Search
Close this search box.

สรุป CoinTalk ประจำวันที่ 24/06/2022

Share :
cointalk banner

Table of Contents

Macro

  • ในช่วงนี้นักลงทุนประกอบด้วย นักลงทุนรายย่อย กองทุน และ Hedge Fund เข้าไปซื้อพันธบัตรจำนวนมากในระดับ All time High ในรอบหลายปี โดยสังเกตจาก Volume การเทรดของ US Bond ETF ที่ทำ All Time High ไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีแรงซื้อเข้ามาในพันธบัตรสองปีจากทั้ง TF Day และ TF Week ซึ่งส่วนหนึ่งอาจะเป็นเพราะความกังวลในเรื่องของเศรษฐกิจโลกที่กำลังชะลอทำให้อยู่ในช่วงกำลังมีความกังวลในการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง และเลือกที่จะไปรับผลตอบแทนจากพันธบัตรแทน สอดคล้องกับการเคลื่อนย้ายของเงินไปตาม Risk Asset Spectrum ที่จะเริ่มไล่จากเงินสด พันธบัตร อสังหาฯ หุ้น และคริปโทฯที่อยู่ท้ายสุด
  • จากภาพของการเข้าซื้อพันธบัตรที่เพิ่มมากขึ้น สะท้อนว่านักลงทุนเริ่มเห็นแล้วว่า อาจไม่สามารถหลีกเลี่ยง Recession ได้ และระดับของเงินเฟ้อก็เกินความสามารถของ Fed ที่จะแก้ไข และโอกาสที่เศรษฐกิจจะชะลอตัวแบบ Soft Landing อาจจะเป็นไปได้ยากขึ้นเพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่ Fed ไม่สามารถควบคุมได้
  • จากภาพด้านบน จะเห็นได้ว่าปัจจัยจาก Supply Driven Contribution ของเงินเฟ้อนั้นเยอะกว่า Demand Driven Contribution ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเงินเฟ้อนั้นเกินความสามารถของ Fed ที่จะควบคุมปัจจัยต่างๆ เช่นSupply ของน้ำมัน ข้าวสาลี และอื่นๆ จึงมีความเป็นไปได้ว่าน่าจะได้เห็นเทรนด์ของการขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ประเทศอื่นๆก็ต้องขึ้นดอกตามสหรัฐฯด้วย เพื่อเป็นการป้องกันเงินไหลออกนอกประเทศ
  • Hawkish Stance แสดงให้เห็นว่า Central Banks ทั่วโลกจำนวนมากกว่า 60 Central Banks จะทำการขึ้นดอกเบี้ยตามสหรัฐฯ แม้ว่าบางประเทศจะยังมีหนี้และภาพของเศรษฐกิจยังไม่ค่อยดีนัก ทำให้น่าจับตามองว่าหลังจากประเทศเหล่านี้ขึ้นดอกเบี้ยแล้วอาจจะได้เห็นภาพของเศรษฐกิจที่เหมือนเป็นปัญหาที่ซุกไว้ใต้พรมในช่วงเวลาของการ QE ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ และอาจจะทำให้ราคาของสินทรัพย์เสี่ยงมีการปรับตัวลดลงอีกครั้ง
  • เราคิดว่าประเทศอื่นๆอาจจะเข้าสู้ภาวะ Recession เรียบร้อยแล้วยกเว้นประเทสหรัฐฯ ที่สหรัฐฯยังไม่เข้า Recession เป็นเพราะอัตราการจ้างงานยังแข็งแกร่ง แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามที่อัตราการจ้างงานเริ่มมีสัญญาณลดลง สหรัฐฯก็จะต้องเข้าสู่ภาวะ Recession ในที่สุด และราคาสินทรัพย์เสี่ยงก็พร้อมจะปรับตัวลดลงได้อีก เมื่อถึงเวลานั้น อาจจะเป็นจังหวะในการเข้าลงทุนสำหรับนักลงทุนระยะยาวได้
ภาพจาก Bloomberg
  • จากภาพด้านบนที่เป็นรายงานจาก Bloomberg จะเห็นได้ว่าอัตราดอกเบี้ย Fixed Rate Mortgage ระยะเวลา 30 ปี พุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดตั้งแต่ปี 2008 และยังมีรายงานว่ายอดขายบ้านมือสองลดลงทำจุดต่ำสุดถึง 14% YOY เป็นเวลาติดต่อกันนานถึง 4 เดือน ซึ่งเป็นสัญญาณว่าผู้คนเริ่มทิ้งอสังหาฯ หรืออาจเป็นสัญญาณฟองสบู่และเข้าสู่การปรับฐานของตลาดอสังหาฯของสหรัฐฯ โดยก่อนหน้านี้ที่ตลาดหุ้นได้ทำการปรับฐานไปแล้ว ถ้าตลาดอสังหาฯปรับฐานด้วยในจังหวะนี้ จะเป็นการเสริมภาพที่จะเห็นคนจะเข้าถือเงินดอลลาร์และพันธบัตรแทนมากขึ้น อีกประเด็นที่น่าจับตามองคือใน Balance Sheet ของ Fed มี Asset Backed Securities (ABS) อยู่ด้วย ซึ่งเท่ากับว่าการที่ Fed ทำ QT นั้นจะเท่ากับว่าเป็นการเทขายพันธบัตรบ้านด้วย
