ล่าสุด Kain Warwick Founder ของ Synthetix แพลตฟอร์มด้าน Decentralized synthetic assets (อ่านเพิ่มเติมใน “Synthetix” แพลตฟอร์มรุ่นบุกเบิกบน Optimism ที่จะทำให้ DeFi ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ) ได้ประกาศแผนการเปิดตัว “Infinex” Decentralized Perpetual Exchange โดยมุ่งเป้าจะท้าชนกัน Binance Centralized Exchange (CEX) ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก
ให้ความสำคัญกับ User Experience เป็นอันดับแรก
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ CEX ยังมีผู้ใช้งานจำนวนมากแม้ต้องแลกกับความเป็นส่วนตัวและโอกาสที่เงินนั้นจะถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตแบบที่เกิดกับกรณีของ FTX นั้นก็คือ “ความสะดวกในการใช้งานและสภาพคล่องที่สูงมาก”
แม้ในช่วงหลังจะเริ่มมีกระแสการใช้ DeFi จากเหตุการณ์ Bankrun หรือ FTX ล้มไปนั้น แต่ก็ยังไม่มีจำนวนมากอย่างที่พลิกขั้วกันได้ Kain เข้าใจว่าถ้าจะยกระดับ DEX ขึ้นไปอีกขั้นจำเป็นต้องแก้ User experience ให้ดียิ่งขึ้น
Infinex จึงมีจุดเด่นดังนี้
- ไม่จำเป็นต้อง Sign Transaction ทุกครั้งที่ทำงาน
- Private key จะถูกเก็บไว้ใน Browser ของผู้ใช้ ทำให้การกดซื้อ-ขายแต่ละครั้งไม่ต้องยืนยันธุรกรรมอีกรอบ
- Private key นี้จะไม่มีสิทธิ์ในการถอนเงินของลูกค้าออก เพราะฉะนั้นจึงปลอดภัยระดับหนี่งจาก Virus บนคอมพิวเตอร์
- ใช้วิธีการยืนยันตนรูปแบบเดียวกับ CEX เช่น ID, Password, E-mail เป็นต้น
โครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมรับ Mass adoption
ในโลกของ Web3 ที่เราไม่ต้องการเชื่อใจในตัวกลางมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถใช้งานได้สะดวกขึ้นมาโดยตลอด ทั้งการแก้ปัญหาด้านความเร็วในการใช้ ค่าธรรมเนียมที่ถูกลงเรื่อยๆ จากการใช้ Scaling solution อย่าง Ethereum Layer 2 จนเราเริ่มเห็น DApp มากมายที่เริ่มตอบโจทย์ลูกค้าในกลุ่ม Mass มากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น Oku Decntralized Exchange ที่ได้รับ Grant จาก Uniswap Foundation จำนวน $1.6m ก็ใกล้จะเปิดตัวในเร็วๆนี้เช่นกัน
ในความคิดของ Kain มองว่า Layer 2 ในตอนนี้พัฒนาจนพร้อมที่จะให้บริการผู้ใช้งานได้ดีไม่ต่างอะไรกับ CEX แล้ว ซึ่งเห็นได้จาก Synthetix ที่เปิดใช้งานบน Optimism มีรายได้มากกว่า $60,000 ต่อวัน และ Lyra, Kwenta ที่เปิดบน Arbitrum และ Optimism ซึ่งเป็น Layer 2 ทั้งหมด
ความไม่แน่นอนของกฎหมาย
ปี 2023 น่าจะเป็นปีที่มรสุมจาก ก.ล.ต. สหรัฐ เข้าเล่นงานฝั่ง Cryptocurrency มากที่สุดแล้วก็ว่าได้ โดยในปีนี้มีทั้ง Kraken, Kucoin, Coinbase, Binance, Binance US, Bittrex และอื่นๆ ที่ได้รับข้อกล่าวจาก ก.ล.ต.สหรัฐ ในเรื่องต่างๆ ซึ่งไม่เคยจะอธิบายว่าสิ่งที่ถูกต้องนั้นต้องปฏิบัติอย่างไร
Infinex จะไม่มีส่วนไหนที่ ก.ล.ต. สหรัฐ จะสามารถเล่นงานได้ และจะคงความ Decentralized ให้มากที่สุดจากการใช้ $SNX เหรียญของ Synthetix เป็น Governance Token ที่ใช้ในการโหวตทิศทางของแพลตฟอร์ม การเพิ่ม Use case ให้ $SNX ในครั้งนี้จึงทำให้ราคาพุ่งขึ้น 25% ทันทีที่ข่าวออก หรือ 52% ภายในวัน ทำลายแนวต้าน $3 ได้ชั่วคราวก่อนราคาตกมารักษาระดับแถว $2.87
Stablecoin ที่ใช้ใน Infinex
Infinex จะใช้งาน sUSD ซึ่งเป็น Over-collateral stablecoin ของ Synthetix เป็นหลัก โดยผู้ที่มี USDT หรือ USDC สามารถเอามาค้ำเพื่อกู้ sUSD ไปใช้งานได้
รายได้ของ Infinex
มีรายได้จากการเก็บค่าธรรมเนียมเป็นหลัก ยกตัวอย่างเช่น
- Trading Fee
- integration fee จาก rewards program
- Fee จากการ Staking $SNX
- ค่า commissions จากการเทรดระหว่าง Synths Asset (Synthetix’s derivatives)
Waitlist
สำหรับผู้ที่สนใจใช้งานเป็นกลุ่มแรก สามารถ Join waitlist ไว้ได้ใน Link: https://infinex.io/
สรุป
ในตอนนี้เรายังไม่เห็นรายละเอียดของแพลตฟอร์มมากเท่าไหร่ รวมถึงวันที่เปิดตัวอีกด้วย ในส่วนที่เป็น Key feature หลักคือการใช้เพียง ID – Password และการเก็บ Private key ไว้บน Browser จะยังมีจุดอ่อนหรือไม่ ยังไม่มีรายละเอียดมากนัก แต่เรามองว่าการใช้งานของ DEX ในยุคหลังจากนี้จะตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้นจนแทบไม่มีความแตกต่างกับการใช้งาน CEX อย่าง Binance อีกเลย Kain เป็นนักพัฒนาที่เก่งและมีประสบการณ์ในการสร้าง Synthetix ให้ประสบความสำเร็จมาแล้ว เรามองว่าแพลตฟอร์มนี้จะเป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่น่าจับตามองอย่างแน่นอน
Author
-
A guy who loves crypto like Bitcoin and Ethereum. He's not the best writer, but his love for DeFi makes up for it. He's an easygoing guy who makes learning about crypto fun and easy.
View all posts