ช่วงเวลาประมาณตี 5 ของวันที่ 13 เมษายน 2566 จะเกิด “Shanghai Upgrade” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ชาว Ethereum กำลังจับตามองมากที่สุดในขณะนี้ ซึ่งการอัปเกรดนี้เป็นการที่เปิดฟังก์ชัน “การถอนเหรียญ ETH ที่อยู่ใน Beacon Chain ของ Ethereum” ซึ่งตอนนี้มี ETH อยู่กว่า 18 ล้านเหรียญ ทำให้หลายคนสงสัยว่า ETH จำนวนมหาศาลที่จะเปิดให้ถอนออกมาขายได้นั้นจะเป็นปัจจัยบวกหรือลบต่อราคา!?
ในบทความนี้จะอธิบายการทำงานของระบบการถอน Ethereum โดยมีทั้งแบบ Full Withdrawal และ Partial Withdrawal โดยละเอียดในแต่ละขั้นตอน พร้อมกันกับวิเคราะห์ Scenario ที่เป็นไปได้ทั้ง 3 รูปแบบ โดยจะทำให้นักลงทุนสามารถเข้าใจและวางแผนการลงทุนใน Ethereum ได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น
ขั้นตอนการถอน ETH ออกจาก Beacon Chain
มีด้วยกันทั้งหมด 6 ขั้นตอนด้วยกัน ดังนี้
1. กำหนดให้ Validator Node มี 34.01 ETH
ในการเป็น Validator Node ของ Ethereum สิ่งที่จำเป็นคือคอมพิวเตอร์หรือ Cloud service ที่ใช้ประมวลผล และ 32 ETH เพื่อใช้เป็นหลักประกันว่าในกรณีที่เราบันทึกธุรกรรมผลิดพลาดหรือตั้งใจโกง ระบบจะสามารถหัก ETH เป็นค่าปรับได้ (Slashing) โดยเมื่อเวลาผ่านไป รายได้จาก Attestation Rewards และ Block Subsidy จะทยอยสะสมจนทำให้เรามี ETH มากกว่า 32 ETH อย่างในขณะที่เขียนนั้นมี 566,192 Validator Node และ 34.01 ETH โดยเฉลี่ย
2. เปลี่ยน Withdrawal Credential เป็น 0x01
สำหรับ Validator Node ทั่วไปที่ไม่ได้มีการเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยน Withdrawal Credential รหัสจะยังเป็น “0x00” อยู่ ซึ่งถ้าเราต้องการถอน ETH ออกไม่ว่าจะเป็นแค่ส่วน Reward ที่ได้เท่านั้นหรือว่าออกทั้ง Validator Node สิ่งที่จำเป็นต้องทำเป็นอันดับแรกคือการเปลี่ยน Withdrawal Credential เป็นรหัส “0x01”
โดยขั้นตอนนั้นเป็น “การทำเพียงครั้งเดียว” และ “ไม่สามารถย้อนกลับได้” ตามปกติแล้ว Node ทุกคนจะต้องเปลี่ยนเพราะการที่เก็บ Reward ที่ได้จากการเป็น Validator Node ไว้นั้นไม่ได้ช่วยให้มีรายได้สูงขึ้น และการเปลี่ยนก็ไม่มีค่าธรรมเนียมอีกด้วย ตามข้อมูลของ Beaconcha.in ในตอนนี้มี 322,404 Node หรือ 57% ที่ยังไม่เปลี่ยนเป็น 0x01
ซึ่งการเปลี่ยนนั้นมีการจำกัดในแต่ละ Slot (Block) คือ 16 Operation หรือคิดเป็น 115,200 Node ต่อวัน
หากสถานการณ์เป็นดังรูปนี้ จะใช้เวลาไม่เกิน 3 วันตึงจะเปลี่ยนครบ โดยผู้เขียนยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าทำไมตอนนี้ กลุ่ม 0x00 ยังไม่เปลี่ยนเป็น 0x01 โดยอาจเริ่มทำหลัง Shanghai Upgrade เสร็จสิ้นทีเดียวก็เป็นได้
