Macroeconomics
ตลาดอสังหาฯสหรัฐ

- หนึ่งปัจจัยต้องคอยดูเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ คือตลาดอสังหาฯ เพราะเป็นส่วนหลักของ GDP โดยที่ผ่านมาสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ ของสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงปี 2021-2022 ทำให้ผู้ผ่อนบ้านต้องรับภาระค่าผ่อนบ้าน (Monthly Mortgage Payment) และค่าเช่าที่สูงขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับค่าแรง

- จากกราฟจะเห็นว่าในปี 2022 มี Supply ของบ้านเพิ่มขึ้นสูงมาก โดยที่ยังไม่รวมกับบ้านที่กำลังสร้างไม่เสร็จที่จะมาเพิ่ม Supply ให้มากขึ้นอีกในปี 2023 นี้
- การที่ Supply เพิ่มขึ้นสวนทางกับกำลังซื้อหรือ Demand และกำลังซื้อที่ลดลงต่ำมากกว่า Housing bubble ครั้งที่แล้วเสียอีก ทำให้มีความน่ากังวลเรื่องฟองสบู่ที่อาจกระทบตลาดได้
- จากปัญหาของอสังหาฯดังกล่าว นักวิเคราะห์มองว่าทางออกคือปีนี้เศรษฐกิจสหรัฐฯน่าจะต้องออกหน้า “Hard Landing”
จีนเริ่มคลายมาตรการ Zero-covid
- ข่าวดีคือจีนเริ่มผ่อนคลายมาตรการ Zero-covid ในปีนี้ ทำให้นักวิเคราะห์มองว่าเศรษฐกิจจีนน่าจะกลับมาคึกคัก นอกจากนี้ทาง People’s Bank of China (PBOC) ยังจะคงยโยบายอัดฉีดเงิน (QE) ต่อเนื่อง
มุมมองการลงทุน
- มุมมองของนักวิเคราะห์เชื่อว่า ปี 2023 จะเกิดเศรษฐกิจถดถอยแบบรุนแรงมากกว่า Soft Landing ดังนั้นตลาดสินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโตฯ น่าจะถูกกดดันตลอดทั้งปี แต่ยังมองว่าเป็นปีที่ดีในการสะสมลงทุน โดยช่วงที่น่าจะเหมาะแก่การลงทุนที่สุดคือช่วง Q2/2023
- เหตุการณ์ที่ยังเสี่ยงและต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดคือความเสี่ยงล้มของ DCG, Genesis และ Gemini แต่นักวิเคราะห์มองว่าเหตุการณ์พวกนี้รวมถึง Recession ได้ Priced in ไปหมดแล้ว และถ้าไม่มีอะไรมา Surprise ตลาดเพิ่ม ตลาดน่าจะไม่ตกไปมากกว่านี้
- นักวิเคราะห์มองว่าช่วงนี้เน้นการบริหารเงิน ให้มีสัดส่วนเงินสดไว้เผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน เน้นสะสมเหรียญหลักอย่าง BTC, ETH และอาจเพิ่มเติมตัวอื่นตาม Story และความเสี่ยงที่รับได้
DeFi/Alt coins
- เหรียญกลุ่ม Liquid staking มาแรง เพราะ Ethereum Shanghai Upgrade จะมาในช่วงประมาณเดือนมีนาคม 2023 ตัวหลักมี 2 ตัวคือ LDO, RPL

- ถ้าผู้นำตลาดก็ LDO กินส่วนแบ่งมากกว่า 70% ที่ในอนาคตถ้าสถาบันจะเข้ามาใช้บริการน่าจะเลือกเจ้านี้ ดังนั้นมุมหนึ่งคือ LDO อาจจะเป็นผู้ชนะระยะยาว ส่วนตัวเหรียญ LDO ก็แทบไม่เหลือ Dilution แล้วเพราะปลดไป 97% แล้ว จะปลดหมด 100% ในเดือนกันยา 2023
- แต่คอมมูนิตี้ Ethereum ชอบ RPL มากกว่า ข้อดีของ RPL ที่เหนือว่า LDO คือเหรียญ RPL มี Use case ชัดเจนเพราะต้องนำไป Stake ควบคู่กับการตั้ง Node (ใช้จำนวนแค่ 8 ETH แทน 32 ETH) โดยใช้จำนวน 126 RPL
- อีกธีมที่นักวิเคราะห์มองว่าน่าจับตาคือ Eigen Layer หรือการที่สามารถนำ Staked ETH ไป Secure แพลตฟอร์ม DeFi ได้ ทำให้ได้รับ Yield สองต่อ ซึ่งถ้าธีมนี้มาจริงจะส่งผลบวกต่อกลุ่ม Liquid Staking ได้ด้วย
Real yield & Real-world assets
- DeFi ตัวใหญ่ที่อยู่มานานก็เป็นอีกกลุ่มที่นักวิเคราะห์มองว่าน่าจับตามอง ส่วนหนึ่งเพราะเหรียญแทบไม่เหลือ Dilution ซึ่งก็มีหลายตัวที่มี Narrative ต่างกันไป เช่น
- Maker ที่สามารถเกาะไปกับกระแส Real World Assets (RWAs)
- Beefy ที่เน้นธีม Real Yield เพราะเป็นตัวที่ไม่เหลือค่าใช้จ่ายแล้ว มีแต่รายได้ Fee ล้วนๆไปแบ่งให้คนถือเหรียญ
- Sushi ที่กำลังจะมีปรับปรุง Tokenomics มาใช้ ve-model เพื่อเพิ่ม Utility และลด Sell pressure
- Aave ที่กำลังจะเปิดตัว Stablecoin ของตัวเอง (GHO Stablecoin)
Alt coins อาจมี Cycle สั้นๆตาม Story เฉพาะตัว
- ในช่วงระหว่างปี 2023 โดยเฉพาะในช่วงที่ Macro ไม่มีปัจจัยอะไรใหม่ นักวิเคราะห์เชื่อว่าตลาดโดยรวมจะ Sideway ไม่ไปไหน แต่ในระหว่างนั้นอาจจะมีการวิ่งของ Alt coins เฉพาะกลุ่มแล้วแต่ Narrative ในช่วงนั้น เช่น ช่วงที่ผ่านมากลุ่ม AI ก็วิ่ง ให้ติดตามในแต่ละช่วงว่า Story อะไรโดดเด่น
Metaverse
- มีข่าวลือหนาหูว่า Apple อาจจะกำลังจะเปิดตัวแว่น AR/VR ในปีนี้ ซึ่งถ้าเปิดมาจริง นักวิเคราะห์มองว่าอาจจะทำให้กลุ่ม Metaverse วิ่งได้

- Yugalabs เปิดตัวเกม Dookey Dash โดยให้ผู้ถือ BAYC, MAYC สามารถเข้าไป Mint ตั๋ว Sewer Pass เพื่อเข้าเล่มเกมได้ โดยจะมีการประกาศรางวัลและรายละเอียดต่อไปในเดือนกุมภาพันธ์ ที่จะเป็นส่วนสำคัญสำหรับ Ecosystem ของ BAYC, MAYC ในอนาคต ทำให้ราคา BAYC, MAYC ผันผวนมากในช่วงนี้
- อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://news.yuga.com/prepare-for-the-jtm-mint
.
คำเตือนความเสี่ยง : คริปโทเคอร์เรนซี่มีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวนและสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต