Search
Close this search box.

Layer 1 ยอดฮิตในอดีตตอนนี้เป็นยังไงกันบ้าง และจะกลับมาได้ไหม

Share :
Update-Layer1-1

Table of Contents

เกริ่นนำ

Sector ที่ร้อนแรงที่สุดในช่วง Bullrun 2021 คงหนีไม่พ้น Blockchain Layer 1 ในช่วงนั้นเชน Ethreum มีผู้ใช้งาน ความหนาแน่น และค่าธุรกรรมที่สูงมาก ทำให้หลายโปรเจกต์เริ่มพัฒนา Blockchain Layer 1 ที่เร็วกว่า ถูออกมาจำนวนมาก และวางตัวที่จะเป็น Ethereum Killer

ในช่วงแรก Layer 1 ตัวใหม่ๆ เหล่านี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ราคาเหรียญของหลายโปรเจกต์สามารถสร้างผลตอบแทนได้หลัก 100x แต่พอตลาดคริปโตเข้าสู่ช่วงตลาดหมี ทำให้ราคา และผู้ใช้งานของเชนเหล่านั้นลดลงมาอย่างรวดเร็ว ในบทความนี้เราจะมาอัพเดทว่า Layer 1 ยอดฮิตในอดีต ตอนนี้เป็นอย่างไงกันบ้าง และจะสามารถกลับมาได้ไหม

Cardano (ADA)

Cardano หรือ ADA ในอดีตเคยเป็นหนึ่งในเหรียญที่ร้อนแรงที่สุดในโลกคริปโตที่ไม่มีใครไม่รู้จัก และเป็นเหรียญที่มีการวิเคราะห์ว่าจะเป็น Layer 1 Blockchain ที่จะมาแทนที่ Ethereum แถมยังเคยอยู่ใน Top 5 เหรียญที่มี Marketcap สูงที่สุดในตลาดคริปโต โดยในอดีตเหรียญ ADA มี Marketcap สูงถึง $95b และราคาสูงถึง $3

ในตอนนี้ Marketcap ของ ADA ลดลงมาเหลือประมาณ $9b และราคาลดลงมาเหลือ $0.25 นับเป็นการลดลงมากว่า 92% โดสาเหตุหลักมาจากสภาพตลาดคริปโตที่เป็นขาลงอย่างรุนแรง บวกกับที่ Ecosystem ของ Cardano นั้นไม่ได้เติบโตและมีผู้ใช้งานอย่างที่หวังไว้

ข้อมูลจาก DefiLlama ระบุเอาไว้ว่าตอนนี้เชน Cardano มี TVL อยู่ที่ $160m, Volume $2.5m, Fees $5k, ผู้ใช้งานประมาณ 40,000 คนต่อวัน และ มี dApps ที่มีผู้ใช้งานอยู่ทั้งหมด 27 โปรเจกต์ ส่วน Ethereum ในตอนนี้มี TVL อยู่ที่ $20b Volume $1b, Fees $1.5m และ ผู้ใช้งานประมาณ 400,000 คนต่อวัน และ มี dApps ที่มีผู้ใช้งานอยู่กว่า 1,000 โปรเจกต์ เชน Cardano นั้นมี TVL และ Volume น้อยกว่า Ethereum หลักร้อยเท่า

cardano tvl

ขอบคุณภาพจาก defillama

dApps หลักของ Cardano ที่มีการใช้งานอยู่ในตอนนี้จะมี Minswap โปรเจกต์ DeFi ที่มีการใช้งานสูงที่สุด Liqwid แพล็ตฟอร์มกู้ยืมเงิน และ Indigo โปรเจกต์เกี่ยวกับ Real-World-Asset แต่ในส่วนของ dApps อื่นๆ ใน Cardano Ecosystem นั้นเรียกได้ว่าแทบจะร้างและไม่มีคนใช้งานเลย และทยอยปิดตัวไปหลายโปรเจกต์