3. เลือกรูปแบบการถอนทั้งหมด (Full) หรือบางส่วน (Partial)
3.1) Full Withdrawal: เป็นการถอนทั้ง 32 ETH เริ่มต้นและ 2.01 ETH Reward ที่ได้รับจากการเป็นผู้บันทึกธุรกรรม ขั้นตอนนี้พิเศษตรงที่การถอนทั้งหมดนั้นต้องยื่น “Voluntary Exit” เข้าไปในระบบก่อน เพื่อชะลอการถอนให้เป็นไปแบบ Smooth มากยิ่งขึ้น โดย Limit การถอนต่อรอบนั้นจะขึ้นอยู่กับจำนวน Active Validator Node ในขณะนั้น หารด้วย 65,536 แล้วปัดเศษลง หรือขั้นต่ำที่ 4 Node ต่อ Epoch เรียกว่า Churn Limit
Churn Limit = Max[4,(Active Validator/65,536)] per Epoch
Churn Limit = 566,192/65,536 = 8.6 = 8 Node per Epoch
หรือคำนวณง่ายๆว่าทุกๆ 65,536 Node Churn Limit จะขึ้นทีละ 1 Node Per Epoch ก็ได้เช่นกัน โดยผู้เขียนทำเป็นตารางคำนวณเป็นต่อวันได้ดังนี้
จำนวน Active Validator Node | Churn Limit | จำนวน Node ที่ยื่น Voluntary Exit ได้ต่อวัน |
0 – 327,679 | 4 | 900 |
327,580 – 393,215 | 5 | 1,125 |
393,216 – 458,751 | 6 | 1,350 |
458,752 – 524,287 | 7 | 1,575 |
524,288 – 589,823 | 8 | 1,800 |
589,824 – 655,359 | 9 | 2,025 |
655,360 – 720,895 | 10 | 2,250 |
ซึ่งระบบ Voluntary Exit เป็นแบบ First in, First out ดังนั้น ใครที่มาลงคิวก่อนก็จะได้ไปสู่ขั้นถัดไปเร็วกว่าคนอื่น
3.2) Partial Withdrawal: เป็นการถอน Reward ที่ได้จากการบันทึกธุรกรรม ซึ่งตอนนี้ได้กันเฉลี่ยอยู่ที่ 2.01 ETH ซึ่งการถอนนั้น “ไม่จำเป็นต้องยื่น Volumtary Exit” เพียงแค่เรามี Withdrawal Credectial เป็น 0x01 และมี Balance มากกว่า 32 ETH เท่านั้น ก็จะไปสู่ขั้นถัดไปได้
4. ระบบตรวจความดี (เฉพาะ Full withdrawal)
ขั้นตอนนี้เป็นการตรวจสอบว่า Validator Node ที่เราทำงานมานั้นมีประวัติที่เสื่อมเสียหรือไม่
- ไม่เคยทำผิด: รอ 256 Epoch หรือ 27.3 ชั่วโมง เพื่อไปสู่ขั้นตอนถัดไปในการถอน
- เคยทำผิด: หรือการโดน Slashing มาก่อน จะต้องรอ 8,192 Epoch หรือ 36.4 วัน เพื่อไปสู่ขั้นตอนถัดไปในการถอน
วิธีการนี้ป้องกันกรณีที่ Validator Node ได้คำนวณแล้วว่าการโจมตีระบบเพื่อได้กำไรนั้นมากกว่า Slashing ที่ต้องเสีย แต่ขั้นตอนนี้จะเพิ่มเรื่องการ Delay ที่นานเกิน 1 เดือนเพื่อลดแรงจูงใจของ Validator Node ให้ไม่ทำพฤติกรรมที่เสื่อมเสียแก่ Blockchain
5. ขั้นตอนการถอน ETH (Withdrawal Process)