  • ในส่วนของการทำ QT ที่ครั้งแรกที่เริ่มไปเมื่อเดือนมิถุนายน Fed ทำการดึงเงินออกจำนวน 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และในเดือนกันยายนจะ QT เพิ่มอีก 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจากสถานการณ์เงินเฟ้อที่ควบคุมไม่อยู่ในปัจจุบัน ถ้า Fed จะต้องทำทุกทางเพื่อลดเงินเฟ้อแล้วการทำ QT เพิ่มอีก 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐก็มีความเป็นไปได้สูง และเราอาจจะได้เห็นราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับลดลงอีกในเดือนกันยายน นักลงทุนอาจรอความชัดเขนเพิ่มขึ้นในเดือนกันยายน จึงค่อยพิจารณาลงทุนเพิ่มได้
  • ในขณะนี้ประเทศญี่ปุ่นได้ทำการเทขายพันธบัตรสหรัฐฯต่อเนื่อง ทั้งนี้ส่วนหนึ่งอาจเพื่อเป็นการ Defend ค่าเงินเยนเพราะเงินเยนอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 24 ปี โดยเป็นที่น่าจับตามองว่าญี่ปุ่นจะจัดการกับปัญหาเงินเยนอ่อนต่อไปอย่างไร เพราะในขณะนี้ญี่ปุ่นยังคงใช้มาตรการ QE อยู่ต่อเนื่อง ซึ่งถ้าญี่ปุ่นล้ม ตลาด Emerging หรือ ตลาดเอเชียอาจจะล้มตามไปด้วยอย่างแน่นอน
ภาพจาก Tradingview
  • สำหรับราคาน้ำมันขณะนี้อยู่ที่ 103 ดอลลาร์ เราคาดว่าราคาน้ำมันอาจจะมาเทสที่ระดับ 100 ดอลลาร์ในระยะสั้น แต่ระยะกลางมีโอกาสที่ราคาน้ำมันน่าจะปรับตัวขึ้นได้เพราะเศรษฐกิจยังไม่เข้าสู่ Recession เต็มตัว อย่างไรก็ตามยังมีอีกความเป็นไปได้คือที่ราคาน้ำมันปรับลดลงมาอาจจะ Price in ในเรื่องเรื่อง Recession ไปแล้วก็ได้
  • มีข่าวว่ารัสเซียจะใช้ทองมา Back ค่าเงิน Ruble หรือมีชื่อเรียกว่า Golden Ruble นอกจากนี้ยังมีประเทศกลุ่ม BRICS ที่ประกอบไปด้วยประเทศ Brazil, Russia, India, China และ South Africa ที่จะร่วมมือกันเพื่อทำ Reserve Currency ขึ้นมาใหม่ และนำไปใช้งานเพื่อแข่งกับ Swift ที่เป็นระบบการโอนเงินระหว่างประเทศ และยังมีข่าวว่า BRICS อาจจะทำ Stablecoin ด้วย ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าติดตาม เพราะการใช้ Blockchain อาจจะทำให้คนทั่วไปเข้าถึงได้มากขึ้นมากกว่าการใช้ระบบอย่าง Swift ก็ได้
  • ในขณะนี้อาจจะมีคำถามว่าตลาดถึงจุด Bottom แล้วหรือยัง เราคิดว่าสัญญาณของการ Bottom คือการเปลี่ยนแปลงของ Monetary Policy โดยตราบใดที่ยังเป็นการขึ้นดอกเบี้ยอยู่อาจจะยังไม่ใช่สัญญาณ Bottom แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย เช่น เปลี่ยนเป็นการคงดอกเบี้ย หรือ ลดดอกเบี้ย เมื่อนั้นอาจเป็นสัญญาณ Bottom แล้ว ในส่วนของปัจจัยที่จะเป็นตัวกำหนดนโยบายของ Fed ประกอบด้วย Inflation, CPI Data, Recession ตัวอย่างเช่น ถ้ามี GDP Growth Negative หรือ CPI ลดลงอีกรอบก็จะทำให้มีโอกาสเกิด Recession มากขึ้น ซึ่งอาจทำให้ Fed กลับมาลดความรุนแรงของ Monetary Policy ลง
ภาพจาก Tradingview
  • อีกหนึ่งดัชนีที่สามารถใช้พิจารณาควบคู่กับ CPI, Bond Yield, DXY คือ ISM manufacturing index หรือ Purchasing Managers’ Index ซึ่งเป็นดัชนีที่ใช้ดูภาวะเศรษฐกิจผ่านการสำรวจการจัดซื้อของผู้ผลิตเอกชน เราอาจดูว่าถ้าดัชนีต่ำกว่า 50 หมายถึงว่าเศรษฐกิจไม่ดี ซึ่งครั้งที่ต่ำกว่า 50 คือช่วงโควิดครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ 2020 แต่ในขณะนี้ดัชนีอยู่ที่ 57 หมายถึงว่าเศรษฐกิจยังคงดีอยู่
  • สำหรับเงินบาทปีนี้มองว่าน่าอ่อนค่าต่อเนื่องโดยน่าจะได้เห็นที่ระดับ 38-39 บาทต่อดอลลาร์ เพราะภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังไม่ดี อยู่ในภาวะ Stagflation และยังมีปัญหาเรื่องหนี้และการท่องเที่ยวที่ยังไม่กลับมา บวกกับเงินเฟ้อที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตามในอีกมุมหนึ่งอาจจะเป็นโอกาสการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยได้ เช่น ถ้าประเทศในยุโรปเข้าสู่หน้าหนาวแล้วราคาน้ำมันยังแพงและเงินบาทยังอ่อน ประเทศไทยอาจได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยวในปลายปีนี้ก็เป็นได้ นอกจากนี้ประเทศไทยอาจะได้รับผลดีจากภาวะเงินเฟ้อสูงในประเทศลาว ที่อาจทำให้มีแรงงานเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น

