*ข้อมูลระหว่างวันที่ 17 ตุลาคม 2024 – 11 พฤศจิกายน 2024
สรุปข่าวเด่น
สถานการณ์ Bitcoin ETF Flow
Bitcoin ETF ในเดือนช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2024
ก่อนเหตุการณ์การเลือกตั้งของสหรัฐฯ ที่นักลงทุนทั่วโลกจับตามอง นักลงทุนสถาบันได้มีการเทขาย Spot Bitcoin ETF ออก เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ Donald Trump ชนะการเลือกตั้งของสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการแล้ว บวกกับการลดอัตราดอกเบี้ยของ FED อีก 25 BPS ตามที่ตลาดคาดการณ์ ทำให้ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีได้รับ 2 ปัจจัยบวกที่เรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมา จนเห็นเป็นยอด Inflow ของ Spot Bitcoin ETF จนทำให้มูลค่าทั้งหมดใน ETF แซงหน้ามูลค่า ETF ของทองคำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเม็ดเงินทั้งหมดนี้ ไหลเข้ามาภายในระยะเวลาน้อยกว่า 1 ปี แสดงถึงความสนใจของโลกการเงินแบบดั้งเดิมที่มีต่อ Bitcoin อย่างล้นหลาม
ค่าเงินบาท: DXY is falling
ค่าเงินบาทอ่อนตัวเล็กน้อย
หลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของ FED ในเดือนกันยายน ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าไปถึง 32 บาทต่อดอลลาร์ อย่างไรก็ตามตัวเลขแรงงานและตัวเลขเงินเฟ้อที่ประกาศล่าสุด ทำให้ตลาดปรับคาดการณ์การลดอัตราดอกเบี้ยเป็น 25 BPS อีก 2 ครั้งเท่านั้น ส่งผลให้ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนตัวลงในระยะสั้น
มี 2 ปัจจัยคอยจับตามองดังนี้
1.ดอลล่าร์แข็งค่าเล็กน้อย: ตลาดปรับลดคาดการณ์การลดอัตราดอกเบี้ยลง เนื่องจากตัวเลขแรงงานและตัวเลขเงินเฟ้อที่บ่งบอกว่าเศรษฐกิจยังคงร้อนแรงอยู่ และคำพูดของ Jerome Powell ที่ออกมายั้งตลาด ทำให้ DXY ปรับตัวขึ้นในระยะสั้น2.ปัจจัยอื่นๆ: ค่าเงินบาทยังคงมีแรงหนุนจากการเข้ามาของนักลงทุนต่างชาติทั้งในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตร เนื่องจากสามารถคาดหวังผลตอบแทนจากทั้งค่าเงินและสินทรัพย์ถึงสองต่อ
Macroeconomics: October Core Retail Sales
การประชุมในการลดอัตราดอกเบี้ยในของสหรัฐฯ ในวันที่ 18 ธันวาคม 2024 ได้เริ่มมีการแบ่งแยกฝั่งไปเป็น 2 ฝั่ง โดยที่ 68.5% คิดว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยลง เหลือ 4.25% – 4.50% หรือลดลง 25 BPS และอีก 31.5% คิดว่าจะคงดอกเบี้ยที่ 4.50% – 4.75% เท่าเดิม แต่ด้วยการที่มี FED Dot Plot ออกมาในปีนี้ที่คิดว่า FED จะลดอัตราดอกเบี้ยทั้งหมด 100 BPS
และปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ตลาดนั้นมีเสียงแตกออกเป็น 2 เสียงนั้นก็คือการเข้ามาของ Donald Trump หรือ ประธานาธิบดีคนใหม่ที่เพิ่งได้รับการเลือกตั้งขึ้นมารับตำแหน่ง โดยที่นักลงทุนหลาย ๆ คนนั้นได้คาดว่า Trump จะมาพร้อมเงินเฟ้อ การคงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อนจึงเป็นการรอดูสถานการณ์ ดังนั้นถึงแม้ว่าตลาดคริปโตฯจะพุ่งสร้าง Sentiment ที่ดีให้กับตลาด นักลงทุนยังควรต้องจับตาเรื่องเงินเฟ้อไว้ด้วย
สภาวะตลาด DeFi โดยรวม
ในเดือนพฤศจิกายนภาพรวมตลาดคริปโตฯกลับมาสดใส รับข่าวประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ ราคา Bitcoin ทำ All-time High ทำให้มุมมองนักวิเคราะห์ส่วนมากมองว่าจะเริ่มเป็นจุดที่สร้าง Sentiment บวกให้กับ Altcoin และ DeFi ต่อได้ในระยะกลางขึ้นไป
ภาพรวมตลาดที่เริ่มกลับมาเป็นบวกส่งผลให้ DeFi ได้รับประโยชน์ โดยมี TVL เพิ่มขึ้นกว่า 26% โดยมีเหตุการณ์ที่น่าสนใจคือ TVL ของ Solana ที่แซงหน้า Tron ขึ้นมาอยู่อันดับที่สอง นอกจากนี้ Solana ยังแซงหน้า Ethereum ในด้าน DApps Revenue เป็นครั้งแรกในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาอีกด้วย ซึ่งส่วนมากเป็นการซื้อขายเหรียญ Meme ทำให้แพลตฟอร์มที่ได้รับ Revenue เฉลี่ยสูงสุดคือ Raydium และ Pumpdotfun