ขั้นตอนนี้จะมี Limit การถอน ETH ออกคงที่ที่ 16 Validator Node ต่อ 1 Slot (12 วินาที) หรือ 115,200 Validator Node ต่อวัน โดยที่ไม่สนว่า Node ที่ได้รับการคัดเลือกมานั้นต้องการถอนแบบ Full หรือ Partial Withdrawal ทำให้ไม่สามารถคำนวณเป็นจำนวน ETH ที่ออกไปได้เป๊ะในแต่ละรอบ แต่เราสามารถคำนวณ Maximum ได้ดังนี้
5.1) Full withdrawal: 61,218 ETH เพราะติด Voluntary Exit ที่ออกมาได้ 1,800 Node ต่อวัน แม้ว่า Withdrawal Process จะรับได้มากกว่านั้นก็ตาม (1,800 x 34.01 ETH)
5.2) Partial withdrawal: 231,552 ETH เป็นจำนวนที่สูงสุด (115,200 x 2.01 ETH) แต่ในทางปฏิบัติจะน้อยกว่านี้เพราะมีกลุ่ม Full Withdrawal มาแทรกด้วย
6. ถอนเสร็จสิ้น และ Auto Sweep
เมื่อถึงคิวที่กำหนด ETH ของเราก็จะถอนออกมาตามที่ได้ยื่นไว้ สิ่งที่พิเศษอย่างหนึ่งคือการถอนทั้งหมดไม่มีการใช้ Gas เลย (Gasless) และในทุกๆ 2-5 วัน ระบบจะทำการ Partial Withdrawal ให้เราโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะเหมือนกับการย้อนไปตรวจสอบขั้นตอนที่ 4) ระบบตรวจความดี และ 5) Withdrawal Process ใหม่อีกรอบ
วิเคราะห์แรงเทขาย ETH หลัง Shanghai Upgrade
หลังจากที่เราได้เข้าใจการทำงานของ Ethereum Withdrawal Process ทั้งหมดแล้ว ในหัวข้อนี้จะเป็นการสร้าง Simulation จำลองเหตุการณ์จริงว่าจะมี ETH ถอนออกเท่าไหร่และจะส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างไร
โดยสมมติฐานที่เราตั้งมีดังนี้
- Kraken หยุดให้บริการ Staking Service แก่ชาวสหรัฐ และจะกล่าวว่าทันทีที่ Shanghai Upgrade เสร็จสิ้น จะถอนแล้วคืนให้แก่ลูกค้า: ทำให้ 1,247,424 ETH ที่ Stake ผ่าน Kraken จะเข้าขั้นตอน Full Withdrawal ทั้งหมด
- Celsius ประกาศล้มละลายตามมาตร 11 ทำให้ 158,272 ETH ที่ฝากผ่าน Celsius จะต้องถอนออกหลังทันทีที่ทำได้เช่นกัน
- Centralized Exchange อื่นๆที่มี Staking Service เช่นเดียวกันจะมีกี่เปอร์เซ็นที่ลูกค้าเหล่านั้นจะยื่นถอนออก โดยเราจะให้หัวข้อนี้ปรับเปลี่ยนตัวเลข % ตาม Scenario
- ส่วนอื่นนอกจาก CEX เช่น Liquid Staking, Staking Pool และ Solo Staker จะมีจำนวนกี่เปอร์เซ็นที่เลือกที่จะถอนออก โดยเราจะเปิดให้ปรับตาม Scenario เช่นกัน
*Disclaimer: ทุกอย่างในการคำนวณนี้ใช้ข้อมูลวันที่ 10 เมษายน 2023
*ตัวเลขต่างๆที่เกิดขึ้นจะเป็นค่าเฉลี่ยเท่านั้น เช่น ทุก Node มีรายได้ 2.01 ETH เท่ากันหมด และไม่มีใครโดน Slashing ซึ่งตามความเป็นจริงจะมีต่างกันหรือเคยโดน Slashing ก็เป็นไปได้
*กำหนดให้ทุก Node เปลี่ยน Withdrawal Credential เป็น 0x01 ทั้งหมดเพื่อง่ายต่อการคำนวณ
*กำหนดให้ ETH ที่ถอนออกทั้งหมดนั้นเลือกเทขายที่ราคาตลาดทันที
Scenario 1: Base Case