DeFi

Fees บนแพลทฟอร์มต่างๆจาก Cryptofees.info
  • ในช่วงเดือนที่ผ่านมาราคาเหรียญ Governance Token ของแพลทฟอร์ม Bluechip DeFi เช่น AAVE, COMP, UNI พากันปรับตัวขึ้น โดยมีไฮไลท์อย่างเหรียญ SNX ของแพลทฟอร์ม Synthetix ปรับตัวขึ้นกว่า 2 เท่า สาเหตุแรกคาดว่าเป็นเพราะว่าแรงซื้อเหรียญที่เพิ่มขึ้นจากการที่เราสามารถนำเหรียญ SNX ไปค้ำและ Mint เหรียญ sUSD Stablecoin โดยที่ได้รับ APR มากกว่า 200% นอกจากนี้ยังสามารถทำ Delta Neutral โดยการนำ SNX ไปค้ำเพื่อรับ APR และทำการ Short ไปพร้อมๆกันได้ อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราคาปรับเพิ่มขึ้นคือการที่แพลทฟอร์มมี Revenue เพิ่มขึ้นค่อนข้างเยอะในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา
  • หนึ่งในกลยุทธ์การลงทุนที่น่าสนใจในช่วงนี้คือการ Short เหรียญ Governance Token และสามารถทำกำไรจาก Funding Rate ไปด้วย หรือการฟาร์ม Stablecoin ก็ยังสามารถทำได้ โดยแนะนำ Stablecoin อย่าง USDC และ BUSD โดยแนะนำให้หลีกเลี่ยง USDT ที่ยังราคาหลุด Peg อยู่ และสำหรับเหรียญ Stablecoin ที่ Tether ออกใหม่อย่าง GBPt นั้นให้จับตามองไปก่อนว่าจะมีการนำไปใช้บนแพลทฟอร์ม DeFi ต่างๆหรือไม่
  • สำหรับแพลทฟอร์ม Velodrome บน Optimism ที่เคยพูดถึงไปก่อนหน้านี้ ที่มีหลักการแก้ไขปัญหา Toxic Liquidity ที่พัฒนาต่อยอดมาจากแพลทฟอร์ม Solidly บน Fantom นั้น ในขณะนี้มี TVL และ Volume ยังน้อยอยู่ จึงยังไม่มีความชัดเจนว่าโมเดลของ Velodrome จะดีจริงหรือไม่ ต้องติดตามดูต่อไป
  • ความคืบหน้าของ The Merge ล่าสุดคือหนึ่งใน Developer หลักได้ออกมาประกาศผ่าน Twitter ส่วนตัวว่าน่าจะเลื่อนไปเปิดตัวในช่วงเดือนกันยายน

