ยินดีต้อนรับเข้าสู่ตลาดหมีครับ แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ปีที่ง่ายดายเหมือนที่เคยเกิดขึ้น เมื่อเทียบกับในช่วงปี 2020-2021 แน่นอนว่ามีหลายคนที่เข้ามาในตลาดในช่วงตลาดกระทิงที่ผ่านมาและจากไปเมื่อตลาดหมีเกิดขึ้นซึ่งจริงๆก็ไม่ได้แปลกอะไรมากเมื่อเราคิดถึงวัฏจักรความโลกและความกลัวของนักลงทุนทั่วไป
ในปีที่แล้วทางบริษัทของเราได้ออกตัว Outlook 2022 เป็นการวิเคราะห์ตลาดซึ่งหลังจากการออก Outlook นั้นก็ได้เกิดเหตุการณ์มากมายที่ในบทวิเคราะห์ไม่ได้คาดไว้เพราะแม้ว่าเราจะคาดไว้ว่าจะมีปัจจัย Macro มากดดันตลาดอย่างแน่นอน แต่ก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเช่น สงครามยูเครน-รัสเซีย การล่มสลายของ Terra ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ Domino มากมายและยังตบท้ายด้วยการล่มสลายของ FTX อีกด้วยเราอาจจะพูดได้ว่าปีที่ผ่านมาเป็น 1 ปีที่แย่ที่สุดในวงการนับตั้งแต่เหตุการณ์ MT.Gox เลยก็ว่าได้
หนึ่งใน Feedback ที่ผมได้รับมาและฟังดูน่าสนใจคือการที่มีคนพูดว่า “ตลาดพังขนาดนี้ทำไมยังมีคนสนใจ Cryptocurrency กันอีกล่ะ” ซึ่งมันเป็นคำพูดที่น่าสนใจมากเลยในมุมมองของผม โดยส่วนตัวแล้วนี่ไม่ใช่ตลาดหมีครั้งแรกที่ผมเพิ่งเคยพบเจอ ผมเคยอยู่ในตลาดหมีช่วงปี 2018-2020 ที่กินระยะเวลาเกือบ 4 ปีมาก่อน
เมื่อเทียบช่วงเวลานั้นกับตอนนี้แม้ว่าในบางปีอาจจะไม่ได้เจอมรสุมเท่าตอนนี้ แต่โดยรวมแล้วมันก็ดูสิ้นหวังมากกว่าตอนนี้อยู่พอสมควรจากการที่หลายๆอย่างในโลก Cryptocurrency ในตอนนั้นไม่ได้มีอะไรที่จับต้องหรือเป็นชิ้นเป็นอันได้เมื่อเทียบกับตอนนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งเราแทบจะลืม Bitcoin ไปได้เลยครับแม้ว่ามันจะแข็งแกร่งที่สุดในบรรดา Cryptocurrency ทั้งหลายแต่มันกลับทำความเข้าใจได้ยากที่สุดในมุมมองคนคนทั่วไปที่คุ้นเคยกับระบบเศรษฐกิจเงินเฟ้อที่ตำราเศรษฐศาสตร์ทั้งหลายกล่าวว่ามันเป็นสิ่งที่ดีในขณะที่ค่าครองชีพไม่สามารถเติบโตเทียบกับเงินเฟ้อได้