- Full withdrawal
- Kraken และ Celsius ถอนออกทั้งหมด
- 10% ของ CEX อื่นๆนอกจาก Kraken เพราะคิดว่าจะมีนักลงทุนบางส่วนเลือกถอนออกไปยัง Liquid Staking ที่ไม่มีความเสี่ยงด้าน Regulator ควบคุมหรืออาจขายทิ้งก็ได้
- 10% ของ Validator Node อื่นที่ไม่ใช่ CEX เช่น Staking Pool, Liquid Staking และ Solo โดยที่ตัวเลขนี้ผู้เขียนคิดว่าเป็นเลขที่ไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป
- ให้กลุ่มนี้สามารถผ่าน Voluntary Exit และ Withdrawal Process 1,800 Node ได้ทั้งหมด
- Partial Withdrawal
- จำนวน ETH จะคิดจากการนำจำนวน Node ทั้งหมด ลบ Full withdrawal Node เพื่อดูว่ามีเหลืออีกกี่ Node ที่จะถูก Partial Withdrawal โดยอัตโนมัติ แล้วนำไปคูณ 2.01 ETH เพื่อได้ ETH ทั้งหมดที่จะถอนผ่านช่องทางนี้
- 113,400 Node ในช่วงแรก เพราะนำ Validator Node ทั้งหมดที่ทำได้ 115,200 ลบ 1,800 Full withdrawal Node แล้วคูณกับ 2.01 ETH คิดเป็น 227,934 ETH ต่อวัน แล้วตัดออกเรื่อยๆจนครบ
โดยสรุปแล้ว จะมี 4,017,885 ETH ($7.2b) เตรียมถอนออกภายใน 51 วัน โดยแบ่งเป็นวันได้ดังนี้
- วันที่ 1-4: ถอน 289k ETH หรือ $520m
- วันที่ 5: ถอน 94k ETH หรือ $170m
- วันที่ 6-50: ถอน 61k ETH หรือ $110m
- วันที่ 51: ถอน 11.9k ETH หรือ $21.5m
Scenario 2: Best Case
- Full withdrawal
- Kraken และ Celsius ถอนออก 50% เพราะคนที่ไม่ใช่ชาวสหรัฐอาจจะเลือกที่จะใช้งานต่อและลูกค้าที่จะซื้อ Celsius อาจยังไม่ต้องการขาย
- 2% ของ CEX อื่นๆ นอกจาก Kraken เพราะหลายเจ้าแม้จะมีการฟ้องร้องจากหน่วยงานสหรัฐ แต่คำฟ้องนั้นต้องอาศัยการตีความนานมากและอาจทำเพื่อการเมือง เราจึงคิดว่าตัวเลขระดับบนี้สามารถเป็นไปได้ในกรณีที่ดีที่สุด
- 2% ของ Validator Node อื่นที่ไม่ใช่ CEX เพราะจากการสังเกต พบว่า Voluntary Exit มีน้อยไม่ถึง 0.5% ในขณะที่เขียน และ Withdrawal Credential ที่ยังไม่เปลี่ยนไม่ถึงครึ่ง จึงมีแนวโน้มว่าลูกค้าหลายเจ้าอาจจะยังเลือกอยู่ต่อ
- ให้กลุ่มนี้สามารถผ่าน Voluntary Exit และ Withdrawal Process 1,800 Node ได้ทั้งหมด
- Partial Withdrawal
- จำนวน ETH จะคิดจากการนำจำนวน Node ทั้งหมด ลบ Full withdrawal Node เพื่อดูว่ามีเหลืออีกกี่ Node ที่จะถูก Partial Withdrawal โดยอัตโนมัติ แล้วนำไปคูณ 2.01 ETH เพื่อได้ ETH ทั้งหมดที่จะถอนผ่านช่องทางนี้
- 113,400 Node ในช่วงแรก เพราะนำ Validator Node ทั้งหมดที่ทำได้ 115,200 ลบ 1,800 Full withdrawal Node แล้วคูณกับ 2.01 ETH คิดเป็น 227,934 ETH ต่อวัน แล้วตัดออกเรื่อยๆจนครบ
