Search
Close this search box.

Cryptomind Monthly Outlook (December 2024)

Share :
Cover

Table of Contents

*ข้อมูลระหว่างวันที่ 15 พฤศจิกายน 2024 – 12 ธันวาคม 2024

สรุปข่าวเด่น

สถานการณ์ Bitcoin ETF Flow

Bitcoin ETF ในเดือนช่วงต้นเดือนธันวาคม 2024

ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาของ Bitcoin ได้ทำจุดสูงสุดใหม่ทะลุ $100,000 ซึ่งสาเหตุหนึ่งก็มาจากการที่เม็ดเงินของนักลงทุนสถาบันไหลเข้ามาผ่าน Spot Bitcoin ETF ทั้งนี้ มาจากปัจจัยบวกเรื่องความแน่ชัดในการกำกับดูแลอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีหลังจากที่ Donald Trump ชนะการเลือกตั้ง

หากพิจารณาจากข้อมูล On-Chain จะพบว่า ระหว่างทางที่ Bitcoin พุ่งขึ้นมาทำจุดสูงสุดใหม่นั้น ได้มีการลดลงของ Long-Term Holder Supply หรือปริมาณที่นักลงทุนระยะยาวถือ Bitcoin อย่างเห็นได้ชัด สะท้อนถึงการทำกำไรของนักลงทุนกลุ่มนี้ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบในแง่ลบต่อราคาแม้แต่น้อย เนื่องจากแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันยังไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ในฝั่งของ Spot Ethereum ETF พบว่า หลังจากการเลือกตั้งสหรัฐฯ เริ่มมีเม็ดเงินไหลเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ปัจจุบัน Net Inflow เป็นบวกสุทธิกว่า 2 พันล้านเหรียญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจุดเริ่มต้นของโมนเมนตัมที่ดี และมีแนวโน้มว่าจะเติบโตขึ้นอีกในอนาคต เนื่องจากนักลงทุนอาจจะมองว่ายังมี Upside อีกมากเมื่อเทียบกับเหรียญอื่นๆ

สถานการณ์ Ethereum ETF Flow

Ethereum ETF ในเดือนช่วงต้นเดือนธันวาคม 2024

ในฝั่งของ Spot Ethereum ETF พบว่า หลังจากการเลือกตั้งสหรัฐฯ เริ่มมีเม็ดเงินไหลเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ปัจจุบัน Net Inflow เป็นบวกสุทธิกว่า 2 พันล้านเหรียญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจุดเริ่มต้นของโมนเมนตัมที่ดี และมีแนวโน้มว่าจะเติบโตขึ้นอีกในอนาคต เนื่องจากนักลงทุนอาจจะมองว่ายังมี Upside อีกมากเมื่อเทียบกับเหรียญอื่นๆ

ค่าเงินบาท: Make US great again

ค่าเงินบาทแข็งตัวเล็กน้อย
หลังจากการชนะของ Trump ทำให้ ค่าเงินดอลล่าร์กลับมาแข็งด้วย นโยบายขึ้นกำแพงภาษี ซึ่งอาจจะทำให้ประเทศอื่นได้รับผลกระทบที่รุนแรงกว่า นักลงทุนจึงไหลเข้ามาซื้อพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐไว้เป็นที่พักเงิน 

มี 2 ปัจจัยคอยจับตามองดังนี้ 

1.นโยบายการคลังของ Scott Bressent : จับตามองถึงนโยบายหลังจากมานั่งตำแหน่ง เพื่อดูว่านโยบายไหนเริ่มดำเนินการก่อน ซึ่งจะมีผลอย่างรุนแรงต่อค่าเงิน US dollar อย่างมาก 

2.ตัวเลขเศรษฐกิจของไทยหลังจาก โดนกำแพงภาษี : ประเทศไทยก็อยู่ในประเทศที่จะโดนนโยบายกำแพงภาษีเช่นกัน ดังนั้นถ้าตัวเลขเศรษฐกิจออกมาไม่ดีมาก อาจจะทำให้ความน่าสนใจการลงทุนในประเทศลดลง 

