss × Bright Moments
- Exploration : เป็นคอลเลคชั่นในการลองไอเดียในการทำงานศิลปะแบบใหม่ๆ
อีกหนึ่ง Product ของโปรเจกต์นี้เรียกว่า Art Blocks Engine ซึ่งเป็นเครื่องมือสำเร็จรูปในการสร้าง แพลตฟอร์ม Generative Art NFT โดยจะแบ่งเป็น 2 รูปแบบคือ
- Art Blocks Engine
- Art Blocks Engine Flex
ซึ่งโดยรวมทั้ง 2 แบบจะมีความคล้ายกัน แต่ Art Blocks Engine Flex จะช่วยให้ศิลปินสามารถเก็บ asset รูปแบบ off-chain ได้บน IPFS หรือ Arweave โดยจะได้รับส่วนแบ่งรายได้ตามข้อกำหนด ซึ่งจะขึ้นอยู่กับขนาดของแต่ละโปรเจกต์
ขอบคุณภาพจาก https://www.artblocksengine.io/products
โปรเจกต์บน Art Blocks
Chromie Squiggle by Snowfro
ขอบคุณภาพจาก https://upshot.xyz/post/buying-guide-chromie-squiggles
Chromie Squiggle เป็นโปรเจกต์ระดับ Curated Collection รูปเส้นจำนวน 10,000 รูป ราคา mint price อยู่ที่ 0.035 ETH ซึ่งราคา ณ ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 9.79 ETH (ข้อมูลจาก Opensea วันที่ 18 กันยายน 2023)
โดยผู้สร้างคือ Erick Calderon (มีนามแฝงว่า Snowfro) หรือ ผู้ก่อตั้ง Art Blocks นั้นเอง ซึ่งหากเราดูแบบผิวเผินอาจจะดูแล้วเป็นรูปเส้นๆเหมือนๆกัน แต่เราจะสามารถแบ่งแยก Trait ได้ดังนี้
1. รูปแบบของ Squiggle : จะแบ่งออกเป็น 6 แบบคือ Normal, Slinky, Fuzzy, Ribbed, Bold และ Pipe
2. รูปแบบของ Spectrum : จะแบ่งออกเป็น 4 แบบคือ Normal, HyperRainbow, Full Spectrum และ Perfect Spectrum
โดยแบบที่มีหายาก และ มีน้อยที่สุดคือ “Perfect spectrum” ซึ่งมีอยู่แค่ 0.2% เท่านั้น ซึ่งแต่ละรูปแบบก็จะมีการไล่เฉดสีของลายเส้นแตกต่างกันออกไป ตัวอย่างภาพด้านล่างจะเห็นได้ว่าการไล่สีของ Perfect Spectrum จะมีความเรียบเนียนกว่า Full Spectrum
แต่ว่า Chromie Squiggle ที่มีการซื้อขายแพงที่สุดคือ Chromie Squiggle # 4697 ซึ่งราคาอยู่ที่ 945 ETH ขายไปเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2021 ณ วันที่มีการซื้อขายคิดเป็นมูลค่า $ 2,760,345 หรือราวๆ 93 ล้านบาท
ขอบคุณภาพจาก https://opensea.io/assets/ethereum/0x059edd72cd353df5106d2b9cc5ab83a52287ac3a/4697
เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2023 ทาง LACMA เป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับงานศิลปะ ตั้งอยู่ที่ Los Angeles ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้มีการเริ่มมีการจัดแสดงงาน NFT อีกด้วย ซึ่งได้รับบริจาค NFT บางส่วนมาจาก Cozomo de’ Medici ซึ่งเป็นนักสะสมงานศิลปะ โดยทางพิพิธภัณฑ์จะได้รับ Chromie Squiggle #9999 จาก Erick Calderon เพื่อใช้ในการโชว์เช่นกัน
Fidenza by Tyler Hobbs
Fidenza เป็นโปรเจกต์ Curated Collection รูปสี่เหลี่ยมที่มีความโค้ง ประกอบกันจนออกมาเป็นงานศิลปะ โดยชื่อ Fidenza นั้นเป็นชื่อเมืองที่อยู่ทางเหนือของประเทศอิตาลี โดยผลงานนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปินชาวอเมริกันชื่อว่า “Franz Kline”