โดยสรุปแล้ว จะมี 2,122,408 ETH ($3.82b) เตรียมถอนออกภายใน 18 วัน โดยแบ่งเป็นวันได้ดังนี้
- วันที่ 1-4: ถอน 289k ETH หรือ $520m
- วันที่ 5: ถอน 221k ETH หรือ $398m
- วันที่ 6-17: ถอน 61k ETH หรือ $110m
- วันที่ 18: ถอน 9.63k ETH หรือ $17m
Scenario 3: Worst Case
- Full withdrawal
- Kraken และ Celsius ถอนออกทั้งหมด
- 40% ของ CEX อื่นๆ เพราะถ้า Coinbase และ Binance คิดเป็น 88% ของกลุ่ม CEX หากตัด Kraken ออกไปแล้ว เราเราคิดว่าสมมติฐานที่ให้ครึ่งหนึ่งของกลุ่มนี้ออกจะเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างเหมาะสมที่สุดหากเกิดกรณีที่เลวร้าย
- 40% ของ Validator Node อื่นที่ไม่ใช่ CEX เพราะคิดจากสัดส่วน Validator Node ในตอนนี้ที่ยังมีกำไรคือประมาณ 40% จึงใช้ตัวเลขแทนการถอนออกแล้วเทขายทั้งหมด
- ให้กลุ่มนี้สามารถผ่าน Voluntary Exit และ Withdrawal Process 1,800 Node ได้ทั้งหมด
- Partial Withdrawal
- จำนวน ETH จะคิดจากการนำจำนวน Node ทั้งหมด ลบ Full withdrawal Node เพื่อดูว่ามีเหลืออีกกี่ Node ที่จะถูก Partial Withdrawal โดยอัตโนมัติ แล้วนำไปคูณ 2.01 ETH เพื่อได้ ETH ทั้งหมดที่จะถอนผ่านช่องทางนี้
- 113,400 Node ในช่วงแรก เพราะนำ Validator Node ทั้งหมดที่ทำได้ 115,200 ลบ 1,800 Full withdrawal Node แล้วคูณกับ 2.01 ETH คิดเป็น 227,934 ETH ต่อวัน แล้วตัดออกเรื่อยๆจนครบ
โดยสรุปแล้ว จะมี 8,705,201 ETH ($15.67b) เตรียมถอนออกภายใน 132 วัน โดยแบ่งเป็นวันได้ดังนี้
- วันที่ 1-2: ถอน 289k ETH หรือ $520m
- วันที่ 3: ถอน 236k ETH หรือ $425m
- วันที่ 4-131: ถอน 61k ETH หรือ $110m
- วันที่ 132: ถอน 54k ETH หรือ $98m
*Current Scenario: ใช้ตัวเลขในปัจจุบันที่น้อยกว่าคาดการณ์
ตัวเลขทั้ง 3 Scenario นั้นเราตีความให้ Withdrawal Credential เปลี่ยนเป็น 0x01 เพื่อให้ง่ายในการคำนวณ และใช้สัดส่วน Voluntary Exit ตามสมมติฐานที่คิดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันนั้นทั้ง 2 ตัวเลขเป็นอย่างไร และจะมีผลอย่างไรถ้าตัวเลขคงที่เท่านั้น
- Withdrawal Credential ที่พร้อมถอน Full หรือ Partial Withdrawal มีเพียง 43% เท่านั้น
- ตัวเลขที่น้อยอาจมาจาก ETH Maxi ที่ไม่คิดจะถอน, สถาบันใหญ่ๆ อย่าง CEX (Kraken, Celsius) และคนที่ต้องการดู Shanghai Upgrade เสร็จสิ้นจึงค่อยเปลี่ยนเป็น 0x01
- หากตัวเลขยังคงอยู่เท่านี้ จะทำให้ “Full และ Partial Withdrawal ลดลงครึ่งหนึ่งใน Base Case”
- Voluntary Exit ที่พร้อมถอน Full Withdrawal มีเพียง 3,582 Node หรือคิดเป็น 0.6% ของ Validator Node ทั้งหมดเท่านั้น