Macroeconomics: December Core CPI

Core CPI MoM หรือ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในแต่ละเดือนได้มีการคงที่ที่ 0.3% เป็นเวลากว่า 4 เดือนที่ผ่านมา การคงที่ของ Core CPI แสดงให้เห็นถึงอัตราเงินเฟ้อที่กำลังคงที่อยู่ หรือกำลังลดลงอย่างช้า ๆ และอีกทั้งแสดงให้เห็นถึงการที่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้คุมอัตราเงินเฟ้อได้ ทำให้นักลงทุนต่างให้ความสนใจกับสินทรัพย์เสี่ยงต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มความมั่นใจในการลงทุนให้แก่นักลงทุนได้อีกด้วย

จากรูปด้านบนจะแสดงให้เห็นถึงตลาดที่มีผลตอบรับกับตัวเลขของ Core CPI โดยที่ตลาดคิดว่า FED จะลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 BPS หรือลงเหลือ 4.50% – 4.75% ในการประชุมวันที่ 18 ธันวาคม 2024 โดยที่มีโอกาสมากถึง 96.4% ในการลดอัตราดอกเบี้ย ฉะนั้นในปีนี้ FED จะลดอัตราดอกเบี้ยทั้งหมด 100 BPS (รวมรอบ 18 ธันวาคม) ตามที่ FED Dot Plot ที่ออกมาตอนต้นปี 2024 และปีหน้ามีการคาดการณ์ว่า FED จะลดอัตราดอกเบี้ยทั้งหมด 50 BPS 

สภาวะตลาด DeFi โดยรวม    

ในเดือนธันวาคม Sentiment ตลาดคริปโตฯยังเป็นบวกต่อเนื่อง ถึงแม้จะมีการ Flash Crash ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ตลาดก็กลับมาได้อย่างรวดเร็ว ทำให้นักวิเคราะห์ยังคงมุมมองว่าอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของ Altcoin Season (บทวิเคราะห์ในหน้าถัดไป) และรวมถึง DeFi จะได้รับผลประโยชน์ต่อเนื่อง

ภาวะตลาดส่งผลให้ TVL ของ DeFi ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 24% โดยเชนที่มีการเติบโตของ TVL สูงสุดคือ Ethereum และ Bitcoin สำหรับแพลตฟอร์มที่มีการปรับตัวของ TVL โดดเด่น ได้แก่ Hyperliquid, Morpho, Babylon และ Ethena ซึ่งมีอัตราการเติบโตราว 150%, 74%, 80% และ 90% ตามลำดับ

Hyperliquid ได้แจก Airdrop ให้กับผู้ใช้งานเมื่อวันที่ 29 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยสิ่งที่น่าสนใจคือปริมาณการใช้งานยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ Hyperliquid ยังเป็นเชนที่น่าจับตามอง เนื่องจากเตรียมเปิดตัวอัปเกรดสำคัญอย่าง HyperEVM ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2025

อีกกลุ่ม DeFi ที่น่าจับตามองคือ DeFi OG เช่น Aave ที่ Trump’s World Liberty Financial เพิ่มการลงทุน อีกตัวอย่างที่โดดเด่นคือ Curve ซึ่งสร้างรายได้เติบโตหลังจากเปิดตัว Saving Vaults ใหม่และโทเคน scrvUSD นอกจากนี้ Ethena ก็เป็นอีกแพลตฟอร์มที่ไม่ควรมองข้าม ด้วยผลตอบแทนจาก USDe สูงถึง 25% และมูลค่าตลาดของ USDe ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

ในที่สุดราคา Bitcoin ก็ทะลุ $100,000 ได้แล้ว มีความเสี่ยงอะไรที่เราต้องระวัง?