ในตอนนี้เชน Cardano กำลังมุ่งเน้นพัฒนาประสิทธิภาพของ Blockchain ตนเองเป็นหลัก แต่ถือว่าพัฒนาค่อนข้างช้าพอสมควร เพราะมีการเลื่อน Deadline ไปหลายรอบ อีกทั้งยังมีข่าวลือเรื่องที่ Charles Hoskinson ผู้สร้าง Cardano นั้นเทขายเหรียญและเริ่มที่จะไม่สนใจ Cardano ทำให้นักลงทุนหลายคนเริ่มค่อยๆหมดความเชื่อมั่น 

ในส่วนของราคาเหรียญ ADA ทางผู้เขียนได้วิเคราะห์ว่ามีโอกาสค่อนข้างน้อยที่จะราคาจะพุ่งขึ้นไปทำ ATH ใหม่ใน Bullrun หน้า คล้ายกับเหรียญที่เคยฮิตมากตอน Bullrun 2017 อย่าง BCH, IOTA, DASH, EOS ที่ไม่สามารถทำ ATH ใหม่ได้ใน Bullrun รอบถัดไป เพราะถึงแม้ว่าราคาของ ADA จะลงมาเยอะแล้วแต่ก็ยังมี Marketcap ที่สูงกว่าที่ควรจะเป็นไปมากอยู่ดี แถม Ecosystem นั้นไม่มีผู้ใช้งาน และ dApps ที่น่าสนใจเลย อีกทั้งยังมีนักลงทุนที่รอขายตอนราคาพุ่งขึ้นอีกครั้งเป็นจำนวนมาก

eos price

ขอบคุณภาพจาก Coinmarketcap

Solana (SOL)

Solana หนึ่งในบล็อกเชนที่รวดเร็วและถูกที่สุดในอดีต อีกหนึ่งตัวเต็ง Ethereum Killer ที่มี Ecosystem ที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม DeFi, GameFi และ NFT ต่างๆ ที่ในอดีตเคยอยู่อันดับ 4 ของเหรียญคริปโตที่มี Marketcap สูงที่สุดโดยในอดีตเหรียญ SOL มี Marketcap สูงถึง $78b และราคาสูงถึง $250

ปัจจุบัน Marketcap ของ Solana ลดลงมาเหลือประมาณ $9.5b และราคาลดลงมาเหลือ $22 นับเป็นการลดลงมากว่า 92% นอกจากที่ราคาร่วงเพราะตลาดหมี แต่มีอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาของ Solana ร่วงอย่างรุนแรงนั้นคือ การล่มสลายของ FTX 

FTX, Sam Bankman-Fried และ Alameda นั้นเป็นผู้ที่ถือเหรียญรายใหญ่อันดับต้นๆของ Solana ที่คอยซัพพอร์ต และผลักดัน Solana Ecosystem อยู่ตลอด ในตอนที่ FTX ปิดตัวได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อราคาเหรียญของ Solana ทั้งในเรื่องการถูกบังคับขายทำให้ราคาปรับตัวลดลงกว่า 65% ภายในสัปดาห์เดียว

ในส่วนของ Solana Blockchain นั้นมีการใช้งานที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ไม่ได้ตายซะทีเดียว TVL ของ Solana ลดลงมาจาก $10b ในช่วง Bullrun ลงมาเหลือ $300m นับเป็นการลดลงกว่า 30เท่า โดยส่วนใหญ่ TVL ลดลงตามสภาพตลาดคริปโตโดยรวม แต่มีช่วงที่ FTX ปิดตัวที่ TVL ของ Solana ลดลงไปกว่า 3เท่าภายในสัปดาห์เดียว แต่โดยรวม TVL ก็ยังถือว่าสูงเป็นอันดับต้นๆ ของเชน Layer 1

solana tvl

ขอบคุณภาพจาก defillama

dApps หลักของ Solana ที่มีการใช้งานอยู่ในตอนนี้ จะเป็นกลุ่ม DeFi ที่เป็น Liquid Staking ของเหรียญ Sol อย่าง Marinade, Jito และพวก Lending กับ Dex อย่าง Solend, Orca เป็นหลัก ส่วนโปรเจกต์ GameFi & NFT นั้น ไม่มีคนสนใจแล้ว ส่วนราคาก็ลงมากว่า 90% แทบทุกโปรเจกต์ ทำให้ NFT เจ้าใหญ่ของ Solana อย่าง y00ts, DeGods ต้องย้ายมายังเชน EVM เพื่อเอาตัวรอด