Ethereum แพลตฟอร์มที่ให้ทุกคนมาสร้าง DApps บน Blockchain เป็นแนวคิดที่ผู้สนใจธุรกิจและนวัตกรรมเทคโนโลยีทั้งหลายนั้นค่อนข้างชื่นชอบก็เปรียบเสมือนกับห้างที่อนุญาตให้ร้านค้ามาเปิดมีการหารายได้หาค่าเช่า แต่กลับไม่มีร้านค้าหรือ App ไหนที่ทำให้ผู้คนอยากเข้าไปใช้บริการจนห้างแทบร้าง แนวคิดเดียวที่ดูเหมือนจะมีการใช้งานคือการระดมทุน ICO ที่เป็นกระแสร้อนแรงในช่วงหนึ่งที่มีอัตราล้มเหลวถึง 99% แต่เมื่อเรามาพูดถึง 2 ปีที่ผ่านมามันเป็นภาพที่แตกต่างกันออกไปมากเรามี NFT ที่แม้ว่าจะมีตลาดจะซบเซาแค่ไหนแต่งานศิลปะและประนำไปประยุกต์ใช้ใน Brand ก็เป็นแนวคิดที่ยากจะปฏิเสธได้ เรามี DeFi ที่กว่า 90% เป็นโปรเจกต์ต์ที่คัดลอกกันมากและทำการแจกเหรียญมั่วๆซั่วๆ แต่เรากลับมี DApps ที่สามารถทำฟังชั่นทางการเงินที่มีผู้ใช้งานจริงได้ แม้กระทั่ง bitcoin เองก็กลายเป็นสินทรัพย์ที่ระดับประเทศเล็กๆและบริษัทหลักทรัพย์ในอเมริกาซื้อไปเป็นสินทรัพย์
นี่เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าอุตสหกรรมนี้มาไกลแค่ไหนในขณะที่ย้อนไปเมื่อ 4-5 ปีก่อนเราอาจจะได้ยินคำว่า “ไม่มีประเทศไหนหรือคนสติดีคนไหนจะยอมรับ bitcoin หรอก” หรือแม้แต่คำพูดที่บอกว่า “Bitcoin คือแชร์ลูกโซ่” ทั้งๆที่ประเทศไทยเองมี พรก.สินทรัพย์ดิจิทัลออกมาตั้งแต่ปี 2018 ก็ตาม
“ในปี 2023 นี้ผมก็ยังเชื่อมั่นใน Cryptocurrency”
แน่นอนว่าผมไม่ได้กำลังบอกว่าให้คุณเอาเงินฝากหรือเงินเก็บทั้งชีวิตมาลง แต่ตั้งแต่ Cryptocurrency นั้นเกิดขึ้นมามันทำให้โลกของเรานั้นหลุดออกจากการปิดกั้นทางเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับเงินส่งผลให้เกิดการทดลองมากมาย ซึ่งการทดลองเหล่านั้นมีการทดลองมากมายล้มเหลวลงไปไม่ว่าจะด้วยความไม่ตั้งใจหรือแม้กระทั่งเรื่องราวที่หลอกลวงระดับโลกก็ตาม แต่อย่างน้อยมันทำให้เกิดความก้าวหน้า เราคงไม่เห็นอะไรมากมายในโลก Cryptocurrency ถ้าสุดท้ายเราต้องเดินไปหาหน่วยงานกำกับเพื่อเสนอในสิ่งที่พวกเขาไม่มีวันเข้าใจเพื่อให้พวกเขาบอกว่า “อย่าทำ”
มีคนเคยพูดไว้ว่าใน 1 ปีของโลก Crypto เท่ากับ 10 ปีของตลาดอื่นๆแต่มันไม่ใช่แค่เรื่องของราคามันคือเรื่องแนวคิดใหม่ๆที่เกิดขึ้นและเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่ผมได้เห็นสิ่งใหม่ในวงการนี้ในทุกๆปี
พีรพัฒน์ หาญคงแก้ว
CIO – Cryptomind Advisory
🎉 รับฟรีได้ทุกคน! เพียง Add LINE Official และทักเพื่อทำแบบสอบถามสั้น ๆ ใช้เวลาไม่เกิน 2 นาที แต่ได้ความรู้ข้อมูลลึกที่ไม่สามารถประเมินมูลค่าและหาที่ไหนไม่ได้!! 💥💥
* แจกฟรีเฉพาะผู้ที่ตอบแบบสอบถามภายในวันที่ 16 มี.ค. 66 เท่านั้น
** ทีมงานจะจัดส่ง E-book ให้ทางอีเมลของท่านทุกวันศุกร์จนหมดระยะเวลากิจกรรม