ดูเหมือนจะจริงอย่างที่ใครเขาว่าที่ราคาเป็นหนึ่งในเครื่องมือทาง Marketing ที่ดีที่สุดในโลกคริปโตฯ เพราะเมื่อราคา Bitcoin ทะลุ $100,000 ได้ก็มีความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างล้นเหลือ ซึ่งในช่วงเดือนที่ผ่านมา สิ่งที่ถูกพูดถึงเกี่ยวกับ Bitcoin มากอันดับต้นๆ คือเรื่อง

  • “BITCOIN Act of 2024″ เพื่อให้สหรัฐซื้อ 1,000,000 BTC ภายใน 5 ปี มาเป็น Strategic Reserve
  • การให้การยอมรับของ Jerome Powell ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ออกมาพูดว่า “Bitcoin ไม่ได้เป็นปฏิปักษ์กับดอลลาร์ แต่เป็นคู่แข่งของทองคำมากกว่า”
  • Vladimir Putin ประธานาธิปดีของรัสเซียที่ออกมาพูดว่า “ไม่มีใครสามารถแบน Bitcoin ได้หรอก”
  • และที่สำคัญที่สุดคือการที่ Microstrategy เข้าซื้อ Bitcoin จำนวน 122,680 BTC มูลค่ากว่า 11,500 ล้านดอลลาร์ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา

ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ส่งเสริม Bitcoin ในเชิงบวกได้อย่างดีแต่มีสิ่งหนึ่งที่น่ากังวลก็คือการเข้าซื้อ Bitcoin ของ Microstrategy ที่เป็นเหมือนดาบสองคมเพราะการเข้าซื้อ Bitcoin ของ Microstrategy ไม่ได้ซื้อในวิธีปกติ แต่มีการใช้เครื่องมือทางการเงินมากมายเข้ามาช่วยในการ Leverage เพื่อเพิ่ม Bitcoin ที่บริษัทถือ

Microstrategy หาเงินจากไหนมาซื้อ BTC ?

MSTR หาเงินสดหลัๆ มาจากการออกหุ้นกู้แปลงสภาพแบบไม่มีดอกเบี้ย (0% Convertible Bonds with Conversion Premium) คนที่ลงทุนซื้อหุ้นกู้ของ MSTR จะต้องคาดหวังให้ราคาหุ้นของ MSTR ขึ้นต่อไปเรื่อยๆ จนมากกว่า Premium ของหุ้นกู้ถึงจะได้กำไร แต่ถ้าไม่กำไร เต็มที่ก็แค่เท่าทุน เพราะสามารถเอาเงินคืนได้เหมือนครบสัญญา ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ดีเพราะเต็มที่ก็แค่เท่าทุน ไม่มีขาดทุน แต่ความเสี่ยงคือ

1. Regulatory Risk : SEC สามารถห้ามไม่ให้ MSTR ออกหุ้นกู้เช่นนี้ได้อีก

2. Custodian Risk : บริษัทที่เก็บ BTC ให้ MSTR โกง หรือโดนแฮค

3. Key Man Risk : Michael Saylor เสียชีวิตหรือโดนจับ ส่งผลต่อราคาหุ้นและความมั่นคงของบริษัท

4. Competition Risk : บริษัทอื่น ๆ ทำเลียนแบบ ราคาหุ้น MSTR อาจตกหนัก เพราะมีตัวเลือกอื่น ๆ เพิ่มขึ้น

“วงล้อแบบนี้จะหมุนต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าคนในตลาดจะบอกว่าพอแล้ว หยุดได้แล้ว” ซึ่งเมื่อวันนั้นมาถึง ก็อาจจะทำให้ MSTR จำเป็นจะต้องขาย BTC ออกมา และบริษัทที่เคยบอกว่าจะไม่มีวันขาย BTC อย่างแน่นอน กลับจำเป็นต้องขายมันออกมา มันก็คงจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดอย่างแน่นอน

พีค Alt Season คาดว่าจะมาช่วงไหน?