- โดยเรา Cross check ข้อมูลกับ Glassnode ก็ได้จำนวน Voluntary Exit ที่ใกล้เคียงกัน
- ตัวเลขนี้ดีกว่ากรณี Best Case ที่เราทำนายไว้ที่ 2%
หากนำทั้งสองกรณีนี้มาแทนในสถานการณ์จริงในช่วงแรกจะมีเพียง
- Full Withdrawal: 1,464 Node (49,791 ETH)
- Partial Withdrawal: 242538 Node (487,501 ETH)
- รวมเป็น 537,292 ETH เท่านั้นที่ต้องการปลดออก
- กินเวลาช่วงแรกที่มี Partial Withdrawal ไม่เกิน 5 วัน และ Full Withdrawal 1 วัน เท่านั้น
ราคา ETH จะกระทบมากแค่ไหน
แม้ว่าเราจะเห็นว่าในแต่ละ Scenario จะมี ETH ปลดออกมาตั้งแต่ $3.82b – $15.67b แต่การปล่อยออกมานั้นจะทยอยออกมาโดยในช่วงแรกจะเป็นช่วง 1-4 วันแรก ที่มี ETH ออกมามากที่สุดเนื่องจากมี Partial Withdrawal ออกมากด้วย แต่หลังจากนั้นก็จะมีการปลดที่คงที่ไม่เกิน $110m โดยตลอด
ดังนั้น การเปรียบเทียบการ ETH Volume ในแต่ละจะสามารถตรวจสอบได้ว่าตลาดมีสภาพคล่อง (Liquidity) เพียงพอรองรับหรือไม่
จากการเก็บข้อมูลย้อนหลังของ Yahoo พบว่า
- 1-Year Average Volume: $13.4b ต่อวัน
- 4-Month Average Volume: $7.77b ต่อวัน
- Current Volume: $9.3b ต่อวัน (ใช้เลขนี้ในการวิเคราะห์)
- Current ETH Total Supply: 120,457,776 ETH ($216.8b)(ใช้เลขนี้ในการวิเคราะห์)
การปลด ETH ในช่วง 1-4 วันแรก 289,152 ETH ($520m) คิดเป็น
- 5.59% ของ Daily Volume ในปัจจุบัน
- 0.24% ของ Total Supply
การปลด ETH ในช่วงที่มีแต่ Full Withdrawal: 61,218 ETH ($110m) คิดเป็น
- 1.18% ของ Daily Volume ในปัจจุบัน
- 0.05% ของ Total Supply
โดยสรุปแล้วในช่วงแรกที่มีการปลด ETH ออกมามากที่สุดคิดเป็นเพียง 5.59% ของ ETH Daily Volume ในแต่ละวัน เราคิดว่าปริมาณเท่านี้แม้ว่าจะไม่ใช่จำนวนที่น้อยแต่คิดว่าสภาพคล่องในตลาดสามารถซึบซับแรงเทขายปริมาณนี้เพียงพอ ยิ่งผ่านช่วง Partial Withdrawal ในครั้งนี้ไป หลังจากนี้ก็เป็นเพียง 1.18% ของสภาพคล่องในแต่ละวันซึ่งเราคาดการณ์ว่าตลาดจะซึบซับแรงขายนี้ได้
ETH ที่ปลดออกมาสามารถนำไปทำอะไรได้บ้าง
- Sell/Close position: เพราะว่าบางคนนั้นมีทั้งที่ได้ต้นทุนต่ำตั้งแต่ยุคปลายปี 2020 จึงสามารถขายเพื่อทำกำไรได้ และมีบางส่วนที่จำเป็นต้องขายเพื่อปิดหนี้ที่กู้มาบางส่วนก็เป็นไปได้เช่นกัน
- Re-staking: อาจมีบางคนที่ไม่สะดวกในการบริหาร Validator Node เอง จึงเลือกที่จะถอนออกมาให้ Liquid Staking Platform ดูแล แม้จะเสียค่าธรรมเนียมเล็กน้อยแต่แลกกับความสะดวกและสภาพคล่องที่สูงขึ้นก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ Validator Node คิดไว้เช่นกัน