ถึงแบบนั้น Ecosystem ของ Solana ก็ยังมีการเติบโต และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง dApps เจ้าใหญ่บน EVM อย่าง Lido ขยายมาเปิดใช้งานบน Solana และใน Roadmap ของ MakerDAO ก็มีแผนที่จะขยายไป Solana เช่นกัน อีกทั้งยังมีบริษัทในโลก Web2 อย่าง Visa มาจับมือเพื่อเพิ่มวิธีการชำระเงินด้วย Stablecoin ผ่านบล็อกเชน Solana

ทางผู้เขียนคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ Ecosystem ของ Solana จะกลับมามีการใช้งานอย่างคึกคักและ ราคาจะสามารถทำ ATH ได้ใน Bullrun หน้าเพราะเชน Solana ก็ยังคงเป็นหนึ่งในเชน Layer 1 ที่มีพื้นฐาน และ Ecosystem ที่ดี แถมยังมีค่าทำธุรกรรมที่ถูกและเร็วเป็นอันดับต้นๆ อีกทั้งยังมีการเข้ามาของ dApps และ บริษัท Web2 เจ้าใหญ่ แต่ราคาคงจะไม่สามารถขึ้นได้หลัก 100x เหมือนที่ผ่านมา

BNB Chain (BNB)

BNB เหรียญคริปโตที่มี Marketcap อยู่ที่อันดับ 3 ตั้งแต่อดีตจนถึงงปัจจุบัน โดยเหรียญ BNB นั้นมี 2 โปรดักต์หลัก ได้แก่ Binance Exchange กระดานเทรดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ BNB Chain บล็อกเชน Layer 1 ในอดีตนั้นเหรียญ BNB มี Marketcap สูงสุดที่ $108b และราคาสูงงสุดที่ $650 

ปัจจุบัน Marketcap และราคาของเหรียญ BNB ลงมาเหลือ $32b และ $205 ลดลงมาจากราคาสูงสุด ประมาณ 68% นับเป็นหนึ่งในเหรียญเชน Layer 1 ที่ราคาลดลงมาน้อยที่สุด นั้นอาจจะเป็นเพราะเหรียญ BNB ยังมี Utilities ที่สามารถนำไปใช้บน Binance Exchange ได้ อีกทั้งยังมีการนำกำไรส่วนหนึ่งของ Exchange มา Burn เหรียญ BNB อีกด้วย

BNB Chain ถือว่าเป็นเชน Layer 1 ที่ดูดีที่สุดในตอนนี้รองลงมาจาก Ethereum ทั้งในแง่ของ TVL, Volume, ผู้ใช้งาน และ dApps ใหม่ๆ ที่มาพัฒนาบนเชน โดยข้อมูลจาก DefiLlama กล่าวว่าตอนนี้ BNB Chain มี TVL อยู่ที่ $2.65b, Volume ที่ $245 และยอดผู้ใช้งานอยู่ที่ 1 ล้านคน