ตลาดคริปโตฯเริ่มส่งสัญญาณบวกต่อเนื่อง นักวิเคราะห์หลายคนจับตามองว่า Bull Market อาจอยู่ใกล้กว่าที่คิด โดยนอกจาก Bitcoin แล้ว เราเริ่มเห็นว่าเหล่า Altcoins เริ่มมีแรงซื้อเข้ามามากขึ้น ทำให้หลายๆตัวราคาเพิ่มขึ้นมาพอสมควร ดังนั้น อาจถึงเวลาที่เหมาะสมที่เราจะไปดูว่ามี Indicator ที่สามารถใช้ดูได้ว่า จุดพีคของ Alt Season จะมาถึงเมื่อไหร่

Indicator ที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ให้น้ำหนัก เช่น

  • Bitcoin Dominance & TOTAL3: ใน Cycle ที่ผ่านมา Alt Season จะเริ่มต้นในช่วงที่ BTC Dominance หักหัวลง ในขณะที่ TOTAL3 พุ่งขึ้น ประมาณ 237-238 วันหลังจาก Halving หมายถึงว่าหลางเดือนธันวาคมนี้เราเข้าสู่ Alt Season แล้ว
  • Altcoin Season Index: หรือจะใช้ Altcoin Season Index ที่เป็นดัชนีวัด Performance เหรียญ Top 50 เทียบกับ Bitcoin ซึ่งจะเข้า Alt Season ตัวเลขจะอยู่ที่ 75 โดยตอนนี้ค่าอยู่ที่ 71 แสดงว่าอยู่ในจุดที่ใกล้มากแล้ว
  • Stablecoin Liquidity: เนื่องจาก Stablecoin สามารถไหลไปสู่ Altcoin ได้โดยตรง โดยที่ Stablecoin Mcap เพิ่งทะลุ 200,000 ล้านดอลลาร์ไป ถือเป็นระดับ All-time High อาจหมายถึงว่า Alt จะสามารถวิ่งได้อีกมาก

นอกจาก Indicator ที่กล่าวไป เรายังสามารถดูอย่างอื่นประกอบได้ เช่น ETH/BTC MRV, 200 Day Maving Average หรือสัญญาณด้านเทคนิคอื่นๆ  

ซึ่งถ้าดูจาก Indicator ที่ยกตัวอย่างประกอบกันแล้ว อาจเป็นการบ่งบอกว่าเราอาจกำลังอยู่ใน Alt Season แล้ว และตามสถิติ Alt Season จะมีเวลาราว 126 วัน ดังนั้นคาดว่าอาจจะสิ้นสุดลงในช่วงประมาณปลายเดือนมีนาคม 2025 อย่างไรก็ตาม อาจมีหลายปัจจัยที่ทำให้คลาดเคลื่อนได้ จึงควรติดตามสัญญาณต่างๆอย่างใกล้ชิด

Sector ไหนที่ Outperform ในช่วงที่ผ่านมา

ในช่วงเดือนที่ผ่านมา หลังจากที่ราคา Bitcoin Outperform แล้ว เรายังได้เห็น Altcoin หลาย Sector ที่สร้างผลตอบแทนเหนือกว่าตลาดโดยรวม 

จากข้อมูลจาก Artemis ในภาพด้านซ้าย แสดงให้เห็นว่า Sector ที่มีการ Outperform ในเดือนที่ผ่านมา ได้แก่ Centralized Exchanges ซึ่งสร้างผลตอบแทนสูงสุดที่ 132.5% ตามด้วย Store of Value ที่ 94.7%, RWA ที่ 91.9%, Staking Service ที่ 83.1% และ Oracle ที่ 78.9% ตามลำดับ 

สำหรับตัวอย่างเหรียญของแต่ละ Sector (นับเฉพาะตัวในตลาดหลัก ที่ List บน CEX ใหญ่ และอยู่ใน Top 100 MCap) สามอันดับแรกที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด มีดังนี้

  • Centralized Exchanges: BNB, BGB
  • Store of Value: XRP, XMR, DASH
  • RWA: ONDO, CPOOL, OM
  • Staking Service: RPL, LDO, JTO
  • Oracle: LINK, BAND