ส่วนอีกเชนที่มี TVL พุ่งสูงกว่า 400% คือ Bitcoin ที่พลิกแซง Base ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 5 ซึ่งมี Babylon เป็นแพลตฟอร์ม Restaking ที่มี TVL อันดับหนึ่ง ปัจจัยสำคัญส่วนหนึ่งมาจากการที่ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นอย่างมาก
อีกเชนที่เติบโตอย่างน่าจับตาคือ Hyperliquid ซึ่งในเดือนที่ผ่านมา TVL เพิ่มขึ้นกว่า 50% ขึ้นมาอยู่ในอันดับ Top 10 โดย Hyperliquid เป็นบล็อกเชน Layer 1 ที่เน้นการใช้งานด้านการซื้อขาย Perpetual และ Spot ซึ่งการเพิ่มขึ้นของ TVL ส่วนหนึ่งคาดว่ามาจากแผนการออกโทเค็น HYPE ที่คาดว่ากำลังจะมาถึงในเดือนพฤศจิกายนนี้
ส่วนกลุ่มแพลตฟอร์ม DeFi อื่นๆที่น่าจับตามองในช่วงนี้ คือกลุ่ม DEX และ Telegram Trading Bot ที่เป็นกลุ่มที่มี Revenue เติบโตโดดเด่น จากการที่เป็นช่วงการเก็งกำไร Meme ได้รับความนิยม ตัวอย่างเช่น UniSwap, PancakeSwap, Aerodrome, BonkBot, Banana Gun เป็นต้น
Bitcoin ทำ All Time High ต่อเนื่องแตะราคา $90,000 หลังทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี
หลังจาก Donald Trump ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิปดีของสหรัฐฯ คนที่ 47 และเป็นสมัยที่ 2 ของเจ้าตัวได้เพียงไม่ถึง 1 อาทิตย์ ราคา Bitcoin พุ่งทะยานทะลุ All time high และทำ High ใหม่อย่างต่อเนื่องจนแตะราคา $90,000 ได้อย่างรวดเร็ว
โดยปัจจัยที่ทำให้ชัยชนะของทรัมป์เป็นตัวกระตุ้นราคา Bitcoin และตลาดคริปโตฯ ได้อย่างดีก็เพราะในช่วงการหาเสียงสำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ ทรัมป์ได้ชูจุดยืนว่าเขาจะสนับสนุนการคริปโตฯในหลายๆ แง่มุม และจากคำพูดที่ใช้ในการหาเสียงก็ดูมีความเข้าใจคริปโตฯ เป็นอย่างดี
ซึ่งถูกใจชาวคริปโตฯอย่างมากและคะแนนเสียงจากพวกเขาเหล่านี้ก็คาดว่าเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ทำให้ทรัมป์คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้มาได้
โดยนโยบายสำคัญที่ทรัมป์เคยกล่าวไว้ช่วงหาเสียงนั้นมีดังนี้
- การนำ Bitcoin ที่ยึดมาได้ประมาณ 208,000 BTC มาเป็น National Reserve
- สนับสนุนการเก็บ Bitcoin ด้วยตัวเอง (Self Custody)
- เปลี่ยนประธาน SEC โดย หาคนที่ Crypto Friendly มากกว่า Gary Glensler มาแทนเพื่อให้ง่ายต่อการสานต่อนโยบาย
- ดันสหรัฐฯ ให้กลายเป็น Crypto Hub โดยจะทำให้การกำกับดูแลเป็นมิตรกับการทำธุรกิจคริปโตมากขึ้น
- นโยบายที่ลดกฎระเบียบและสนับสนุนการขุดบิตคอยน์ภายในประเทศ
- จัดตั้งสภาที่ปรึกษาประธานาธิปดีเกี่ยวกับคริปโตฯเพื่อแนะนำเรื่องการกำกับดูแลที่เหมาะสม
นโยบายเหล่านี้สร้างความชอบธรรมและมุมมองเชิงบวกให้กับ Bitcoin โดยเฉพาะการนำมาเป็น Strategic Reserve ของประเทศ ส่งผลให้ Bitcoin ปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรง ถือเป็นปัจจัยบวกเสริมสถานการณ์ดอกเบี้ยขาลงและ Global Liquidity ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะสินทรัพย์ดิจิทัลที่มี Spot Bitcoin ETF รองรับเงินทุนจากนักลงทุนทั้งรายย่อยและรายใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทำให้มีแนวโน้มเงินทุนไหลเข้าและตลาดขาขึ้นในอนาคต
Sector ที่ Outperform ในช่วงตลาดปรับตัวขึ้นที่ผ่านมา
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ราคา Bitcoin ปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นแล้ว ยังมีหลาย Sector ที่สร้างผลตอบแทนเหนือกว่าตลาดโดยรวม