bnb chain tvl

ขอบคุณภาพจาก defillama

ในช่วง Bullrun ที่แล้ว BNB Chain ขึ้นชื่อที่สุดในเรื่อง GameFi และ ฟาร์มซื่ง ซึ่งในตอนนี้โปรเจกต์ที่ทำทั้งสองอย่างนี้ตายไปแล้วกว่า 99% แต่หลักอย่าง PancakeSwap ถึงแม้จะมี TVL ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องแต่ก็ยังสามารถประคองให้ TVL มากกว่า $1b ได้ และยังมีการพัฒนาอยู่ตลอด และล่าสุดได้เปิดให้ใช้งานบนเชน Layer 2 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ถึงแม่ว่าจะมี dApps มากมายที่ตายจากไป แต่ก็มี dApps น่าสนใจใหม่ๆที่เกิดขึ้น และมาเชื่อมต่อกับ BNB Chain อย่าง Space-id, Venus และ Radiant เป็นต้น, dApps ใหม่ๆบน BNB Ecosystem ยังมีกองทุนอย่าง Binance Labs ที่คอยสนับสนุนโปรเจกต์ที่น่าสนใจ ทั้งในเรื่องของเงินลงทุน และการสนับสนุนต่างๆ ทำให้เป็นแรงจูงใจที่จะให้โปรเจกต์ใหม่ๆอยากมาพัฒนาบน BNB Chain อีกด้วย

binance labs port

ขอบคุณภาพจาก coin98

Binance นั้นได้ลงทุนในโปรเจกต์ใหม่ๆที่น่าสนใจบน BNB Chain ไปมากมาย และพร้อมที่จะผลักดัน BNB Chain และโปรเจกต์ใหม่ๆที่จะมาพัฒนาบนเชน  ทำให้ทางผู้เขียนค่อนข้างมีความมั่นใจว่า dApps ใน Ecosystem ของ BNB Chain จะกลับมามีการใช้งานอย่างคึกคักเมื่อถึงช่วง Bull Market และราคาเหรียญจะสามารถทำ ATH ได้อีกครั้ง เพราะนอกจาก BNB Chain แล้วตัว Binance Exchange ยังคงเป็นกระดานเทรดอันดับ 1 ในโลกคริปโต และยังคงมีการนำกำไรมา Burn เหรียญอย่างต่อเนื่อง

Cosmos (ATOM)

Atom หรือ Cosmos เป็นเชน Layer 1 ที่เปรียบเสมือน Internet of Blockchain ที่อาจจะไม่ได้โดดเด่นด้วยตัวมันเอง แต่มีความโดดเด่นในเรื่องของ Cosmos SDK ที่ทำให้ Appchain หรือ Blockchain อื่นๆที่ใช้เทคโนโลยีนี้สามารถสื่อสารและโอนสินทรัพย์ไปมาหากันได้, เหรียญ Atom มี Marketcap และราคาสูงที่สุดที่ $10b และ $44

cosmos

ขอบคุณภาพจาก Cosmos

ในช่วงปีที่ผ่านมามีโปรเจกต์ Blockchain และ Appchain มากมายที่พัฒนาโดยใช้ Cosmos SDK ของ Cosmos อย่าง Axelar, Sei, IslamicCoin, Dydx และ Celestia เป็นต้น นับว่ามีใช้งานที่มากทีเดียว แต่ปัญหาคือโปรเจกต์ Cosmos ไม่ได้รับประโยชน์หรือรายได้อะไรเลยจากส่วนนี้ ทำให้ราคาของเหรียญนั้นร่วงลมากจาก $44 เหลือ $6.5 ในตอนนี้

Appchain หลักของ Cosmos อย่าง Osmosis นั้นมี TVL ทดลดลงอย่างน่าใจหายส่วน dApps ตัวอื่นๆ เรียกได้ตายไปเกือบทั้งหมดแล้ว ที่จะมีเหลือผู้ใช้งานหลักๆคือพวก dApps เจ้าใหญ่ๆที่มาสร้างบน Cosmos อย่าง DYDX และตัวใหม่อย่าง Noble

dot ecosystem volume

ปัญหาหลักของ Cosmos ในตอนนี้คือเรื่องที่ตัวมันเองไม่ได้ประโยชน์จาก Cosmos SDK ของมันเอง ซึ่งทางโปรเจกต์ก็รับรู้ในเรื่องนี้ และได้ร่าง Proposal ในการทำ Atom 2.0 ที่จะทำให้ Inflation ของเหรียญลดลงอย่างมาก และปรับ Revenue Model ใหม่ให้ได้รายได้จาก Cosmos SDK แต่ทว่า Proposal นี้นั้นกลับถูกปฏิเสธในการ vote เมื่อสิ้นปีที่แล้ว