เหรียญเหล่านี้เป็นตัวที่ให้ผลตอบแทนดีในช่วงที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นจากนักลงทุนมากกว่าเหรียญอื่น ๆ ซึ่งนักลงทุนอาจใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาและวิเคราะห์เหรียญที่จะลงทุนต่อไปได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเหรียญเหล่านี้จะยังคงสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่องในอนาคต

เปรียบเทียบผลตอบแทนระหว่างพันธบัตรระยะสั้นและการฟาร์ม Stablecoin  

ผลตอบแทนที่ได้จากพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นสหรัฐ (Treasury Bills) แบบระยะสั้น 3 เดือน ที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่มีสภาพคล่องและผลตอบแทนสูง ยังคงมีผลตอบแทนลดลงจากเดือนที่ผ่านมา มีสาเหตุมาจากความไม่แน่นอนต่อสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐและความกังวลเกี่ยวกับ Recession ตอนนี้อยู่เฉลี่ยปีละ 4.29% ส่วนผลตอบแทนจากการฟาร์มหรือปล่อยกู้ Stablecoin บนแพลตฟอร์มต่างๆให้ผลตอบแทนอยู่พุ่งขึ้นมาพอสมควรเมือเทียบกับทั้งปี 2024 โดยตอนนี้ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 15%

ซึ่งผลตอบแทนฟาร์มและปล่อยกู้ Stablecoin ในเดือนธันวาคมก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากการที่ตลาดคริปโตได้รับความสนใจมากทั้งจากนโยบายสนับสนุนคริปโตของ Donald Trump และ จากราคาเหรียญอย่าง BTC ที่ขึ้นไปถึง $100,000 ได้

เปรียบเทียบผลตอบแทน DeFi Farming บนบล็อกเชนต่างๆ  

สภาวะตลาด NFT

  • เดือนที่ผ่านมาเป็นเดือนที่ Volume ฝั่ง Ethereum เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตามมาด้วย Bitcoin ที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน ในทางกลับกัน ฝั่ง Solana มี Volume ที่ลดลงอยู่บ้าง และ Polygon ยังคงอยู่ในจุดที่ยังไม่ฟื้นตัวขึ้นมา
  • ในด้านจำนวนผู้ซื้อขาย NFT Solana ยังคงเป็นอันดับ 1 สื่อถึงจำนวนคนใช้งานที่อยู่บนฝั่ง Solana มากกว่า
  • ในเดือนนี้ Collection ใหญ่ๆในฝั่ง Ethereum มีการเติบโตขึ้นอย่างชัดเจน จากราคาของ Ethereum ที่เริ่มฟื้นตัว รวมไปถึงหลากหลายข่าวที่ทำให้คนกลับมาเก็งการถือ NFT ไม่ว่าจะเป็น การเก็ง Airdrop Opensea หรือ Abstract chain

Top 5 Volume Projects (Collectible NFT)

Pudgy ปล่อย Airdrop Token บน Solana

Pudgy Penguins เป็น NFT Collection ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาอย่างดี ทำให้เกิดการเติบโตอย่างมหาศาล มี Market Cap ที่ใหญ่ขึ้นกว่า Bored Ape ที่เคยครองอันดับต้นๆในแวดวง NFT มาอย่างยาวนาน

ล่าสุด Pudgy Penguins มีการประกาศ Airdrop ให้กับคนในหลากหลายเกณฑ์ สิ่งที่คนถกเถียงกันมากที่สุดคือการ Airdrop เหรียญบนฝั่ง Solana ทั้งๆที่ Pudgy Penguin หลักอยู่บน Ethereum และมีการพัฒนาเชน Abstract เองอยู่ ไม่แน่ว่า การ Airdrop บนฝั่ง Solana จะเป็นแผนการตลาดในการดึงคนจากหลากหลายฝั่งให้เข้ามารู้จักกับ Pudgy Penguins

Authors

Share :
Related
Ethena และ USDe กับยุคใหม่ของ Stablecoin
Cryptomind Research Investment Outlook 2025
Crypto AI Agent ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน
NFT กลับมาแล้ว ?