- Normal Validator Node: ในส่วนของการถอน Partial Withdrawal เป็นเรื่องปกติของทุก Node เพราะการเก็บไว้ไม่ช่วยทำให้ได้รายได้สูงขึ้น อาจมีบางคนที่นำ 2.01 ETH นี้ไปรวมกับ ETH ที่ตัวเองมีแล้วตั้ง Node เพิ่มได้เช่นกัน
- Minipool Validator Node: สำหรับ Liquid Staking Platform อย่าง Rocket Pool (และ Stader ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม) จะมี Permissionless Minipool ซึ่งเปิดให้คนที่มีความพร้อมเรื่องการ Hardware/Software ในการตั้ง Node แต่ไม่มี ETH เพียงพอ (หรือคนที่ต้องการแตก Node) สามารถใช้เพียง 16 ETH ในการตั้ง Node ได้โดยจะยืมอีก 16 ETH จากคนที่ฝาก ETH ลงใน Rocket Pool การถอนออกเพื่อแบ่ง Node จะทำให้มีโอกาสได้รับคัดเลือกเป็นผู้บันทึกธุรกรรมและรับ Transaction Fee, MEV, และ Staking Reward สูงขึ้น
ดังนั้น ETH ที่ปลดออกมานั้นก็มีโอกาสที่จะนำไปใช้งานอย่างอื่นนอกจากการขายได้เช่นกัน จุดที่ควรสังเกตคือ Staking Ratio ของ Ethereum ในตอนนี้ที่ 15.01% เมื่อปลดออกมาแล้วจะยังคงรักษาระดับหรือว่ามี Ratio ที่เพิ่มขึ้นก็จะเป็นสัญญาณ Bullsih ที่ชัดเจนที่สุดว่าการปลดครั้งใหญ่นี้เป็น Bullish Unlock
Bull or Bear วิเคราะห์กราฟ ETH ก่อนอัปเกรด
ใน TF Day ETH ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปี 2022 และล่าสุดราคาได้มีการทำ Higher high อย่างต่อเนื่อง สิ่งที่น่าสนใจคือหากใช้ Fibonacci Retracement ในการหาแนวต้านที่สำคัญ จะพบว่ามีแนวต้านที่มีความสำคัญ 2 โซนคือ ระหว่างราคา $1967-$2009 และ $2125-$2350 ตามลำดับ
มุมมองที่ 1
แนวต้านแรกเป็นแนวที่มีนัยยะสำคัญและหลายคนจับตามองแนวนี้กันมาก ทำให้มองว่าสามารถเกิดแรงเทขายบางส่วนที่แนวต้านแรกและส่งผลให้ราคามีการย่อตัว หากมีการย่อตัวจริงมองว่าน่าจะเป็นการพักตัวในแนวโนมขาขึ้น ซึ่งมีโอกาสปรับตัวต่ำกว่า $1370 น้อย แต่หากหลุดแนวรับนี้ ราคาจะกลายเป็นขาลงทันที
มุมมองที่ 2
อีกกรณีหนึ่งหากราคาสามารถยืนเหนือโซนแนวต้านแรกได้มีความเป็นไปได้สูงที่จะสามารถขึ้นไปทำกรอบราคาใหม่ที่โซนบนของกราฟในกรอบราคา $2125-$2350
สำหรับใน TF 4 H ซึ่งเป็น subwave ของขาที่ขึ้นมาล่าสุดใน TF Day จะเห็นว่าราคายังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นเช่นเดียวกัน(ดูจากลูกศรสีเหลือง) อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องจับตามองใน TF นี้คือเส้นแนวรับสีชมพูทั้งสามเส้น โดยเฉพาะแนวแรกที่ราคา $1824 ว่าหลังจากราคาปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านแล้วหลุดแนวรับเหล่านี้ ราคาจะกลายเป็นขาลงใน TF 4 H และส่งผลให้ TF Day พักตัว ซึ่งแนวรับการพักตัวใน TF Day คือที่กรอบราคาสีส้มระหว่างโซนราคา $1740-$1760 และ $1500-$1670 ตามลำดับ