ในปี 2024 Atom เลยตั้งเป้าที่จะทำ Atom Economic Zone (AEZ) ที่จะเป็นกลุ่มของบล็อกเชนบน Cosmos ที่เชื่อมต่อถึงกันซึ่งทำงานเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งโปรเจกต์ที่เข้าร่วม จะได้รับ Interchain Security Liquidity และ IBC Routing, โดยตอนนี้มีโปรเจกต์ Neutron Stride Noble มาเข้าร่วมแล้วเรียบร้อย ซึ่งโปรเจกต์เหล่านี้จะแบ่งค่าธรรมเนียมให้แก่ Atom และจะใช้เหรียญ Atom ในการจ่ายค่าแก็ส และมีการคาดการณ์ว่าโปรเกจต์บน AEZ จะเพิ่ม Utilities ให้แก่เหรียญ ATOM อย่างมาก

atom economic zone

ขอบคุณภาพจาก LeThang137

ทางผู้เขียนคิดว่าราคาของเหรียญ ATOM จะสามารถขึ้นไปทำ ATH ได้ใน Bullrun หน้า เพราะ Marketcap ของ Atom นั้นไม่สูงมาก แถมยังมีโปรเจกต์ใหม่ๆมากมายที่มาใช้งาน Cosmos SDK ซึ่ง Cosmos อาจจะมีการเก็บรายได้จากส่วนนี้ในอนาคต และการมาของ Atom Economic Zone (AEZ) ที่จะมาเพิ่ม Utilities ของเหรียญ ATOM

Avalanche (Avax)

Avalanche อีกหนึ่งใน Blockchain สุดร้อนแรงในอดีต ที่มี GameFi และฟาร์มซิ่งมากมาย ในอดีตเหรียญ Avax เคยมี Marketcap อยู่ที่ $30b และราคาสูงถึง 140$ ส่วนในปัจจุบันราคาลงมาเหลือ 9$ และยังคงเป็นขาลงอย่างต่อเนื่อง

สิ่งที่น่าแปลกใจนั้นคือจำนวน ผู้ใช้งาน และ Transaction บนเชน Avalanche นั้นได้พุ่งขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2023 สูงสุดถึงประมาณ 500k Transaction ต่อวัน สวนทางกับ TVL และราคาของเหรียญที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดย TVL ของ Avalanche ตอนนี้นั้นอยู่ที่ประมาณ $500m

avax tvl

ขอบคุณภาพจาก defillama

พอไปเจาะลึกจำนวนผู้ใช้งานและ Transaction จะเห็นได้ว่า ยอดผู้ใช้งานและ TX ที่พุ่งขึ้นบน Avalanche นั้นคล้ายคลึงกับยอด Transaction ของ LayerZero อย่างมาก บวกกับที่ Trader Joe Dex อันดับ 1ของ Avax นั้นได้นำเทคโนโลยีของ LayerZero มาใช้งาน จึงมีความเป็นสูงว่ายอดผู้ใช้งานเหล่านี้นั้นมาจากการล่า Airdrop ของ LayerZero เป็นหลัก

LayerZero daily tx

ขอบคุณภาพจาก dune

นอกจากโปรเจกต์ที่ใช้เทคโนโลยีของ LayerZero แล้ว dApps บน Avax ที่ยังมีคนใช้งานประจำมี Benqi ที่เป็น DeFi และ Staking แพลตฟอร์มของ Avalanche และมี dApps SocialFi ที่เพิ่งเกิดใหม่และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากอย่าง StarArena แต่ทว่าเปิดหลังตัวได้ไม่ถึงสัปดาห์ก็โดนแฮ็กไปเป็นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วน dApps ที่มีการใช้งานตัวอื่นๆนั้นจะเป็น dApps จากเชนอื่นที่มาเชื่อมต่อกับ Avalanche อย่าง AAVE, GMX และ Stargate