จากข้อมูลจาก Artemis ในภาพด้านซ้าย แสดงให้เห็นว่า Sector ที่มีการ Outperform ในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ Memecoin ซึ่งสร้างผลตอบแทนสูงสุดที่ 73.8% ตามด้วย Gen 1 Smart Contract ที่ 20.9%, Store of Value ที่ 18.9%, Centralized Exchange ที่ 14.7% และ Smart Contract Platform ที่ 15.5% ตามลำดับ กลุ่มอื่นๆ เช่น AI และ RWA ก็มีผลตอบแทนที่ดีเช่นกัน
สำหรับตัวอย่างเหรียญของแต่ละ Sector (นับเฉพาะตัวในตลาดหลัก ที่ List บน CEX ใหญ่ และอยู่ใน Top 100 MCap) สามอันดับแรกที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด มีดังนี้
- Memecoin: Pnut, Pepe Doge Coin
- Gen 1 Smart Contract: Cardano, Hedera, Vechain
- Store of Value: Xrp, Bitcoin Cash. Kaspa
- Smart Contract Platform: Sui, Polkadot, Near
- AI: Render, Worldcoin, Bittensor
เหรียญเหล่านี้เป็นตัวที่ให้ผลตอบแทนดีในช่วงที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นจากนักลงทุนมากกว่าเหรียญอื่น ๆ ซึ่งนักลงทุนอาจใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาและวิเคราะห์เหรียญที่จะลงทุนต่อไปได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเหรียญเหล่านี้จะยังคงสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่องในอนาคต
เปรียบเทียบผลตอบแทนระหว่างพันธบัตรระยะสั้นและการฟาร์ม Stablecoin
ผลตอบแทนที่ได้จากพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นสหรัฐ (Treasury Bills) แบบระยะสั้น 3 เดือน ที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่มีสภาพคล่องและผลตอบแทนสูง ผลตอบแทนลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสที่ผ่านๆมา มีสาเหตุมาจากภาพรวมที่นักลงทุนเริ่มกังวลในการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้น ตอนนี้อยู่เฉลี่ยปีละ 4.43% ส่วนผลตอบแทนจากการฟาร์มหรือปล่อยกู้ Stablecoin บนแพลตฟอร์มต่างๆให้ผลตอบแทนอยู่พุ่งขึ้นมาพอสมควรเมือเทียบกับทั้งปี 2024 โดยตอนนี้ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 15%
ซึ่งผลตอบแทนฟาร์มและปล่อยกู้ Stablecoin ในเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สอดคล้องกับสภาพตลาดคริปโตฯที่กลับมาคึกคัก ทำให้มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น รวมถึงราคาเหรียญที่แจกเป็น Incentive ก็เพิ่มขึ้นตามด้วย
เปรียบเทียบผลตอบแทน DeFi Farming บนบล็อกเชนต่างๆ
สภาวะตลาด NFT
- Ethereum, Bitcoin, Solana ยังมี Volume ซื้อขายที่ยังใกล้เคียงเดิม แต่กลับกัน ฝั่ง Polygon มี Volume ลดลงไปและถูกทิ้งห่างมากขึ้นเรื่อยๆ
- ในด้านจำนวนผู้ซื้อขาย NFT Solana ยังคงเป็นอันดับ 1 สื่อถึงจำนวนคนใช้งานที่อยู่บนฝั่ง Solana มากกว่า แม้ว่า Volume ใหญ่ๆจะยังคงอยู่บน Ethereum
Top 5 Volume Projects (Collectible NFT)
OPENSEA 2 กับ ข่าวลือ Token ของ Opensea (?)
Opensea เป็นตลาด NFT ที่มี Marketshare ทางด้าน Volume มากที่สุดตั้งแต่ในช่วงปี 2020 ที่มีเทรนด์สูงสุดของ NFT แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา Opensea จะเริ่มมีคู่แข่งที่สำคัญมากขึ้น เช่น MagicEden, Blur แต่ Opensea ก็ยังคงเป็นหนึ่งใน NFT Marketplace ที่สำคัญที่สุดที่คนจะเข้าไปซื้อขายกัน
Opensea มีการประกาศถึง ‘New Opensea’ พร้อมด้วยชื่อ OS2 และยังไม่มีรายละเอียด ทำให้การพัฒนานี้ยังถูกเดาไปในหลายๆทาง พร้อมกับข่าวลือว่าจะมี Token ออกมาพร้อมกับการเปิด Opensea ใหม่ในเดือนธันวาคม
Authors
-
-
-
-
Research is not Forecast. Details are important. All Works are Not Financial Advices.
View all posts