โดยสรุป มองว่าราคามีโอกาสไปทดสอบที่โซนราคา $1967-$2009 สูง หลังจากนั้นให้จับตามองว่าราคามีการปรับตัวหลุดแนวรับที่ $1824 หากหลุดมองว่า TF day อาจเกิดการพักตัวที่โซนราคา $1740-$1760 และ $1500-$1670 ตามลำดับ แต่ถ้าย่อตัวไม่หลุดแนว $1824 หรือไม่มีการย่อตัวราคามีโอกาสขึ้นไปทดสอบที่โซน $2125-$2350 ได้
ปัจจัยที่มีผลต่อราคา Ethereum
ปัจจัยบวก | ปัจจัยลบ |
Withdrawal mechanism ช่วยลดแรงขายและ Panic Sell | เกิดการ Sell on Fact |
นักลงทุนกล้าเป็น Validator Node มากยิ่งขึ้น | นักลงทุนต้องรีบไปปิดหนี้ (เช่น Celsius 158k ETH) |
ผลตอบแทนการเป็น Validator Node ประมาณ 5% ซึ่งสูงกว่า Lending หลายเจ้า | อาจมีการถอนไปลงทุนที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า |
Re-staking จะช่วยเพิ่มผลตอบแทนให้คนที่ Stake ETH สูงยิ่งขึ้น | อาจมี 1.2m ETH ส่วนเกินเทขายเพื่อลดความเสี่ยง |
นักลงทุน 50% ยังขาดทุน และ 60% ยังฝากใน LSD อยู่แล้วที่ขายได้ทันที | กฎหมายบังคับให้ Withdraw (เช่น 1.25m ETH Kraken) |
มีแรงซื้อสะสม ETH ตามปัจจัยพื้นฐานที่ดีมากขึ้น เช่น การเฟ้อที่น้อยลง, การพัฒนาในอนาคต, Staking Ratio ที่ต่ำ | อาจมีแรงเทขายตามปัจจัยมหภาค |
ยังมี 64% ที่ยังใช้ Withdrawal Credential แบบเดิม ทำให้ต้องมีการต่อคิวอีก 1 ชั้นหากต้องการ Withdraw | Withdrawal Death Spiral |
Asset บน Ethereum จะมีสภาพคล่องมากขึ้นทำให้มีโอกาสการเก็งกำไร | – |
โดยสรุปแล้ว เราคาดการณ์ว่า ETH ที่ปลดออกมาในครั้งนี้อาจจะมี Panic Sell ในช่วงแรกจากการเห็นจำนวน ETH ที่รอปลดออกมาจำนวนมาก แต่ในระยะยาวคนจะตระหนักได้เองว่าไม่มีอะไรน่ากลัวอย่างที่คิด และการปลด ETH ครั้งนี้จะเปิดทางให้กับพัฒนาการใหม่ๆ อย่าง Restaking Middleware และ EIP ต่างๆที่รออยู่ใน Roadmap ปีนี้ เช่น EIP-4844 เป็นต้น ดังนั้นหากปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคในตอนนี้หนุนตลาด เราอาจจะได้เห็น Bullrun ของ Ethereum บ้างก็ได้เช่นกัน
Authors
-
A guy who loves crypto like Bitcoin and Ethereum. He's not the best writer, but his love for DeFi makes up for it. He's an easygoing guy who makes learning about crypto fun and easy.
View all posts -
Researcher and Analyst at Cryptomind, 6th year Medical student at Chulalongkorn, Always busy finding that 100x Fantasy
View all posts