ปีนี้ Avalanche ได้จับมือ Partnership กับผู้ให้บริการ Cloud อย่าง AWS และ Tencent Cloud และได้พัฒนาเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาบนเชน Avalanche 2อย่างนั้นคือ HyperSDK และ Glacier API และมี Blizzard Ecosystem Fund ที่คอยสนับสนุน Ecosystem ของ Avalanche โดยเป้าหมายของ Avalanche ในตอนนี้จะมุ่งเน้นในการพัฒนา Ecosystem ของตนเองเป็นหลัก

ทางผู้เขียนนั้นไม่มั่นใจว่าราคาเหรียญของ Avax นั้นจะกลับไปทำ ATH ใน Bullrun หน้าได้ไหม เพราะตัวเชน Avalanche เองก็มี TVL และผู้ใช้งานที่ถือว่าเยอะเป็นอันดับต้นๆของเชน Layer 1 ถึงแม้มี Subnet ที่ช่วยในเรื่อง Scalibity อีกทั้งยังมี dApps ใหม่ๆที่เปิดตัวบนเชนอีก แต่ทว่าตอนนี้ Avalanche นั้นก็เป็นเชน Layer 1 ที่ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ ไม่มี Killer dApps พาทำให้คนต้องมาใช้งาน และไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากนัก

Polkadot (Dot)

Polkadot อีกหนึ่งบล็อกเชนตัวเต็งที่จะมาล้มบัลลังก์ของ Ethereum ที่มีสมญานามว่า Blockchain of Blockchain ที่ทำให้ Parachains ต่างๆที่สร้างบน Polkadot สามารถเชื่อมต่อถึงกันได้ โดยในอดีตเหรียญ Dot มี Marketcap สูงสุกที่ $50b และราคาสูงสุดที่ $55

โดยในตอนนี้ราคาของเหรียญ Dot อยู่ที่ $3.6 โดยราคาลดลงมากว่า 93% และได้ทำจุดต่าสุดในรอบ 3ปีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยสาเหตุที่ราคาลงมาหนักขนาดนี้น่าจะคล้ายกับ Cardano ตรงที่ Ecosystem ของ Polkadot นั้นไม่เติบโตอย่างที่หวังไว้

TVL ทั้ง Polkadot Ecosystem อยู่ที่ประมาณ $100m นำโดย Moonbeam, Astar, Parallel และ Acala เหล่า Parachain ตัวดังของ Polkadot ในอดีต ส่วนโปรเจกต์อื่นๆ นั้นแทบจะเรียกได้ว่าร้างเป็นที่เรียบร้อย แถมใน Polkadot Ecosystem ตอนนี้นั้นยังไม่มี dApps ที่ดึงดูดคนให้มาใช้งานอย่างจริงจัง

polkadot tvl

ขอบคุณภาพจาก defillama

ในปีนี้ Polkadot และโปรเจกต์ใน Ecosystem ได้จับมือเป็น Partner กับหลายบริษัทอย่าง USDC, Toyota, Oracle, AWS, Microsoft แต่การจับมือเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นการจับมือเพื่อช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆเท่านั้น และได้มีการอัพเกรด XCM v3 โปรโตคอลในการส่งข้อมูลระหว่างเชน และได้เปิดตัว OpenGov governance model ทีมีความกระจายศูนย์อย่างแท้จริง

สถานะการใน Polkadot Ecosystem ในตอนนี้นั้นยังค่อนข้างน่าเป็นห่วงอย่างมากเพราะการทำ Crowdloan ที่ทางโปรเจกต์จะต้องมามาประมูลเพื่อขอ DOT จากนักลงทุนเพื่อสร้างบน Parachain ของ Polkadot นั้น รอบล่าสุดปิดไปได้เพียง 299,999 DOT ($1.2m) เท่านั้น น้อยกว่าครั้งแรกที่ได้ 32,515,980 DOT ($132m) ถึงร้อยเท่า ทำให้เห็นว่านักลงทุนส่วนใหญ่ไม่สนใจที่จะร่วมลงทุนในโปรเจกต์บน Polkadot อีกแล้ว 