ซึ่งมีจำนวน 999 รูป ราคา mint price อยู่ที่ 0.17 ETH ราคา ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 69.99 ETH (ข้อมูลจาก Opensea วันที่ 18 กันยายน 2023)
โดยผู้สร้างงานชิ้นนี้คือ Tyler Hobbs โดยแต่ละรูปจะมี Trait แตกต่างกันดังนี้
- Scale (ขนาดของสี่เหลี่ยมในรูปภาพ)
- Turbulence (ความโค้ง)
- Shape (รูปร่าง)
- Margin (ขอบ)
- Color (สี)
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2023 Christie’s บริษัทประมูลชื่อดังได้มีการ Fidenza #724 ไปในราคา 365,400 ปอนด์ หรือราวๆ 15 ล้านบาท
ขอบคุณภาพจาก https://www.christies.com/en/lot/lot-6416016
ส่วนงานที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดของ Collection นี้คือ Fidenza #313 โดยซื้อที่ราคา 1000 ETH คิดเป็นราคา ณ วันที่ซื้อ $ 3,321,000 หรือประมาณ 112 ล้านบาท ซึ่งคนที่ซื้อไปคือ Punk6529 ที่เป็นดังในวงการคริปโตนั้นเอง (มีผู้ติดตามกว่า 456,000 คน บน twitter)
ขอบคุณภาพจาก https://opensea.io/assets/ethereum/0xa7d8d9ef8d8ce8992df33d8b8cf4aebabd5bd270/78000313
Ringers by Dmitri Cherniak
Ringers เป็นโปรเจกต์ที่ถูกสร้างโดย Dmitri Cherniak ศิลปินชาวแคนนาดา ราคา mint price อยู่ที่ 0.1 ETH ราคา ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 30 ETH (ข้อมูลจาก Opensea ของวันที่ 18 กันยายน 2023) ซึ่งก่อนสร้าง NFT นี้ได้มีการทดสอบบน Rinkeby Testnet (เป็นหนึ่งใน Testnet ของ Ethereum) เพื่อให้แน่ใจว่าการสร้างงานบน Mainnet จะไม่มีปัญหา
โดยโปรเจกต์นี้จะการที่ใช้เส้นในการพันรอบวงกลม (มีรูปทรงคล้ายกับฟันเฟือง) ซึ่งจะมีผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับอัลกอริทึมที่จะทำการสุ่ม มีจำนวน 1,000 รูป และ เป็น Curated Collection อีกด้วย โดยจะแบ่งลักษณะต่างๆได้ตามนี้
- Backgroud (พื้นหลัง)
- Body (สีข้างใน)
- Extra color (สีของวงกลม)
ข้อมูลจาก Coindesk เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2023 Ringers #879 หรือที่มีชื่อเล่นว่า “The Goose” (เนื่องจากรูป NFT มีความคล้ายกับรูปห่าน) Punk6529 ก็ได้ทำการซื้อไปในราคา $ 6,200,000 หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 210 ล้านบาท ผ่านการประมูลของ sotheby’s โดยเจ้าของเดิมของ The Goose คือ co-founders ของ Three arrow capital นั้นคือ Su Zhu และ Kyle Davies นั้นเอง
ขอบคุณภาพจาก https://opensea.io/assets/ethereum/0xa7d8d9ef8d8ce8992df33d8b8cf4aebabd5bd270/13000879
การประมูลงานศิลปะที่ Sotheby’s และ christie’s
ขอบคุณภาพจาก https://opensea.io/collection/vera-molnar-themes-and-variations