NFT & GameFi

  • ช่วงนี้ความเคลื่อนไหวของ NFT ค่อนข้างเงียบๆ โดยตามกลุ่ม Telegram, Discord มีสมาชิกที่ยัง Active เหลือเพียงหลักร้อยคนจากหลักหลายพันคนก่อหน้านี้ ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงตกต่ำของ NFT ก็มี NFT ของบางโปรเจ็กต์ที่สามารถยืนราคาได้ ตัวอย่างเช่น Azuki ที่ยังสามารถยืนราคา Floor Price ได้ที่ประมาณ 12 ETH เท่าเดิม และยังมีความเคลื่อนไหวที่น่าในใจของโปรเจ็กต์อย่าง Doodle ที่ได้ Pharrell Williams มาเป็น Chief Brand Officer นอกจากนี้ Takashi Murakami แห่ง Clone X ก็เพิ่งคว้ารางวัล Best Fashion Project Award ที่งาน NFT NYC 2022 ที่ผ่านมา
  • เราเชื่อว่า NFT ยังคงมีอนาคตที่น่าสนใจเพราะเทคโนโลยีจะทำให้ผู้คนได้แสดงออกมากขึ้นผ่าน NFT เช่น รูป Profile Picture, Land หรือเครื่องประดับ เสื้อผ้า ต่างๆ ถึงแม้ว่าในช่วงนี้ความเคลื่อนไหวของ Community จะลดลง ประกอบกับราคา Floor Price ที่ปรับตัวลดลง แต่อาจเป็นช่วงเวลาที่ดีในการเข้าซื้อ NFT ในราคาถูก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Blue chip NFT ต่างๆ เช่น Clone X แต่ทั้งนี้ก็ควรใช้ความระมัดระวังโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเข้าภาวะ Recession อาจทำให้ราคา NFT ลดลงอีกได้
ภาพจาก Binance
  • เมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา Binance ได้ประกาศทำ NFT Project ร่วมกับนักฟุตบอลชื่อดังอย่าง Christiano Ronaldo โดยเรามองว่าการร่วมมือในลักษณะนี้น่าจะเป็นการดีลตลาดของ Binance ที่เน้นไปจับมือร่วมกับคนดังเท่านั้น หากใครที่มีความเชื่อว่าความสำเร็จของ NFT Project จะต้องมาจาก Passion ของผู้ก่อตั้ง NFT ตัวนี้ก็อาจจะไม่น่าสนใจมากนัก
ภาพจาก Twitter ของ Vitalik Buterin
  • Vitalik โพสต์ผ่าน Twitter ส่วนตัวในเชิงเชียร์โปรเจ็กต์ OptiPunk เพราะว่า OptiPunk จะนำรายได้ส่วนหนึ่งไปบริจาคเพื่อสนับสนุนส่วนรวม โดยก่อนหน้านี้ Floor Price ของ OptiPunk อยู่ที่ 0.06-0.07 ETH แต่ภายหลังจากโพสต์ของ Vitalik ราคา Floor Price ก็พุ่งขึ้นเป็น 0.16 ETH
ภาพจาก Ni no Kuni
  • สำหรับเกม P2E นั้นที่ยังไม่มีโปรเจ็กต์ไหนที่ราคาเหรียญมีความยั่งยืนได้เลย ทำให้ปัจจุบันนี้น่าจับตามองเกมที่เป็น Play and Earn ที่เน้นความสนุกของเกมมาก่อนการหารายได้ หนึ่งในเกม Play and Earn ที่น่าในใจคือ Ni no Kuni ที่จับตลาดเกมมือถือ และยังมีโมเดล Subscription Package ที่น่าสนใจและไม่มีในเกม P2E อื่นๆ ทำให้น่าจับตามองว่าจะมี Content ที่สามารถดึงผู้ใช้งานได้ในระยะยาวหรือไม่

Airdrop

ภาพจาก Arbitrum Twitter
  • ในช่วงนี้แนะนำให้ติดตามทำ Quest ของ Arbitrum Odyssey เพื่อล่า NFT ให้ครบทั้ง 8 สัปดาห์ โดยถ้าทำครบอาจจะได้รับแจก Airdrop โดยในสัปดาห์แรกจะเป็น Bridge Week (22 มิถุนายน – 27 มิถุนายน) ที่เราจะต้องไปใช้งาน Bridge ต่างๆเช่น Hop, Connext, Hashflow โดยที่จะต้องทำการ Bridge เหรียญ ETH (ไม่มีกำหนดจำนวนขั้นต่ำ) จาก Chain ใดก็ได้ แต่ปลายทางต้องเป็น Arbitrum
  • นอกจากนี้เรายังสามารถไปทำกิจกรรมล่า Airdrop เพิ่มเติมได้บน Optimism ผ่านการใช้งานแพลทฟอร์มต่างๆ เช่น Synthetix, Lyra, Kwenta หรือทำการซื้อขาย NFT Quixotic Marketplace นอกจากนี้ควรไปทำการ Delegate เหรียญ OP เพื่อโหวต Governance Proposal ด้วย

Author

Share :
Related
CoinTalk (22/3/2024):
Aethir Decentralized GPU
Technical Analysis $ONDO, $RNDR โดย Cryptomind Advisory (18 Mar 24)
Cryptomind Monthly Outlook (March 2024)