DOT เป็นอีกหนึ่งเหรียญที่ทางผู้เขียนคิดว่าจะไม่สามารถทำ ATH ใหม่ได้ใน Bullrun รอบหน้า เพราะบน Polkadot Ecosystem นั้นไม่มี dApps ที่สามารถดึงดูดผู้ใช้งานเข้ามาได้เลย อีกทั้ง Polkadot Ecosystem นั้นซับซ้อนและใช้งานยากมาก อีกทั้งราคาของเหรียญ DOT ในปี 2021 นั้นมีราคาที่สูงกว่าความเป็นจริงไปมาก แถมในตอนนี้มี Layer 1 และ Layer 2 ตัวใหม่ๆที่น่าสนใจเกิดใหม่มากมาย 

บทสรุป Layer 1 ยอดฮิตในอดีต 

Ethereum นั้นถูกพิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถถูกฆ่าได้ และเป็นเชน Layer 1 หลักของโลกคริปโต และ Trend ที่จะมาเป็นหลัก Bullrun รอบถัดไปจะเป็น Ethereum Layer 2 โดยจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า Ecosystem ที่เติบโตที่สุด และ dApps ที่มีการใช้งานเยอะที่สุดนั้นล้วนอยู่บนเชน Layer 2 อย่าง Arbitrum Optimism และ Base เป็นหลัก 

ทำให้โปรเจกต์ Layer 1 ที่ไม่มีอะไรโดดเด่นนั้นจะรอดและสามารถกลับเข้ามาสู่กระแสหลักได้ยากมาก ซึ่งหลายโปรเจกต์เริ่มรู้ตัว และกำลังผันตัวมาทำเชน Layer 2 แทน คล้ายกับใน Bullrun ในอดีตที่หลายๆโปรเจกต์วางตัวที่จะเป็น Bitcoin Killer แต่ทุกวันนี้โปรเจกต์พวกนั้นก็แทบจะไม่มีคนสนใจแล้ว

แถมในตอนนี้ยังมี Layer 1 Blockchain ตัวใหม่ๆที่น่าสนใจในเปิดตัวมาอีก ไม่ว่าจะเป็น Layer 1 ที่ถูกพัฒนาโดยทีมที่มีชื่อเสียง การทำธุรกรรมที่รวดเร็วมาก อีกทั้งค่าธรรมเนียมที่แทบจะเป็นศูนย์ อย่าง Aptos และ Sui อีกทั้งยังมีการมาของ Modular Blockchain อย่าง Celestia ทำให้โปรเจกต์ Layer 1 ตัวเก่าๆทั้งในและนอก List นี้ต้องเจอกับศึกหนักในอนาคตอย่างแน่นอน

แต่ในดลกคริปโตนั้นราคาอาจไม่สัมพันธ์ทางตรงกับปัจจัยพื้นฐาน ในระยะสั้นราคาอาจจะขึ้นจากแรงเก็งกำไร หรือปัจจัยบวกระยะสั้นได้ อีกทั้งในวงการคริปโต เพียงแค่มีข่าวระดมทุนหรืออัปเกรดที่สำคัญ ก็อาจจะช่วยดันราคาให้สูงขึ้นมากได้ เพราะฉะนั้นการลงทุนยังต้องตามข่าวอยู่เสมอและกระจายความเสี่ยงให้ดี

Author

Share :
Related
Cryptomind Monthly Outlook (November 2024)
Cryptomind Monthly Outlook (October 2024)
Thailand Blockchain Landscape 2024
Technical Analysis $SUI $FTM by Cryptomind Advisory (15 Oct 24)