Sotheby’s นับว่าเป็นบริษัทจัดการประมูลศิลปะที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของโลก และ ล่าสุดได้มีการร่วมมือกับ Art Blocks สร้าง NFT marketplace ของตนเองขึ้นมา เนื่องด้วยการร่วมมือกับ Art Bock ก็ได้มีการพัฒนาเครื่องมือช่วยให้ศิลปินสามารถสร้าง Generative Art ได้ง่ายขึ้น และได้มีศิลปินชาวฮังการีวัย 99 ปี ชื่อว่า Vera Molnár สร้างผลงาน NFT ขึ้นมาชื่อ “Themes and Variations” และทำยอดขายได้ว่า $1.2M ในการประมูลของ Sotheby’s อีกด้วย
ขอบคุณภาพจาก https://nft.christies.com/auctions
และอีกหนึ่งบริษัทประมูลงานศิลปะอีกบริษัทนึงนั้นก็คือ “christie’s” ที่มีการเปิดตัว Christie’s 3.0 ซึ่งเป็น แพลตฟอร์ม on-chain auction สำหรับ Digital Art ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะต่างๆ โดยในปี 2021 มีการประมูลโปรเจกต์อย่าง Cryptopunks ทั้งหมด 9 ตัว ทำรายได้ประมาณทั้งสิ้น $17M
ประมาณการรายได้ของ Art Blocks
ข้อมูลจาก statista ได้ระบุว่า Art Blocks มี Transactions volume ทั้งหมด $1.41B จำนวนการซื้อขายอยู่ที่ 250,730 ครั้ง ซึ่งหากคำนวณรายได้จากการซื้อขายทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ $35M
สรุปเหตุผลที่ Art Blocks ประสบความสำเร็จ 3 ข้อ
Art Blocks นับเป็นแพลตฟอร์ม Contemporary Generative Art ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกของ Blockchain ซึ่งมูลค่าของงานศิลปะมีมูลค่าตลาดทั่วโลกรวมกว่า $ 18 Trillion (18 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) ข้อมูลจาก SOTHEBY’S จะเห็นได้ว่ามีการซื้อขายงานศิลปะแนว Contemporary Art และมีการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แสดงให้เห็นว่าตลาดนี้ยังสามารถเติบโตได้อีก
แล้วอะไรที่ทำให้ Art Blocks ประสบความสำเร็จหลักๆมีอยู่ 3 ข้อดังนี้
- มี Demand ของนักสะสมงานศิลปะเข้ามาซื้อผลงาน หรือ เห็นคุณค่าของงานศิลปะ เช่น การที่ Punk6529 ที่เป็นนักสะสมงาน NFT ชื่อดังซื้องานศิลปะ ช่วยให้งานศิลปะดูมีมูลค่ามากยิ่งขึ้น
- การจับมือร่วมกับบริษัทประมูลงานศิลปะชื่อดังอย่าง sotheby’s, christie’s ช่วยสร้าง awareness ให้กับงานศิลปะในรูปแบบ NFT กับนักสะสมทั่วไป จากการที่สื่อต่างๆนำไปพาดหัวข่าว
- มีศิลปินที่มีชื่อเสียงเข้ามาสร้างผลงานบน Art Blocks เช่น Tyler Hobbs, Dmitri Cherniak Matt Kane (ผู้สร้างผลงาน Gazers เป็นโปรเจกต์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากข้างขึ้นข้างแรมของพระจันทร์ หรือ Moon Phase) หรือแม้กระทั่ง Erick Calderon ก็มีผลงานบน Art Blocks ด้วยเช่นกัน
เพิ่มเติมจากข้อมูลของ okuha ยังมีการกล่าวถึงประโยชน์ของ Digital Art อีกด้วยว่า ช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรกับธุรกิจได้, สามารถใช้ Social media ทำให้คนทั่วไปสามารถเห็นผลงานได้ง่ายมากยิ่งขึ้น, อีกทั้งศิลปินยังได้รายได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย